เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Policespokesmen
น้องเติ้ล ด.ช.ป่านธนา มาลาศรี อายุ 9 ปี คิดถึงพ่อที่เป็นตำรวจปราบจลาจลซึ่งประจำอยู่ ศรส. จนต้องนั่งรถตู้จาก จ.นครราชสีมา มาหาพ่อเพียงลำพัง
เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2557 ด.ช.ป่านธนา มาลาศรี หรือ น้องเติ้ล อายุ 9 ปี กำลังเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนจักราชราษฎร์สามัคคี ต.จักราช อ.จักราช จ.นครราชสีมา เดินทางมายังบริเวณสโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดี ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) เพียงลำพัง
โดยจากการสอบถามทราบว่า เด็กชายคนดังกล่าวนั่งรถตู้จาก จ.นครราชสีมา มาหาพ่อ คือ ด.ต.ทองทวี มาลาศรี อายุ 51 ปี ผบ.หมู่ ป.สภ.จักราช จ.นครราชสีมา ซึ่งได้รับมอบหมายให้มาประจำการที่ ศรส. เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย เมื่อ พ่อ-ลูก พบหน้ากันจึงรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันอยู่หน้าสโมสรตำรวจ
ทั้งนี้ น้องเติ้ล เล่าว่า เพราะเป็นช่วงปิดเทอม และตนอยู่บ้านคนเดียวจึงรู้สึกเหงา คิดถึงพ่อ เลยนั่งรถตู้มาหาพ่อด้วยตัวเองเพียงคนเดียว และลงที่สโมสรตำรวจเพื่อถามหาพ่อ จึงได้พบหน้าและกินข้าวด้วยกัน ซึ่งตนไม่กลัวม็อบเพราะอยากเจอพ่อมากกว่า รวมถึงโตขึ้นก็จะเป็นตำรวจเหมือนพ่อด้วย
ขณะที่ ด.ต.ทองทวี เล่าว่า ตนเองมีลูก 3 คน ภายหลังแยกทางกับภรรยา จึงนำ น้องเติ้ล ซึ่งเป็นลูกชายคนเล็กมาเลี้ยงดูเอง และอยู่ด้วยกัน 2 คนพ่อลูกที่ห้องพักข้าราชการตำรวจ ก่อนที่ตนจะต้องเข้ามาประจำการในกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม 2557 ทำให้ลูกอยู่บ้านคนเดียวไม่มีคนดูแล และรบเร้าอยากมาหา ตนจึงอนุญาตให้ลูกนั่งรถมาและโทรคุยกันตลอดทาง โดยตนเองมีกำหนดกลับบ้านวันที่ 16 มีนาคม 2557
ส่วนล่าสุด วันนี้ (14 มีนาคม 2557) นางอำไพ จีบโพธิ์ ครูประจำชั้นของน้องเติ้ล เผยว่า น้องเติ้ลเป็นเด็กที่มีผลการเรียนปานกลาง ไม่ถึงดีและไม่ถึงกับแย่ แต่ทั้งนี้ครูต้องคอยให้การช่วยเหลือและคอยติดตามเรื่องการบ้านของน้องเติ้ลมาโดยตลอด ซึ่งตนก็เข้าใจว่า เด็กต้องอาศัยอยู่กับพ่อซึ่งเป็นตำรวจและปฏิบัติหน้าที่จนไม่ได้ดูแลลูกอย่างเต็มที่
นางอำไพ กล่าวต่อว่า ต่อมาช่วงสอบปลายภาค ตนทราบมาว่าพ่อของน้องเติ้ลต้องไปปฏิบัติหน้าที่ที่ กทม. น้องเติ้ลจึงต้องอาศัยอยู่ตามลำพังที่บ้านพักข้าราชการตำรวจ ตนเองก็คอยติดตามและสอบถามตลอดว่า กินข้าวหรือยัง ทำการบ้านหรือยัง ซึ่งน้องเติ้ลต้องหุงหาอาหารกินเองแทบทุกเช้า ก่อนที่จะขับจักรยานมาโรงเรียน บางครั้งถ้าพ่อไปราชการต่างพื้นที่เป็นเวลานาน น้องเติ้ลก็จะย้ายไปอยู่บ้านย่า ซึ่งห่างจากโรงเรียนประมาณ 20 กิโลเมตร ต้องนั่งรถรับ-ส่ง มาโรงเรียน แต่บางวันก็ไม่มาโดยน้องเติ้ลให้เหตุผลว่าขึ้นรถรับ-ส่ง ของโรงเรียนไม่ทัน บางครั้งก็ทำการบ้านและส่งงานไม่ทันเพื่อน ซึ่งครูก็ตักเตือนและพยายามช่วยเหลือจนทำเสร็จ
ครูประจำชั้นกล่าวต่อว่า โดยรวมแล้วน้องเติ้ลเป็นเด็กดี อารมณ์ดี เข้ากับเพื่อน ๆ ได้ดี ซึ่งปีการศึกษาหน้าน้องเติ้ลก็จะขึ้นชั้น ป.4 แล้ว ตนก็อยากให้กำลังใจลูกศิษย์เดินตามความฝันเป็นตำรวจให้ได้แบบพ่อของเขา
ขณะที่ พล.ต.ต.พงษ์เดช พรหมมิจิตร ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา เผยว่า จ.นครราชสีมา มีกองร้อยควบคุมฝูงชน 5 กองร้อย กองร้อยละ 155 นาย รวมทั้งหมด 775 นาย ซึ่งได้ส่งไปปฏิบัติหน้าที่ที่กรุงเทพฯ แล้ว 3 กองร้อย ยังเหลืออีก 2 กองร้อย ที่เตรียมความพร้อมในที่ตั้ง ส่วนกำลังที่ส่งไปนั้นจะอยู่ปฏิบัติหน้าที่รวม 10 วัน จากนั้นก็จะมีการสลับสับเปลี่ยนกองร้อยชุดที่เหลือเข้าไปแทน
ในส่วนของ ด.ต.ทองทวี พ่อของน้องเติ้ลนั้น เป็นตำรวจที่ถูกคัดเลือกจาก สภ.จักราช เคยไปปฏิบัติหน้าที่ที่กรุงเทพฯ แล้วประมาณ 3 รอบ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายต้องปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายอย่างเคร่งครัด หากมีความจำเป็น ก็อาจมีการปรับเปลี่ยนให้คนที่มีความพร้อมไปแทน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก