x close

กอริลลาบัวน้อย ยังไม่ถูกย้ายจากสวนสัตว์พาต้า หวั่นติดโรคจากพื้นดิน


กอริลลาบัวน้อย

กอริลลาบัวน้อย



ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ทวิตเตอร์ @SoraidaSalwala, change.org

             กอริลลาบัวน้อย ยังไม่ถูกย้ายจากสวนสัตว์ลอยฟ้าพาต้า เพราะห่วงการติดเชื้อโรคจากพื้นดิน กลุ่มผู้รณรงค์เล็งคุยกับเจ้าของโดยตรง

             ความคืบหน้ากรณีที่กลุ่มคนรักสัตว์ร่วมรณรงค์โครงการหาบ้านใหม่ให้ บัวน้อย กอริลลายักษ์ที่อยู่ในสวนสัตว์ลอยฟ้าพาต้ามากว่า 20 ปี ล่าสุด (24 กันยายน 2557) นางศิลจิรา อภัยทาน ผู้รณรงค์โครงการดังกล่าวผ่านทางเว็บไซต์ change.org ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ นายนิพนธ์ โชติบาล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อขอให้ทางกรมอุทยานฯ เพิกถอนใบอนุญาตสวนสัตว์ลอยฟ้าพาต้า และนำกอริลลามาเลี้ยงยังพื้นดิน

            ทั้งนี้ นางศิลจิรา เผยว่า ตนและกลุ่มคนรักสัตว์ ได้นำรายชื่อกว่า 3.5 หมื่นชื่อ และคาดว่าจะถึง 4 หมื่นรายชื่อ ในไม่ช้า มายื่นเพื่อเรียกร้องให้กรมอุทยานฯ เพิกถอนใบอนุญาตสวนสัตว์พาต้า เพื่อกดดันให้ทางสวนสัตว์นำกอริลลาบัวน้อยลงมาอยู่บนพื้นดิน เนื่องจากเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยจากปัญหาอัคคีภัย และสภาพความเป็นอยู่ในสวนสัตว์ โดยยืนยันว่าไม่ได้ต้องการให้ยุบสวนสัตว์ดังกล่าวแต่อย่างใด

            ทางด้าน นายนิพนธ์ เผยว่า กอริลลาของสวนสัตว์พาต้า มีการนำเข้าอย่างถูกกฎหมายก่อนที่จะมีข้อตกลงในอนุสัญญาไซเตส ซึ่งห้ามการนำเข้าและส่งออกสัตว์ป่าหายาก โดยกฎหมายไทยไม่ได้ระบุให้กอริลลาเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ทำให้การครอบครองกอริลลาของสวนสัตว์พาต้าถือว่าเป็นทรัพย์สินส่วนตัว อย่างไรก็ตามทางกรมอุทยานฯ สามารถเข้าไปดูแลเรื่องใบอนุญาตประกอบกิจการสวนสัตว์ได้ ซึ่งหลังจากที่ใบขออนุญาตของสวนสัตว์พาต้าหมดไปเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา ทางกรมอุทยานฯ ก็ได้ตั้งคณะกรรมการจากบุคคลภายนอกที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านสวนสัตว์มาตรวจสอบสวนสัตว์พาต้าแล้วถึง 3 ครั้ง เพื่อให้ดำเนินการตามหลักวิชาการและมาตรฐานสากล ซึ่งทางสวนสัตว์ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

            โดยล่าสุดได้เชิญเจ้าหน้าที่สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านสวนสัตว์ มาร่วมตรวจสอบพิจารณาเกี่ยวกับสวัสดิภาพของสัตว์และมาตรการเมื่อเกิดอัคคีภัย โดยสัตว์ขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถขนย้ายได้ง่าย หรือจำเป็นต้องใช้ยาสลบในการเคลื่อนย้าย จะต้องย้ายไปอยู่ในสถานที่อื่นที่เหมาะสม ให้เหลือเพียงสัตว์ป่าที่สามารถบริหารจัดการได้เท่านั้น ซึ่งทางสวนสัตว์พาต้าก็ยินดีนำสัตว์ลงมา ยกเว้นเพียงกอริลลาบัวน้อย ที่จำเป็นต้องอยู่ที่เดิมก่อน เนื่องจากกอริลลาบัวน้อย อาศัยอยู่ในสวนสัตว์ลอยฟ้ามาตั้งแต่อายุ 2 ปี จนปัจจุบันอายุ 27 ปี แล้ว อาจจะไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป รวมถึงอาจป่วยจากการติดเชื้อโรคจากพื้นดินในประเทศไทยได้

            อย่างไรก็ตามทางกรมอุทยานฯ ได้ต่อใบอนุญาตสวนสัตว์พาต้าไปแล้วเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2557 โดยได้กำหนดเงื่อนไขว่า จะต้องปรับปรุงแก้ไขอุปกรณ์ป้องกันและระงับอัคคีภัยของอาคาร จัดทำแผนควบคุมชนิดและจำนวนสัตว์ป่าให้เหมาะสมและสอดคล้องกับแผนป้องกันระงับอัคคีภัย รวมถึงนำสัตว์ที่เคลื่อนย้ายลำบากเมื่อเกิดอัคคีภัย อาทิ กอริลลา เสือ หมี ลงมาอยู่ที่พื้นด้านล่าง โดยได้มีการเสนอวิธีแก้ปัญหา ให้สร้างสถานที่ที่เหมาะสมในการอยู่อาศัยสำหรับกอริลลาบัวน้อย แต่คาดว่าจะต้องใช้เงินประมาณ 40-50 ล้านบาท ซึ่งเมื่อมองในแง่เศรษฐกิจแล้วอาจไม่คุ้มค่า จึงยังไม่ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับเรื่องนี้

             อนึ่ง คุณโซไรดา ซาลวาลา ผู้ก่อตั้งมูลนิธิเพื่อนช้าง ซึ่งได้ร่วมรณรงค์หาบ้านใหม่ให้กอริลลาบัวน้อย ได้เผยผ่านทวิตเตอร์ @SoraidaSalwala ว่า บัวน้อยถือเป็นทรัพย์สินของเจ้าของ โดยเธอและคุณศิลจิรา ได้ขอเข้าพบเจ้าของกอริลลาบัวน้อยเป็นการส่วนตัว ในวันศุกร์ที่ 26 กันยายนนี้


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก





เรื่องที่คุณอาจสนใจ
กอริลลาบัวน้อย ยังไม่ถูกย้ายจากสวนสัตว์พาต้า หวั่นติดโรคจากพื้นดิน อัปเดตล่าสุด 25 กันยายน 2557 เวลา 18:30:39 13,520 อ่าน
TOP