เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Yingluck Shinawatra
นายกฯ แถลงย้ำไม่ยึดติดตำแหน่ง พร้อมยุบสภาหากเป็นทางออกที่แท้จริง และทุกฝ่ายยอมรับผลการเลือกตั้ง พร้อมเปิดเวทีเจรจาหาทางออกร่วมกัน ลั่น ไม่มีใครแพ้ ประเทศชาติต้องชนะ
วันนี้ (8 ธันวาคม 2556) เมื่อเวลาประมาณ 12.28 น. นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แถลงข่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ทีวีพูล ถึงสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน ระบุว่า รัฐบาลขอแสดงความเสียใจและขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งทำให้ประชาชนต้องไม่สบายใจ
ทั้งนี้ นายกฯ ยืนยันว่า รัฐบาลพร้อมยุบสภา หากเสียงส่วนใหญ่เห็นด้วย และเห็นว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด ซึ่งจะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ภายใน 60 วัน แต่หากผู้ชุมนุม และพรรคการเมืองใหญ่ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง การยุบสภาก็เป็นเพียงการยืดเวลาความขัดแย้งออกไปเท่านั้น
สำหรับข้อเสนอของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. นั้น นางสาวยิ่งลักษณ์ ยืนยันว่า ไม่สามารถทำตามได้ เพราะไม่มีกฎหมายรองรับ อย่างไรก็ตาม หากจะดำเนินการจริงก็จำเป็นต้องขอประชามติจากประชาชน
สำหรับคำแถลงทั้งหมดของนายกรัฐมนตรีนั้น มีดังนี้
"พี่น้องประชาชนที่เคารพรักคะ นับตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน เป็นเวลาร่วมเดือนเศษแล้ว ที่มีสถานการณ์ความขัดแย้งเกิดขึ้น จนทำให้ประเทศตกอยู่ในขั้นวิกฤต รัฐบาลต้องขอแสดงความเสียใจ และขอโทษต่อเหตุการณ์ที่ทำให้พี่น้องประชาชน ต้องเดือดร้อนกังวลใจ และไม่สบายใจในเรื่องต่าง ๆ ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลได้พยายามอย่างยิ่งยวด ที่จะป้องกันเหตุรุนแรงต่าง ๆ รวมทั้งพร้อมที่จะเปิดเวทีรับฟังข้อเสนอ ของผู้ชุมนุมอยู่ทุกเมื่อ
อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอของผู้ชุมนุม ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งสภาประชาชน หรือ การขอนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 7 นั้น ไม่มีบทบัญญัติใดภายใต้รัฐธรรมนูญปัจจุบันรองรับ และยังไม่มีความชัดเจน ในทางปฏิบัติว่าจะดำเนินการอย่างไร อีกทั้งยังไม่มีกฎหมายใดรองรับในการกระทำ และยังมีการถกเถียงกันทางวิชาการ จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่ได้ได้ข้อสรุป อันเป็นที่ยอมรับของทุก ๆ ฝ่าย
ดิฉันขอเรียนพี่น้องประชาชนว่า รัฐบาลพร้อมที่จะยุบสภา หากเป็นความต้องการของพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ ทั้งนี้ต้องเป็นไปตามข้อกฎหมาย กล่าวคือ เมื่อยุบสภาแล้วก็ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งภายในไม่เกิน 60 วัน ตามที่กฏหมายกำหนด และในกติกาที่เป็นธรรม แต่หากผู้ชุมนุมและพรรคการเมืองใหญ่ไม่ตอบรับ หรือไม่ยอมรับผลของการเลือกตั้ง ก็จะเป็นเพียงการยืดเวลาของความขัดแย้งออกไป เช่นเดียวกับเหตุการณ์ความวุ่นวายในปี พ.ศ. 2549 ซึ่งมีพรรคการเมืองบอยคอตไม่ลงรับสมัครในการเลือกตั้ง ทำให้เกิดภาวะสูญญากาศทางการเมือง อันนำไปสู่การรัฐประหารในที่สุด
ดังนั้น รัฐบาลจึงเสนอให้ตั้งเวที หารือกันในข้อเสนอของผู้ชุมนุม หากยังขัดแย้งกันจนหาข้อยุติที่ตรงกันไม่ได้ ก็ขอเสนอให้ทำประชามติ เพื่อให้เสียงส่วนใหญ่ของพี่น้องประชาชน เป็นผู้ตัดสินใจ พร้อมทั้งสรุปแนวทางการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม และเกิดฉันทามติของทุกพรรคการเมือง ผู้ชุมนุม และทุกภาคส่วน ให้ยอมรับผลการตัดสินใจของประชาชนตามกติกา เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นให้หมดสิ้นไปอย่างแท้จริง
พี่น้องประชาชนที่เคารพคะ ดิฉันขอยืนยันอีกครั้งว่า ดิฉันไม่ติดยึดกับตำแหน่ง ยินดีที่จะยุบสภาฯ หรือลาออก เพียงแต่ขอให้มั่นใจว่าเป็นทางออกที่แท้จริง และสามารถทำให้ข้อขัดแย้งยุติ ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้ โดยต้องมั่นใจว่า ข้อเสนอนั้นเป็นข้อเสนอของเสียงส่วนใหญ่ของพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง
ข้อเสนอของคุณสุเทพฯ ที่ยืนยันมาโดยตลอดว่า ยุบสภาก็ไม่เอา นายกฯ ลาออกก็ไม่เอา แต่ต้องการให้คืนอำนาจให้กับพี่น้องประชาชน โดยไม่ต้องมีการเลือกตั้งนั้น ถือเป็นสิ่งใหม่ที่ยังไม่มีข้อยุติว่า เป็นไปตามครรลองในระบอบประชาธิปไตยหรือไม่ รัฐบาลที่จะเข้ามาบริหารประเทศ โดยที่ไม่ผ่านกระบวนการเลือกตั้ง ตามระบอบประชาธิปไตยถือเป็นเรื่องใหญ่ที่กระทบต่อภาพลักษณ์ และความเชื่อมั่นของประเทศชาติอย่างมาก
หากจะเสนอให้ดำเนินการ น่าที่จะต้องถามความเห็นพี่น้องประชาชนว่า เป็นความต้องการของเสียงส่วนใหญ่ของประเทศจริงหรือไม่ ซึ่งการทำประชามติ ถือเป็นวิธีที่มีการบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
สุดท้ายนี้ ดิฉันเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า เราทุกคนมีความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และรักประเทศชาติไม่แพ้กัน ดังนั้นเพื่อให้ประเทศชาติไม่ต้องบอบช้ำไปมากกว่านี้
ดิฉันอยากเห็นเราทุกคนหันหน้าเข้าหากันเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหา สำหรับในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ รัฐบาลยินดีจะรับฟังข้อเสนอของผู้ชุมนุม มาพิจารณาและหาทางออกร่วมกัน ไม่มีใครแพ้แต่เราทุกคนรวมถึงประเทศชาติเป็นผู้ชนะด้วยกันทั้งหมด ขอบคุณค่ะ"