ภราดร ชี้ สถานการณ์ชุมนุมใกล้ถึงจุดใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้ โพสต์โดยคุณ LAKORNHD Thaitv (Official)

          พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ระบุ แนวโน้มม็อบการเมืองรุนแรงต่อเนื่อง เข้าข่ายประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หลังส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และเกรงว่า มือที่ 3 ซึ่งแฝงตัวในกลุ่มผู้ชุมนุมจะสร้างความปั่นป่วนมากขึ้น

          เมื่อวานนี้ (19 มกราคม 2557) ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เมืองทองธานี ว่า นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอ.รส.) เข้าร่วมประชุมประเมินสถานการณ์การชุมนุมปิดกรุงเทพฯ ของกลุ่ม กปปส.  ในวันที่ 7 ร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเป็นการหารือเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์การชุมนุม ที่คาดว่าสัปดาห์หน้าจะยกระดับขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

          พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เปิดเผยว่า จะต้องจับตาการชุมนุมในสัปดาห์หน้าอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ที่คาดว่าจะมีการปิดสถานที่ราชการทุกแห่ง เพื่อเป็นตัวอย่างให้แต่ละภาคดำเนินการตาม อีกทั้งต้องประเมินการขัดขวางการเลือกตั้งล่วงหน้าที่จะมีขึ้นในวันที่ 26 มกราคมนี้ ดังนั้นจะต้องเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ขณะเดียวกันรัฐบาลก็จะเร่งประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับประชาชนว่า การชุมนุมครั้งนี้มีนัยยะทางการเมือง

          ส่วนเหตุการณ์ที่การ์ด กปปส. ถูกยิงบริเวณห้าแยกลาดพร้าว เจ้าหน้าที่ก็ได้มีการสืบสวนหาข่าวในเชิงลึกแล้ว โดยยืนยันว่า อาวุธที่ใช้ก่อเหตุไม่ใช่สไนเปอร์ แต่เป็นปืนธรรมดา พร้อมยอมรับว่า พื้นที่ดังกล่าวสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดเหตุรุนแรงมากกว่าจุดชุมนุมอื่น ๆ และมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น เพราะผู้ที่ต้องสัญจรผ่านไปมาและผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว อาจไม่พอใจการชุมนุมครั้งนี้ รวมทั้งอาจมีกลุ่มมือที่ 3 แฝงตัวอยู่ เพื่อสร้างสถานการณ์ใส่ร้ายรัฐบาลและฝ่ายตรงข้ามด้วย

          พล.ท.ภราดร กล่าวอีกว่า จากเหตุระเบิดบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ใกล้กับเวทีของผู้ชุมนุมกลุ่ม กปปส. ซึ่งมีผู้บาดเจ็บ 28 ราย และสาหัส 7 ราย ชี้ให้เห็นว่า สถานการณ์ความรุนแรงสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกพื้นที่ ไม่ใช่แค่ช่วงเวลากลางคืนเท่านั้น และถือว่าเข้าข่ายประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ได้แล้ว เนื่องจากส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งเหลือเพียงเงื่อนไขการก่อการร้ายเท่านั้น

          ดังนั้น ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ทางตำรวจจึงเสนอรัฐบาลขอใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อให้ง่ายต่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลรักษาความปลอดภัย โดยใช้เป็นเครื่องมือในการปฏิบัติไม่ใช่เป็นการปราบปรามประชาชน เนื่องจากมีความจำเป็นในการบริหารสถานการณ์ในพื้นที่ ทั้งการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และการจัดระเบียบสื่อ

          อย่างไรก็ตาม สำหรับประเด็นนี้คงต้องมีการหารือระหว่างทหารกับตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงอีกครั้ง ส่วนการดูแลรักษาความปลอดภัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกฯ แน่นอนว่าจะต้องมีการยกระดับการดูแลรักษาความปลอดภัยผู้นำตามหลักสากล โดยเฉพาะในการปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ ที่จะไม่มีการเปิดเผยล่วงหน้า