แพทย์รามาฯ เตือนกินไข่แมงดาทะเล เสี่ยงเจอพิษ หลังพบผู้ป่วยแล้ว 8 ราย เสียชีวิต 1 ราย แนะหากรับประทานแล้วมีอาการชาลิ้น นิ้วมือ นิ้วเท้า ให้รีบไปโรงพยาบาล
วันนี้ (12 มีนาคม 2557) ศ.นพ.วินัย วนานุกูล หัวหน้าศูนย์พิษวิทยา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ประกาศเตือนถึงอันตรายจากการกินไข่แมงดาทะเล ว่า แมงดาทะเลมีอยู่ 2 ชนิด คือ แมงดาถ้วยและแมงดาจาน ซึ่งแมงดาจานไม่มีพิษสามารถกินได้ แต่ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา พบผู้ป่วยที่ได้รับสารพิษ เต็ตโตรโดท็อกซิน (Tetrodotoxin) จากการกินไข่แมงดาทะเล 8 ราย และเสียชีวิต 1 ราย ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงมากเกือบเท่าจำนวนผู้ป่วยทั้งปีของปี 2556 จึงต้องออกมาเตือนประชาชนให้ระวังถึงอันตรายจากการไข่กินแมงดาทะเล ซึ่งพิษตัวนี้เมื่อกินเข้าไปแล้วภายใน 15-30 นาที จะเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ชาบริเวณลิ้น ปลายนิ้วมือและเท้า แขนขาไม่มีแรง ไม่สามารถขยับตัวได้ กล้ามเนื้อหายใจไม่ทำงาน ทำให้หายใจไม่ออกและหากนำตัวส่งโรงพยาบาลไม่ทันก็จะเสียชีวิตในที่สุด
ศ.นพ.วินัย กล่าวต่อว่า ปัญหาที่พบคือประชาชนไม่สามารถแยกระหว่างแมงดาถ้วยหรือแมงดาจาน เพราะเกือบทุกกรณีผู้ป่วยมักยืนยันว่ากินไข่แมงดาจาน จึงมีข้อสงสัยว่าแมงดาจานอาจมีการข้ามสายพันธุ์หรืออาจจะมาจากไข่แมงดาที่ขายตามร้านอาหารทั่วไปที่เราไม่สามารถทราบว่าคือแมงดาชนิดไหน ดังนั้น การไม่กินไข่แมงดาจึงปลอดภัยที่สุด
สำหรับผู้ที่กินไข่แมงดาแล้วเกิดอาการชาให้ปฐมพยาบาลเบื้องต้นโดยการเปิดเสื้อผ้าเพื่อให้ทางเดินหายใจคล่องที่สุด และรีบนำตัวไปส่งโรงพยาบาลทันที และแจ้งแพทย์ว่า กินไข่แมงดาทะเลเข้าไป ก็จะช่วยให้การดูแลรักษาง่ายขึ้น โดยแพทย์จะใส่เครื่องช่วยหายใจ ซึ่งร้อยละ 90 อาการจะดีขึ้นได้เองภายใน 3-4 วัน
ส่วนสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตส่วนใหญ่ เนื่องจากมาพบแพทย์ช้าจนแพทย์ไม่สามารถให้การช่วยเหลือได้ทัน มีเพียงส่วนน้อยที่เกิดอาการแทรกซ้อน และต้องขอย้ำว่าไม่ว่าจะนำไข่แมงดามาทำให้สุกด้วยความร้อนก็ไม่สามารถสลายพิษตัวนี้ได้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
