เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Wassana Nanuam
วาสนา นาน่วม ชี้ กองทัพจัดสวนสนามยานยนต์เนื่องในวันกองทัพไทยเป็นปีแรก ทำคนตื่นข่าวลือรัฐประหาร มองคนมีสิทธิ์คิดได้ แต่ส่วนตัวเชื่อจัดสวนสนามยานยนต์ เพื่อเป็นเกียรติ พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะเกษียณในเดือนกันยายนนี้
เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2557 ในเฟซบุ๊ก Wassana Nanuam ของ วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายทหาร ได้โพสต์บทความเรื่อง "สวนสนามยานยนต์-สวนสนามสาบานธง วันกองทัพไทย...กับความหวาดระแวง การรัฐประหาร ????" ระบุว่า การซ้อมสวนสนามของกองทัพบกเนื่องในวันกองทัพไทยปีนี้เป็นปีแรกที่มีการสวนสนามยานยนต์ จึงทำให้หลายฝ่ายหวาดหวั่นเป็นอย่างมากว่าจะเกิดการรัฐประหารขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่ตนเองทำข่าวสายทหารมานาน เชื่อว่า การสวนสนามยานยนต์ครั้งนี้ เพื่อเป็นเกียรติแก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกที่จะเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งทางกองทัพบกก็ได้แจ้งไว้แล้ว แต่ก็ไม่แปลกที่คนจะคิดไปถึงการรัฐประหาร เพราะบ้านเมืองขณะนี้สุ่มเสี่ยงเป็นอย่างมาก
นางสาววาสนา ยังมองด้วยว่า การทำรัฐประหารในยุคนี้ไม่ง่าย เพราะจะมีคนออกมาต่อต้าน ชาวโลกก็กดดัน อีกทั้งยังมีบทเรียนจากการรัฐประหารปี 2549 และการสลายการชุมนุมปี 2553 จึงทำให้ทหารตัดสินใจได้ยาก แต่ขณะนี้ทุกฝ่ายกำลังบีบทหารไม่ให้มีทางเลือกมากนัก ดังนั้น ผู้นำเหล่าทัพอาจต้องคิดหนักว่าจะเขียนประวัติศาสตร์ไว้แบบไหน
"สวนสนามยานยนต์-สวนสนามสาบานธง วันกองทัพไทย...กับความหวาดระแวง การรัฐประหาร ????
ในที่สุด....จะมีรัฐประหาร เป็นทางเลือกสุดท้ายและทางออกสุดท้ายของวิกฤตการเมืองครั้งนี้หรือไม่ ไม่มีใครอาจหยั่งรู้ แต่ทว่า การเคลื่อนย้ายกำลังทหารพร้อมรถเกราะ และอาวุธยุทโธปกรณ์ จากหลายหน่วยเข้ามาที่ ร.11 รอ. เพื่อเตรียมการซ้อมสวนสนามเนื่องในวันกองทัพบกและกองทัพไทย 18 ม.ค. ในช่วงวันที่ 6-9 ม.ค. โดยปีนี้เป็นปีแรกที่มีการสวนสนามยานยนต์ จึงทำให้ยิ่งเกิดข่าวลือและความหวาดหวั่นต่อการรัฐประหารมากขึ้น โดยเฉพาะในหมู่คนเสื้อแดง แม้แต่แกนนำนปช. อย่าง ตู่ จตุพร พรหมพันธุ์ ก็ยังตั้งคำถามถึง พล.อ.ประยุทธ์ ผบ.ทบ. ว่าจะสวนสนาม หรือรัฐประหาร.....
ในฐานะที่ตามเรื่องนี้มาตลอด ขอเรียนว่า วาส ได้รับทราบจาก กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.๑ รอ.) ตั้งกลางเดือน พ.ย. ปี 2556 ตอนที่ไปทำข่าว การซ้อมพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ในวันที่ ๕ ธ.ค. ที่ในหลวงเสด็จออกมหาสมาคม ณ วังไกลกังวล หัวหิน โดยมีการซ้อมกันที่ ร.11 รอ. ทาง ทบ.ได้บอกแล้วว่า เสร็จจากการซ้อมนี้แล้ว จะมีการซ้อมสวนสนามสาบานธง เนื่องในวันกองทัพบก และกองทัพไทย 18 ม.ค. เพราะปีนี้จะเป็นปีแรกที่จะมีการสวนสนามยานยนต์
โดยสันนิษฐานว่า ทำให้ยิ่งใหญ่ เป็นปีสุดท้ายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ที่จะเกษียณ ก.ย. นี้แล้ว โดยหน่วยที่มาก็เป็นหน่วยต้นกำเนิดของ พล.อ.ประยุทธ์ เช่น พล.ร.2 รอ. บูรพาพยัคฆ์ จากปราจีนบุรี และ ร.21 รอ. ชลบุรี พร้อมด้วย ของหน่วยทหารม้าจากสระบุรี และ ร.31 รอ.ลพบุรี
หรือหากจะรัฐประหารก็ไม่จำเป็นต้องอ้างการสวนสนามยานยนต์ เพราะหน่วยกำลังในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ก็มีพร้อมทั้งกำลังและยุทโธปกรณ์ ที่จะก่อการยึดอำนาจได้แล้ว
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ ใคร ๆ จะสงสัยว่า มีเป้าหมายเพื่อการรัฐประหารหรือไม่ เพราะล้วนเป็นหน่วยรบ ที่เป็นขุมกำลังปฏิวัติ ใน 42 กองพันแรกของ ทบ. ทั้งสิ้น แต่ทว่า เพราะเป็นหน่วยรบอันดับต้น ๆ ของ ทบ. และเป็นหน่วยกำเนิดของ พล.อ.ประยุทธ์ จึงได้นำมาสวนสนามแสดงความเข้มแข็งเพื่อเป็นเกียรติแก่ พล.อ.ประยุทธ์ ผบ.ทบ. และกองทัพบก และกองทัพไทย หรือแม้ว่าจะคิดแผนสวนสนามยานยนต์มานานแล้ว แต่อาจจะมาฉวยโอกาส ในเวลานี้ก็ได้นั้น
ดังนั้น ถ้ามองในแง่ดีก็คือการเตรียมการ เพื่อแสดงแสนยานุภาพของกองทัพ และเทิดเกียรติ พล.อ.ประยุทธ์ ผบ.ทบ. แต่ถ้าใครจะสงสัยหวาดระแวง ว่าเตรียมการรัฐประหาร ก็เป็นสิทธิที่จะคิดเช่นนั้น เพราะสถานการณ์มันสุ่มเสี่ยงไม่น้อย แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเหลือเวลาบนเก้าอี้ ผบ.ทบ. อีกแค่ไม่ถึง 9 เดือน และต้องคิดหนักว่าจะยื้อเวลา แล้วเกษียณสบาย ๆ หรือว่า จะต้องเอาภาระหนักอึ้งในการแก้ปัญหาชาติบ้านเมือง มาไว้บนบ่า ในเวลาที่เหลืออยู่ หรืออาจยาวนาน จนเกินเวลาที่เกษียณราชการก็เป็นได้...
ที่สำคัญการรัฐประหารในยุคนี้ไม่ง่าย ไหนคนเสื้อแดงจะประกาศต่อต้าน ไหนสังคมโลกไม่ยอมรับ กดดันแบบสุด ๆ โดยเฉพาะอเมริกา การนองเลือดรออยู่เบื้องหน้า แถมทั้งไม่สามารถแก้ปัญหาความแตกแยกที่เป็นอยู่ได้เลย ตรงกันข้ามอาจยิ่งทำให้แตกแยกมากขึ้น เช่นที่รัฐประหาร 19 ก.ย.2549 ได้ทิ้งผลพวงเอาไว้....
แต่ในเมื่อบ้านเมืองในเวลานี้ ไม่มีทางออก ในเมื่อไม่มีใครกล้าทำอะไรกับการจลาจลที่เกิดขึ้น ตำรวจและทหารไม่กล้าสลายม็อบ เพราะมีบทเรียนจากการปราบเสื้อแดงปี 2553 แล้วก็ไม่ต้องการจะปฏิวัติรัฐประหาร ขณะที่ ฝ่ายนายสุเทพ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รักษาการนายกรัฐมนตรี ก็ยังยืนกรานในจุดยืนเดิมของตนเอง.....แต่ดูเหมือนทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาแล้ว และกำลังจะเกิดขึ้น กำลังบีบให้ทหาร ไม่มีทางเลือกมากนัก ระหว่าง เป็นทหารเฉย นิ่งอดทนเช่นเดิม หรือว่า จะเสี่ยงอีกครั้ง....แต่ต้องไม่ใช่การทำเพื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ทำเพื่อประเทศชาติ แบบที่ พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำเสมอว่า "ผมอยู่ข้างประเทศไทย" Country First
คงเป็นสิ่งที่ผู้นำเหล่าทัพ โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ คงต้องคิดหนัก.....ว่าจะให้จบแบบไหน แล้วเขียนประวัติศาสตร์หน้านี้เช่นไร"
วาสนา นาน่วม
