หม่อมลูกปลา เปิดใจหลังออกจากคุก ในรายการ ปากโป้ง

หม่อมลูกปลา เปิดใจหลังออกจากเรือนจำ หลังได้รับการพักโทษ จากคดี มีส่วนเกี่ยวข้องในการถึงชีพิตักษัยของ ท่านกบ หม่อมเจ้าฐิติพันธุ์ ยุคล อดีตพระสวามี

หลังจากถูกศาลฎีกาตัดสินจำคุก "หม่อมลูกปลา" หรือ น.ส.โชติกา ขวัญฐิติ อดีตชายา หม่อมเจ้าฐิติพันธุ์ ยุคล หรือ "ท่านกบ" เป็นเวลา 4 ปี 8 เดือน ในข้อหาฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ในคดีมีส่วนเกี่ยวข้องในการถึงชีพิตักษัยของ ท่านกบ อดีตพระสวามี จนกระทั่งล่าสุด หม่อมลูกปลา ก็ได้รับการอภัยโทษให้พ้นจากเรือนจำ แต่ต้องเข้ารายงานตัวทุกเดือน

โดยเมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 17 มีนาคม 2558 หม่อมลูกปลา หรือ น.ส.โชติกา ก็ได้เดินทางมาเปิดเผยชีวิตหลังออกจากเรือนจำกับรายการ "ปากโป้ง" ทางช่อง 8 ซึ่งหม่อมลูกปลาได้เผยชีวิตหลังจากพ้นจากเรือนจำได้ 1 เดือน ว่า

"ตอนนี้ออกมาจากเรือนจำได้ประมาณ 1 เดือนแล้ว ตอนที่ศาลตัดสินนั้น 4 ปี 8 เดือน แต่อยู่ในเรือนจำจริง 2 ปี 6 เดือน เพราะได้รับการอภัยโทษ ซึ่งก่อนหน้านี้สู้คดีกันมา 15 ปี โดยศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 9 ปี 6 เดือน มาถึงศาลอุทรณ์ตัดสินยกฟ้อง จนมาถึงศาลฎีกาก็ตัดสิน 4 ปี 8 เดือน

ตอนแรกที่เข้าไปในเรือนจำก็ท้องได้ประมาณสองเดือนแล้ว ตอนนั้นแพ้ท้องมากด้วย กินข้าวไม่ค่อยได้ด้วย เข้าไปแรก ๆ ก็อยู่ในแดนแรกรับ ก็เครียดเหมือนกันเพราะเราท้อง ก็กังวลว่าจะทำอะไรทันคนอื่นเค้ามั้ย แต่โชคดีตอนหลังได้ย้ายไปอยู่แดนนอกที่มีคนท้อง คนแก่ ก็เลยรู้สึกโล่งขึ้น และหนูก็คลอดลูกในเรือนจำนี้เลย"

"ถ้าย้อนชีวิตกลับไปตอนนั้น หลังจากที่ออกมาจากวังแล้วก็ไปอยู่ที่เชียงใหม่ ไปขายก๋วยเตี๋ยว ช่วงนั้นเป็นช่วงวัยรุ่นติดเพื่อน หนีเที่ยวจะชอบไปเล่นเจ็ทสกี แต่ไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ดีนะ เมื่อออกมาจากวังเหมือนกับชีวิตเริ่มต้นศูนย์เลย ยอมรับว่ามีความคิดที่จะฆ่าตัวตายเหมือนกัน เพราะเครียดกับหลาย ๆ เรื่อง โดยเฉพาะเรื่องของคดี เคยบอกกับลูกว่าเราไปตายกันเถอะ แต่พอเห็นลูกแล้วก็ทำไม่ได้

มันอาจจะเป็นเพราะความคิดชั่ววูบและสงสารลูกด้วย ตอนที่ออกมาก็มาขายก๋วยเตี๋ยวตอนนั้นขายดีเหมือนกัน แต่ก็เหนื่อยมากเพราะว่าอาทิตย์เว้นอาทิตย์จะต้องลงมาขึ้นศาล ตอนนั้นอยู่กับแฟนคนเก่า นายอุเทศ ช่วงนั้นเหนื่อยมากและจะขับรถเร็วมาก เพราะหลังจากที่เลิกขายก๋วยเตี๋ยวก็ต้องรีบขับรถลงมากรุงเทพฯ แต่ทุกครั้งก็จะเอาลูกติดมาด้วย จะไม่ทิ้งลูก"

น.ส.โชติกา กล่าวเพิ่มว่า "ตอนนี้ก็ออกมาได้ประมาณ 1 เดือนแล้ว ก็ยังไม่ได้คิดวางแผนชีวิตอะไร คงจะต้องรออีก 2 ปี เพราะช่วงนี้จะต้องเข้าไปรายงานตัวทุก 1 เดือน เพราะว่าได้รับการพักโทษ เราเป็นนักโทษชั้นเยี่ยมเมื่อออกมาแล้วก็เลยต้องไปรายงานตัวจนกว่าจะครบ 2 ปี ตอนนี้อายุก็จะ 50 แล้ว เรื่องการแพลนอะไรนั้นคงยังต้องรออีก 2 ปีก่อน แต่ช่วงนี้ก็คงจะช่วยสามีทำงานเป็นเด็กรถไปก่อน

ตอนนี้สามีเป็นพนักงานขับรถส่งพนักงาน เมื่อเราออกมาก็คงจะไปเป็นเด็กรถช่วยเค้าไป อย่างน้อยก็มีรายได้เพิ่มเลี้ยงครอบครัว สำหรับลูกนั้น ตอนนี้มีลูก 3 คน กับสามีเก่า 2 คน และสามีใหม่อีก 1 คน ช่วงที่อยู่ในเรือนจำลูก 2 คนก็แฟนเก่ารับไปเลี้ยง ส่วนลูกคนเล็กก็เลี้ยงในเรือนจำจนอายุเกือบขวบก็ส่งออกมาให้สามีเลี้ยงต่อ เพราะถ้าไม่ส่งออกมาเค้าจะส่งไปสถานสงเคราะห์ แฟนเลยต้องรับมาเลี้ยง ตอนนี้ออกมาแล้วลูก ๆ ก็รู้แล้วว่าเราออกมาจากเรือนจำ แต่ตอนแรกก็ไม่อยากบอกลูกเหมือนกัน เพราะลูกโตแล้ว อายุ 19 กับ 14 กลัวว่าเค้าจะถูกเพื่อนล้อว่ามีแม่เป็นคนขี้คุก แต่ลูกก็เข้าใจและก็ให้กำลังใจดี"

"ในช่วงชีวิตที่ผ่านนับตั้งแต่ในชีวิตในวังและออกมาสู้คดี และเข้าไปใช้ชีวิตในเรือนจำ มันทำให้เราได้รับบทเรียนเยอะมาก มันทำให้เรารู้สึกเข้มแข็งขึ้น เมื่อก่อนเป็นคนใจร้อนมาก แต่ตอนนี้ใจเย็นลงเพราะการได้เข้าไปในเรือนจำทำให้เราได้คิดอะไรต่าง ๆ ได้เข้าใจชีวิต จากนี้ไปก็คงจะรอให้ครบ 2 ปี ทุกอย่างจบก็คงอยากไปขายของเลี้ยงลูก และก็ตั้งใจไว้ว่าจะบวชเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับท่านกบอีกครั้งหลังจากที่เคยบวชมาแล้วตอนอยู่ในเรือนจำ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่โทษใคร คิดว่ามันเป็นเวรเป็นกรรมของเรา และก็จะขอชดใช้เวรกรรมให้หมดเราจะได้สบายสักที"