เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ทวิตเตอร์ @pui_tuangporn
มาเลเซียยังไม่พบซากเครื่องบิน MH370 พร้อมปฏิเสธข่าวเครื่องบินวกกลับไปยังมะละกา ชี้ไม่มีหลักฐาน ด้าน FBI เผยยังไม่ปัดตกข้อสันนิษฐานการก่อการร้าย ขณะที่ทางจีนเผยก่อนเกิดเหตุมีชายนิรนามโทรขู่ก่อการร้ายในสนามบินปักกิ่ง
เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2557 สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการสืบสวนเหตุเที่ยวบิน MH370 หายไปอย่างไร้ร่องรอยว่า แม้จะยังไม่พบหลักฐานว่าเครื่องบินจะหายไปจากการก่อการร้าย แต่หน่วยสืบสวนก็ไม่ได้ละทิ้งข้อสันนิษฐานนี้ ส่วนข่าวที่ระบุว่าพบเครื่องบินวกกลับ จับสัญญาณได้ครั้งสุดท้ายขณะบินเหนือช่องแคบมะละกานั้น เป็นรายงานที่ไม่เป็นความจริง เพราะตอนนี้ไม่มีหลักฐานใดบ่งชี้ว่าเป็นเช่นนั้น ขณะที่ทางด้านไชน่า แอร์ไลน์ส ออกมาเผย มีชายนิรนามโทรมาขู่ก่อการร้ายที่สนามบินปักกิ่ง 4 วันก่อนเที่ยวบิน MH370 หายไป
รายงานระบุว่า หลังจากมีการเปิดเผยโฉมหน้าและรายละเอียดของ 2 ผู้โดยสารชายชาวอิหร่านที่ใช้พาสปอร์ตปลอม เดินทางบนเที่ยวบิน MH370 ออกมาแล้ว และพบว่าไม่มีแนวโน้มที่จะก่อการร้ายบนเครื่องบินแต่อย่างใด แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ทางทีมสืบสวนก็ยังไม่ปัดข้อสันนิษฐานใดให้ตกไปได้ในตอนนี้ และยอมรับว่าการก่อการร้าย ยังเป็นหนึ่งในข้อสันนิษฐานที่เกี่ยวเนื่องกับการหายไปของเที่ยวบิน MH370 อยู่ ในช่วงที่ยังไม่สามารถหาคำตอบใด ๆ ได้ เพราะยังไม่พบซากเครื่องบินในตอนนี้
ในขณะเดียวกัน ทางด้านสายการบินไชน่า แอร์ไลน์ส ก็ได้ออกมาเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา หรือ 4 วันก่อนที่เที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส จะหายไป ได้มีชายนิรนามโทรศัพท์มาขู่ก่อการร้าย ระบุว่าจะก่อการร้ายที่สนามบินปักกิ่ง โดยชายนิรนามรายนี้ ได้เริ่มต้นสนทนาด้วยภาษาฝรั่งเศสกับพนักงานที่รับโทรศัพท์ ก่อนที่จะเปลี่ยนใช้ภาษาจีนแมนดาริน เมื่อพบว่าพนักงานไม่เข้าใจภาษาฝรั่งเศส อย่างไรก็ดี ไม่สามารถระบุได้ว่าชายนิรนามรายนี้โทรศัพท์มาจากที่ไหน
เช่นเดียวกับทางเอฟบีไอและซีไอเอ หน่วยสืบสวนจากสหรัฐอเมริกาที่ร่วมมือกับหน่วยสืบสวนมาเลเซียและจีน ก็ได้สืบสวนว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนที่เครื่องบินจะถูกจี้หรือก่อการร้ายและระเบิดกลางอากาศ แต่อย่างไรก็ดี ก็ไม่ได้ให้น้ำหนักกับข้อสันนิษฐานเรื่องการก่อการร้ายมากกว่าข้อสันนิษฐานอื่น ๆ และที่สำคัญคือ ไม่อยากให้มุ่งประเด็นไปตั้งข้อสงสัยว่าผู้โดยสาร 2 รายที่ใช้พาสปอร์ตปลอมเดินทางจะเป็นผู้ก่อการร้าย โดยทางเอฟบีไอได้กล่าวว่า "แค่เพราะพวกเขาใช้พาสปอร์ตที่ขโมยมาในการเดินทาง ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาเป็นผู้ก่อการร้ายเลยนะ พวกเขาอาจเป็นเพียงคนที่ใช้วิธีทุจริตเพื่อแอบเดินทางเข้ายุโรปเท่านั้น"
นอกจากนี้ หน่วยสืบสวนยังสืบสวนไปถึงสุขภาพจิตของทั้งลูกเรือและผู้โดยสารบนเครื่องบินทุกคนด้วย โดยมีการตรวจสอบว่ามีลูกเรือหรือผู้โดยสารคนไหนที่มีปัญหาทางจิตหรือไม่ ส่วนข้อสันนิษฐานเรื่องเครื่องยนต์ขัดข้องก็ยังเป็นหนึ่งในปัจจัยที่เป็นไปได้เช่นกัน
ส่วนความคืบหน้าในประเด็นที่ว่า เที่ยวบิน MH370 หายไปจากจอเรดาร์ภาคพื้นบริเวณจุดใดนั้น ล่าสุด ทางกองทัพอากาศมาเลเซียได้ออกมาเปิดเผยว่า เรดาร์จับการบินของเครื่องบินครั้งสุดท้ายขณะบินเหนือทะเลจีนใต้ ตามที่เสนอข่าวไปตั้งแต่แรก พร้อมกันนี้ก็ได้ปฏิเสธข่าวที่ว่ากองทัพอากาศพบหลักฐานว่าเครื่องบินได้กลับลำเดินทางกลับไปมาเลเซียและจับสัญญาณครั้งสุดท้ายได้ขณะบินเหนือช่องแคบมะละกา
ทั้งนี้ สำหรับข่าวที่สื่อมวลชนเผยออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งทางกองทัพได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริงนั้น ระบุว่า ทางกองทัพพบว่าเที่ยวบิน MH370 เริ่มหายไปหลังจากขึ้นบินได้ราว 1 ชั่วโมง โดยบินอยู่ระหว่างชายฝั่งทางตะวันออกของเมืองโคตา บารู ประเทศมาเลเซีย และชายฝั่งทางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม ที่ความสูง 35,000 ฟุต และหลังจากหายไปได้ราว 1 ชั่วโมง (เมื่อเวลา 02.40 น.) ก็ปรากฏให้เห็นบนจอเรดาร์อีกครั้งขณะบินอยู่เหนือช่องแคบมะละกา ที่ระดับความสูงลดต่ำลงที่ 29,528 ฟุต ก่อนจะหายไปไม่ปรากฏสัญญาณใด ๆ อีกเลย
อย่างไรก็ดี นอกจากการเปิดเผยของทางทีมสืบสวนแล้ว ยังมีชาวประมงที่อ้างว่าเห็นเหตุการณ์ผิดวิสัยของเที่ยวบิน MH370 ได้เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 01.30 น. ของวันที่ 8 มีนาคมซึ่งเป็นวันเกิดเหตุ เขาเห็นเครื่องบินลำหนึ่งบินเหนือพื้นที่เมืองกัวลาเบซาร์ แต่บินต่ำมากจนผิดปกติ เขาสามารถมองเห็นไฟเครื่องบินใหญ่เท่าลูกมะพร้าวเลยทีเดียว ขณะที่พยานอีกราย ที่อยู่ห่างจากเมืองโกตาบารู ได้เปิดเผยว่า เขาเองก็เห็นดวงไฟสว่างไสวเคลื่อนผ่านเขาไปอย่างรวดเร็วเมื่อเวลาประมาณ 01.45 น.
อนึ่ง ทีมสืบสวนย้ำว่าทุกอย่างยังเป็นเพียงข้อสันนิษฐาน รวมถึงคำเปิดเผยของพยานทุกปากด้วย ตอนนี้ไม่ว่าอะไรก็เป็นไปได้ทั้งหมด ตราบใดที่ยังค้นหาซากเครื่องบินไม่พบและยังไม่มีหลักฐานใดบ่งชี้แน่ชัด
