x close

ชูวิทย์ ยัน เสียงปืนไม่ได้มาจากฝั่งตำรวจ ห่วงเกิดโศกนาฏกรรม


ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก ชูวิทย์ I'm No.5

          ชูวิทย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ยัน เหตุปะทะที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น เสียงปืนไม่ได้มาจากฝั่งตำรวจ เผย ตำรวจชั้นผู้น้อยกำลังอึดอัดถูกสั่งห้ามพกอาวุธ ใช้ความรุนแรง หวั่น ถ้าตำรวจคุมอารมณ์ไม่อยู่ อาจเกิดโศกนาฏกรรม

          เมื่อคืนวันที่ 27 ธันวาคม 2556 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ชูวิทย์ I'm No.5 ถึงเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง เมื่อวันที่ 26 ธันวาคมที่ผ่านมา ระบุว่า เสียงปืนที่ดังขึ้นหลายนัดนั้นไม่ได้มาจากฝั่งตำรวจแน่นอน เพราะวันเกิดเหตุตนก็อยู่ในพื้นที่ด้วย

          ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สร้างความเคืองแค้นให้กับตำรวจไม่น้อย เพราะขณะที่ปั๊มหัวใจให้เพื่อนตำรวจก็ยังมีคนระดมยิงใส่ โดยนายชูวิทย์ ระบุด้วยว่า ขณะนี้ กลุ่มตำรวจกำลังอึดอัดใจที่ผู้บังคับบัญชาสั่งไม่ให้พกอาวุธและใช้ความรุนแรงการปราบปราม จนมาเกิดเหตุเช่นนี้ จึงกังวลว่าจะเกิดเหตุร้ายแรงขึ้น เพราะอารมณ์ของตำรวจชั้นผู้น้อยเริ่มพุ่งพล่าน และมีแนวโน้มสูงว่าจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ในกรณีที่ปะทะกับม็อบ หากมวลมหาตำรวจรวมตัวกันเมื่อไร โศกนาฏกรรมจะเกิดขึ้นแน่นอน

          "มวลมหาตำรวจ

          วันนี้ พล.ต.ท.อนุชัย เล็กบำรุง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ได้โทรหาผม และสอบถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ ซึ่งผมได้เล่าเอาไว้ว่า ผมได้พรางตัวใน "วันสมัครรับเลือกตั้งเลือด" ช่วงเช้าวันพฤหัสที่ผ่านมา ที่มีทั้งผู้บาดเจ็บ และล้มตาย

          ผมได้เล่าเหตุการณ์ให้ พล.ต.ท.อนุชัย ฟังว่า ผมยืนอยู่ที่ร้านโจ๊ก ฝั่งตรงข้ามประตูกระทรวงแรงงานที่มีเหล่าแนวหน้าของม็อบยืนอยู่ เสียงปืนหลายนัดดังมาจากด้านซ้ายมือของผม ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของกระทรวงแรงงาน ไม่ได้มาจากฝั่งตำรวจแต่อย่างใด นี่เป็นข้อเท็จจริงที่ผมประสบมา

          ส่วนความโกรธแค้นของตำรวจที่อยู่ในสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ที่เห็นตำรวจด้วยกันบาดเจ็บล้มตาย ย่อมต้องเคืองแค้นเป็นธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ตำรวจชั้นผู้น้อยที่ปฏิบัติหน้าที่ภาคสนาม เพราะในขณะที่เจ้าหน้าที่ปั๊มหัวใจตำรวจที่ถูกยิงอยู่นั้น ยังมีการยิงเข้ามาไม่หยุดยั้ง จนตำรวจด้วยกันถึงกับต้องร้องตะโกนให้เอาโล่มาบัง

          โดยปกติผมไม่ค่อยได้เข้าข้างตำรวจเสียเท่าไหร่ บางคนถึงขนาดเรียกผมว่าเป็น "ศัตรูคู่อาฆาตกับตำรวจ" แต่เหตุการณ์อย่างนี้ ผมเห็นอย่างไร รู้สึกอย่างไรก็พูดไปอย่างนั้น

          วันนี้ที่ตำรวจโห่ไล่ ส.ว. ที่เข้าไปตรวจสถานที่ที่สนามกีฬาเวสน์ 2 ย่อมเป็นไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกร่วมที่เพื่อนตำรวจถูกกระทำจนเสียชีวิต ทั้ง ๆ ที่ยังมีเมีย และลูกเล็ก ๆ ส่วนใครบางคนไปประชดประชันเสียดสีว่า เมียเขาร้องให้เพราะ "ดราม่า" ทั้ง ๆ ที่เมียเขาเสียใจเพราะหัวหน้าครอบครัวเขาตาย ขอให้ลองคิดเอาแล้วกันว่า ถ้าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับคนในครอบครัวตัวเองบ้าง จะรู้สึกอย่างไร?

          เหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง ไม่ว่าผู้สูญเสียจะเป็นตำรวจ หรือผู้ชุมนุม ย่อมเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจทั้งนั้น

          ขณะนี้ผมทราบมาว่า บรรดาตำรวจชั้นผู้น้อยส่ง Line ถึงกัน แชร์ความรู้สึกที่อึดอัด เนื่องจากถูกผู้บังคับบัญชาสั่งห้ามใช้ความรุนแรง และห้ามพกพาอาวุธ แต่ในขณะนี้อารมณ์ของตำรวจชั้นผู้น้อยเริ่มพุ่งพล่าน และมีแนวโน้มสูงว่าจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ในกรณีที่ปะทะกับม็อบ

          ตอนนี้ "มวลมหาตำรวจ" เขาเริ่มรวมตัวกัน ความรุนแรงกำลังขยายตัวเกิดขึ้น หากม็อบที่เอาแต่บอกว่า "ชุมนุมโดยสันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธ ไม่ใช้ความรุนแรง" ปะทะกับตำรวจ โศกนาฏกรรมความรุนแรงจะเกิดขึ้นแน่นอน

          แบบนี้คงเข้าทางผู้ที่ประสงค์จะสร้างความรุนแรง และนำไปเป็นเงื่อนไขในการใช้ช่องทางพิเศษเพื่อให้ตัวเองได้มีอำนาจ

          เดี๋ยวคงได้เห็นว่าใครเป็นใคร หลังจากฝุ่นเริ่มจาง และกลับมาใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์








เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ชูวิทย์ ยัน เสียงปืนไม่ได้มาจากฝั่งตำรวจ ห่วงเกิดโศกนาฏกรรม อัปเดตล่าสุด 28 ธันวาคม 2556 เวลา 11:29:36 23,601 อ่าน
TOP