x close

อดีต รมว.คลัง เตือนรัฐบาลนำเงิน 2 ล้านล้าน โปะหนี้จำนำข้าว ไม่เหมาะ

ธีระชัย ภูวนาทนรานุบาล

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก facebook thirachai phuvanatnaranubala

          ธีระชัย ภูวนาทนรานุบาล อดีต รมว.คลัง ส่งจดหมายเปิดผนึกเตือนรัฐบาล ระวังเรื่องกู้เงินรับจำนำข้าว ชี้ นำเงินจาก พ.ร.บ.กู้เงิน 2.2 ล้านล้าน มาใช้ไม่เหมาะสม

          วันนี้ (27 มกราคม 2557) เฟซบุ๊ก Thirachai Phuvanatnaranubala ของนายธีระชัย ภูวนาทนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีการเขียนจดหมายเปิดผนึกถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเงินกู้รับจำนำข้าว มีข้อความดังนี้

          "จดหมายเปิดผนึกถึงข้าราชการกระทรวงการคลังและผู้บริหารสถาบันการเงิน เกี่ยวกับเงินกู้รับจำนำข้าว

วันที่ 25 มกราคม 2557

          เรื่อง การตีความของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเรื่องโครงการรับจำนำข้าว

   เรียน 1 ปลัดกระทรวงการคลัง

          2 ผู้อำนวยการสำนักบริหารหนี้สาธารณะ

          3 ผู้บริหารสถาบันการเงินที่กำลังพิจารณาจะให้กู้ยืมในโครงการรับจำนำข้าว

          ตามที่ปรากฏข่าวในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจฉบับวันที่ 25 มกราคม 2557 ว่าสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้แจ้งผลการพิจารณาเรื่องโครงการจำนำข้าวมาที่รัฐบาล โดยพิจารณาเห็นว่า โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ไม่ถือเป็นโครงการใหม่ เนื่องจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกฤดูกาลผลิตปี 2556/ 2557 ได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2556 ซึ่งเป็นการดำเนินการก่อนที่นายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภา เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2556 อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมามีเกษตรกรได้เข้าร่วมในโครงการดังกล่าวของรัฐบาล ดังนั้นถือเป็นหนี้ผูกพันที่รัฐบาลต้องหาแหล่งเงินมาบริหารหนี้ที่เกิดจากโครงการดังกล่าว

          สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจึงมีความเห็นว่า โครงการรับจำนำข้าวเปลือกฤดูกาลผลิตปี 2556/ 2557 จึงอยู่ในเงื่อนไขมาตรา 181 (3) นั้น

          ผมขอเรียนว่าในการพิจารณาดังกล่าว สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาน่าจะยังมิได้คำนึงอย่างครบถ้วนและรอบคอบในประเด็นต่อไปนี้

          1. การโอนวงเงินกู้ที่มีไว้เพื่อรองรับร่าง พ.ร.บ. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. ... (เงินกู้สองล้านล้านบาท) น่าจะไม่ถูกต้อง

          วงเงินกู้ 1.3 แสนล้านบาท ที่โอนจากโครงการคมนาคม ไปใช้ในโครงการรับจำนำข้าวแทนนั้น เป็นส่วนหนึ่งของวงเงินรวม 3,316,330.84 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวงเงินที่เตรียมไว้รองรับการก่อหนี้ตามร่าง พ.ร.บ. ข้างต้น จึงเป็นวงเงินอนาคต ดังนั้น การโอนวงเงินอนาคต มาใช้ในปัจจุบัน ทั้งที่ร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวยังไม่มีผลใช้บังคับ จึงน่าจะไม่ถูกต้อง

          2. การโอนวงเงินกู้จากโครงการคมนาคมไปใช้ในโครงการรับจำนำข้าว น่าจะมีผลเป็นการรอนสิทธิคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป ทั้งในการดำเนินการโครงการคมนาคมดังกล่าว และในการกำหนดนโยบายการคลังหาแหล่งเงินเพื่อใช้ในโครงการรับจำนำข้าว

          เนื่องจากโครงการคมนาคมดังกล่าวน่าจะได้รับการพิจารณามาแล้วอย่างรอบคอบโดยกระทรวงคมนาคม ดังนั้น เมื่อมีการโอนวงเงินสำหรับโครงการดังกล่าวออกไป คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ย่อมจะไม่สามารถเลือกที่จะดำเนินการโครงการดังกล่าวได้อีกต่อไป หรือหากจะดำเนินการ ก็ต้องมีภาระหาเงินกู้ก้อนใหม่เพื่อการนี้

          นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่อาจจะประสงค์ที่จะใช้แหล่งเงินจากการขายข้าว ให้เป็นแหล่งเงินหลักเสียก่อน แล้วค่อยใช้แหล่งเงินจากการกู้ เป็นแหล่งเพิ่มเติมถ้าหากไม่พอเพียง ดังนั้น การโอนวงเงินกู้ดังกล่าว จึงเป็นการรอนสิทธิของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่จะกำหนดนโยบายการคลังจัดลำดับก่อนหลังของแหล่งเงิน

          3. การโอนวงเงินกู้ดังกล่าว น่าจะผิดวัตถุประสงค์ในการกำหนดวงเงินรับจำนำข้าวเป็นวงเงินหมุนเวียน

