เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก สปริงนิวส์
กกต. สมชัย ศรีสุทธิยากร เซ็ง ส่งจดหมายเชิญ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถกเรื่องเลือกตั้งไปแต่ไร้การตอบรับ ยัน จะส่งไปเรื่อย ๆ ตลอดทั้งเดือนจนกว่าจะมา และจะเปลี่ยนโรงแรมไปเรื่อย ๆ สุดท้ายอาจจบที่โฟร์ซีซั่นส์
จากการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ส่งหนังสือเชิญ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้มาร่วมหารือเรื่องการเลือกตั้งในวันที่ 17 มกราคมนี้ เพราะยังมีประเด็นข้อกฎหมายที่ต้องมาหาคำตอบกันก่อน หากเห็นไม่ตรงกันจะได้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนั้น
เมื่อเช้าวันนี้ (17 มกราคม 2557) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 ได้รายงานว่า เมื่อวานนี้ (16 มกราคม 2557) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง ด้านกิจการบริหารจัดการเลือกตั้ง ได้กล่าวถึงเรื่องการเชิญนายกรัฐมนตรีมาร่วมหารือในวงเสวนาเรื่อง "การเลือกตั้ง 2 ก.พ. 57 กับการปฏิรูปการเมืองไทย" ว่า จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้รับคำตอบจากนายกรัฐมนตรีว่าจะเข้าร่วมกับเวที กกต. หรือไม่ แต่แม้ว่าจะไม่ได้รับการตอบรับ กกต. ก็จะพยายามติดต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้รับการตอบรับ เพราะจำเป็นต้องมาหาข้อสรุปร่วมกัน หากนายกรัฐมนตรีไม่สะดวกก็ขอให้ประสานมา เพื่อจะนัดแนะให้ กกต. เข้าไปคุยก็ได้ หากสะดวกโรงแรมไหน กกต. ก็พร้อมที่จะเข้าพบ สุดท้ายอาจจะจบที่โรงแรมโฟร์ซีซันส์ก็ได้
"ปัญหาอุปสรรคของการปฏิรูปคือฝ่ายการเมือง ที่จะต้องมีจิตใจเป็นนักปฏิรูปอย่างแท้จริง มันไม่เคยเกิดขึ้น เขาจะคิดต่อเมื่อเขาจนแต้ม เขาจะคิดต่อเมื่อมีม็อบชุมนุมเต็มบ้านเต็มเมือง เขาจะคิดต่อเมื่อถูกปิดหมด ถูกชัตดาวน์ทั่วกรุงเทพฯ แล้วจะบอกว่า วันนี้ดิฉันจะไปเป็นประธานการปฏิรูป มาประชุมกับ กกต. ได้ประโยชน์กว่าเยอะ เราเชิญประชุมวันนี้ท่านไม่มา พรุ่งนี้เราจะส่งหนังสือเชิญอีก ถ้าไม่มาเราก็ส่งหนังสือเชิญอีก เมื่อกี้หนังสือพิมพ์ถามผมว่า แล้วยังไงต่อ ก็จะส่งไปเรื่อย ๆ ครับ ให้ทำจดหมายยาวไปเลยถึงปลายเดือน วันนี้ไม่มาก็ส่งไปอีก ส่งทุกวัน ส่งทุกวัน แถลงข่าวทุกวันว่าเชิญนายกฯ ทุกวัน แล้วนายกฯ ไม่มา ดูซิว่านัดที่ไหนจะมา ตอนนี้เปลี่ยนโรงแรมไปเรื่อย ๆ สุดท้ายจะเปลี่ยนไปที่โฟร์ซีซั่นส์" นายสมชัย ระบุ
อย่างไรก็ตาม ประโยคสุดท้ายที่ นายสมชัย ได้พูดไว้นั้น ได้ถูกอีกฟากฝั่งทางการเมืองนำไปวิพากษ์วิจารณ์อย่างเผ็ดร้อน โดยมองว่าเป็นการเสียดสีเหน็บแนมนายกรัฐมนตรี ซึ่งภายหลัง นายสมชัย ก็ได้ชี้แจงถึงคำพูดดังกล่าวว่า เป็นเพียงการพูดแบบทั่วไป ไม่มีเจตนาแอบแฝงใด ส่วนที่คนมองว่าเป็นการพูดเสียดสีนั้น จริง ๆ ที่ผ่านมาไม่ว่าจะพูดอะไรตนก็ถูกตำหนิมาโดยตลอดอยู่แล้ว
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก