เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุรภาพประกอบจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้ โพสต์โดยคุณ LAKORNHD Thaitv (Official) สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
พบซากกระทิงกลางอุทยานแห่งชาติกุยบุรีเพิ่มอีก 3 ตัว รวมเป็น 16 ตัว ขณะที่มีการสันนิษฐานว่า อาจมีสาเหตุจากการขัดแย้งภายในองค์กร ซึ่งรองอธิบดีกรมอุทยานฯปฏิเสธข่าวดังกล่าว พร้อมย้ำ เจ้าหน้าที่ทุกคนล้วนหวงแหนสัตว์ป่า
จากกรณีที่ กรมอุทยานฯ ส่งเจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติกุยบุรี หลังพบซากกระทิงตายเพิ่มต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 2-23 ธันวาคม 2556 รวม 13 ตัว เป็นเพศผู้ 10 ตัว และเพศเมีย 3 ตัว โดยมีการเก็บตัวอย่างน้ำ และร่องรอยต่าง ๆ ไปตรวจพิสูจน์ เนื่องจากเบื้องต้นสันนิษฐานว่า อาจมีสารพิษตกค้างในพื้นที่ หรืออาจเป็นโรคระบาดนั้น
เมื่อวานนี้ (24 ธันวาคม 2556) นายพงษ์พันธ์ วิเชียรสมุทร นายอำเภอกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมเจ้าหน้าที่เครือข่ายองค์กรอนุรักษ์สัตว์ป่ากุยบุรี และเจ้าหน้าที่ทหารที่เกี่ยวข้อง ประมาณ 150 นาย ได้สนธิกำลังเข้าตรวจสอบพื้นที่โครงการกุญชรเพื่อฟื้นฟูสภาพป่าสงวนแห่งชาติป่ากุยบุรี ใกล้กับหมู่บ้านรวมไทย ต.หาดขาม เป็นระยะทางกว่า 6 ตารางกิโลเมตร เพื่อค้นหาซากสัตว์ป่าอื่น ๆ เพิ่มเติม ส่วนซากกระทิงที่พบก่อนหน้านี้อยู่ระหว่างรอการตรวจสอบ โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำเขากระทิงไปเก็บไว้ที่ทำการอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เนื่องจากเป็นทรัพย์สินของทางราชการ
นายพงษ์พันธ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่ค้นหาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าน่าจะพบซากกระทิงเพิ่มอีก และหลังจากพบซากกระทิงจำนวนมาก ยอมรับว่ามีผลกระทบกับจำนวนนักท่องเที่ยว เพราะบางส่วนได้รับข้อมูลคลาดเคลื่อน เนื่องจากอุทยานฯ จะปิดป้ายประกาศห้ามเข้าในบางพื้นที่เท่านั้น แต่ไม่ได้ห้ามชมสัตว์ป่าในจุดที่กำหนดไว้ ซึ่งจะมีการประชาสัมพันธ์ให้ทราบต่อไป โดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
ทั้งนี้ เบื้องต้นชาวบ้านในอำเภอกุยบุรีวิเคราะห์ว่า สาเหตุที่กระทิงเสียชีวิตน่าจะมีความผิดปกติ เนื่องจากกระทิงไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งของชาวบ้านรอบพื้นที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี เหมือนกรณีช้างป่าออกมาทำลายพืชไร่ ซึ่งส่วนตัวประเมินว่า กระทิงได้กินอาหารที่มีพิษ และไม่เกี่ยวข้องกับแหล่งน้ำในโครงการกุญชร ซึ่งต้องรอผลการพิสูจน์ตามหลักวิชาการก่อน ส่วนข่าวลือที่ชาวบ้านวิจารณ์เรื่องความขัดแย้งของเจ้าหน้าที่ ก็ยอมรับว่าประเด็นนี้น่าสนใจ เนื่องจากในระยะ 4 ปีที่ผ่านมา มีการย้ายหัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรีมากถึง 6 คน
ด้านนายศรีสวัสดิ์ บุญมา กำนันตำบลหาดขาม อ.กุยบุรี กล่าวว่า ชาวบ้านในพื้นที่ไม่สบายใจ หลังจากสัตว์ป่าหายากใกล้สูญพันธุ์ตายจำนวนมากพร้อมกัน โดยยังหาสาเหตุไม่ได้ และส่วนตัวเชื่อว่าไม่ได้เกิดจากโรคระบาดสัตว์ ดังนั้นต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเชิงลึกว่า เกิดจากสารพิษจากการกินอาหารตามธรรมชาติ หรือเกิดจากการกระทำของมนุษย์
โดยผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานที่รับผิดชอบ ต้องหาสาเหตุด้วยว่า มีความขัดแย้งภายในของเจ้าหน้าที่หรือไม่ หรือ มีการดิสเครดิตข้าราชการในพื้นที่ เบื้องต้นทางฝ่ายปกครองได้ร่วมกับผู้ใหญ่บ้านและอาสาสมัครกลุ่มต่าง ๆ ช่วยกันออกหาข่าวอย่างเต็มที่เพื่อทำให้ข้อเท็จจริงปรากฏ
ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวระดับสูงของกรมอุทยานฯ ซึ่งเคยปฏิบัติหน้าที่บริหารงานในพื้นที่ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ระบุว่า สาเหตุการตายของกระทิงไม่ได้เกิดจากการกินไมยราบไร้หนามตามที่มีการสันนิษฐานเบื้องต้น แต่น่าจะเกิดจากปัญหาความขัดแย้งภายใน ระหว่าง 2 หน่วยงานที่ทำงานทับซ้อนในพื้นที่ ระหว่างอุทยานแห่งชาติกุยบุรี และหน่วยพื้นฟูสภาพป่า ซึ่งสังกัดกรมเดียวกัน
เนื่องจากก่อนหน้านี้คณะกรรมาธิการสิ่งแวดว้อมของวุฒิสภา ( สว.) ได้จัดสรรงบประมาณเพื่อฟื้นฟูสภาพป่าอย่างต่อเนื่อง 2 ปี โดยมีงบประมาณ 7 ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูสภาพป่าที่เสื่อมโทรมจากการทำการเกษตร ซึ่งที่ผ่านมาก็มีความขัดแย้งเกิดขึ้น จนทำให้มีการแต่งตั้งโยกย้ายผู้บริหารของอุทยานแห่งชาติกุยบุรีหลายราย
โดยในเวลาต่อมา นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า สำหรับซากกระทิงที่พบเพิ่มอีก 3 ตัวนั้น เป็นซากเก่า ส่วนประเด็นที่คาดการณ์ว่า อาจเกิดจากความขัดแย้งภายในองค์กร ส่วนตัวเชื่อว่าคงไม่มี เพราะเจ้าหน้าที่ทุกคน ทุกหน่วยงาน ของกรมอุทยานฯ ในพื้นที่ มีความรักและหวงแหนสัตว์ป่า ส่วนการแต่งตั้งโยกย้ายผู้บริหารอุทยานแห่งชาติกุยบุรีที่ผ่านมา ก็เป็นเรื่องของการบริหารจัดการภายในตามความเหมาะสม
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด นายปรีชา วิทยพันธ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี เผยว่า จากการลาดตระเวนดังกล่าว ทำให้พบซากกระทิงเพิ่มอีก 3 ตัว เป็นเพศเมีย 2 ตัว เพศผู้อีก 1 ตัว รวมพบซากกระทิง 16 ตัว
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