          ที่ผ่านมากระทรวงการคลังได้เสนอคณะรัฐมนตรีให้กำหนดวงเงินสำหรับโครงการรับจำนำข้าวในลักษณะที่เป็นวงเงินหมุนเวียน ก็เพื่อกระตุ้นให้กระทรวงพาณิชย์เร่งรัดการจำหน่ายข้าว อันจะเป็นการลดความเสี่ยงข้าวเสื่อมสภาพ และป้องกันการทุจริต มิให้มีการชะลอการขายข้าวแบบผ่านคอขวด โดยให้ผ่านผู้ซื้อเพียงไม่กี่รายไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ดังนั้น การโอนวงเงินดังกล่าว จึงเป็นการดำเนินการที่ผิดวัตถุประสงค์เดิม ที่ต้องการลดความเสี่ยงข้าวเสื่อมสภาพ และป้องปรามการทุจริต

          4. การที่คณะกรรมการบริหารหนี้สาธารณะฯ มีมติโอนวงเงิน และให้กระทรวงการคลังค้ำประกันหนี้ดังกล่าวนั้น เป็นมติที่เกิดขึ้นภายหลังการยุบสภา จึงน่าจะเข้าบทบัญญัติของมาตรา 181 (3) ด้วย

          ถึงแม้โครงการรับจำนำข้าวเปลือกฤดูกาลผลิตปี 2556/ 2557 จะได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2556 ซึ่งเป็นการดำเนินการก่อนที่นายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภา เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2556 ก็ตาม แต่คณะรัฐมนตรีมิได้อนุมัติให้กระทรวงการคลังค้ำประกันหนี้ การค้ำประกันหนี้ปรากฏภายหลังในมติของคณะกรรมการบริหารหนี้สาธารณะฯ ที่เกิดขึ้นภายหลังการยุบสภา

          เรื่องนี้ต้องพิจารณาสองประเด็น หนึ่ง มติของคณะกรรมการบริหารหนี้สาธารณะฯ มีอำนาจที่จะบังคับคณะรัฐมนตรีรักษาการณ์ ให้ต้องไม่คัดค้านการค้ำประกันหนี้ ตามมติของคณะกรรมการดังกล่าวได้จริงหรือไม่ และ สอง หากมีอำนาจที่จะบังคับคณะรัฐมนตรีรักษาการณ์ได้จริง การดำเนินการของคณะกรรมการหนี้สาธารณะฯ น่าจะต้องอยู่ในบทบัญญัติของมาตรา 181 (3) ด้วย

          5. การโอนวงเงินและขั้นตอนการอนุมัติให้กระทรวงการคลังค้ำประกันดังกล่าวไม่เป็นไปตามขั้นตอนปกติที่เคยใช้เดิม จึงอาจจะมีเจตนาฝ่าฝืนมาตรา 181 (4)

          เนื่องจากการชำระเงินให้แก่เกษตรกรที่ค้าง จะทำให้เกิดผลดีแก่พรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาลเป็นอย่างมาก โดยจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เกี่ยวข้องจะมีหลายล้านคน ทั้งตัวเกษตรกรเอง และบุคคลในครอบครัว รวมไปถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องในขบวนการรับจำนำข้าวด้วย ดังนั้น ผู้ดำเนินการจึงต้องระมัดระวัง มิให้เข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 181 (4)

          แต่กรณีนี้มีการดำเนินการที่ไม่ค่อยจะปกติอย่างน้อยสามเรื่อง คือ

          หนึ่ง การโอนวงเงินที่เป็นส่วนหนึ่งของร่าง พ.ร.บ. กู้เงินสองล้านล้านบาท ในระหว่างการเลือกตั้ง โดยไม่รอผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเสียก่อน เป็นการดำเนินการที่รีบร้อน อาจจะมีเจตนาแอบแฝงเพื่อให้มีผลต่อการเลือกตั้ง

          สอง การโอนวงเงินจากโครงการลงทุนเพื่อสร้างทรัพย์สินวัตถุถาวรให้แก่ประเทศ อันเป็นโครงการที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกและลดต้นทุนในการขนส่งสินค้าและการเดินทาง อันเป็นโครงการที่สำคัญต่อกลยุทธทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างยิ่ง แต่เปลี่ยนไปเป็นโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งเป็นการใช้สิ้นเปลืองและมีโอกาสจะขาดทุน และไม่ได้สร้างวัตถุถาวรใด ๆ เพื่อการพัฒนาประเทศ ซึ่งการโอนวงเงินข้ามประเภทเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องที่ทำกันเป็นปกติ และเมื่อมีการเร่งดำเนินการในช่วงที่มีการเลือกตั้ง จึงอาจจะมีเจตนาแอบแฝงเพื่อให้มีผลต่อการเลือกตั้ง

          สาม การอนุมัติให้กระทรวงการคลังค้ำประกันหนี้ แทนที่จะเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาตรงไปตรงมาอย่างเปิดเผยเช่นเดิม กลับไปดำเนินการอย่างไม่เปิดเผยผ่านคณะกรรมการบริหารหนี้สาธารณะฯ และเป็นการมีมติในช่วงที่มีการเลือกตั้ง จึงอาจจะมีเจตนาแอบแฝงเพื่อให้มีผลต่อการเลือกตั้ง

          ผมจึงขอแนะนำให้ท่านใช้ความระมัดระวังในการดำเนินการดังกล่าว

          จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ

          ขอแสดงความนับถือ

          นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล"




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
อดีต รมว.คลัง เตือนรัฐบาลนำเงิน 2 ล้านล้าน โปะหนี้จำนำข้าว ไม่เหมาะ อัปเดตล่าสุด 13 มีนาคม 2557 เวลา 14:36:48 11,040 อ่าน
TOP