เปิดข้อมูล มาตรา 44 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 การใช้อำนาจแบบเบ็ดเสร็จของ คสช. ให้อำนาจทหารเข้าไปสอบสวนร่วมกับตำรวจ ยืนยันหากไม่ทำผิดไม่มีผลกระทบกับประชาชนทั่วไป
หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่นำโดย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในขณะนั้น เข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลรักษาการของนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 และได้มีการประกาศใช้กฎอัยการศึกเพื่อควบคุมความสงบเรียบร้อยของประเทศ สาระสำคัญของกฎอัยการศึกนั้นให้ทหารมีอำนาจเข้าดำเนินการตรวจสอบ ตรวจค้นได้โดยไม่มีความผิดทางอาญา และให้อำนาจของศาลทหารในการพิจารณาคดีความมั่นคงของพลเรือนได้
ในทางกลับกันรัฐบาลยุค คสช. กลับถูกกดดันจากนานาชาติ โดยเฉพาะกับกลุ่มองค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ เพราะเห็นว่ากฎดังกล่าวเป็นกฎที่ล้าหลัง เปิดช่องให้มีการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของพลเรือน และต้องการให้ประเทศไทยยกเลิกการใช้กฎอัยการศึกโดยเร็ว
ท่าทีของรัฐบาล คสช. จึงเปลี่ยนไปเพื่อลดกระแสกดดันจากนานาชาติ ทีมกฎหมายของ คสช. จึงได้พิจารณาว่าจะมีกฎหมายใดบ้างที่สามารถนำมาใช้ควบคุมสถานการณ์ในบ้านเมือง จนได้ข้อสรุปคือการใช้อำนาจแบบเบ็ดเสร็จของ คสช. ที่อยู่เหนือฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ โดยการนำบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 มาตรา 44 มาใช้เป็นกรอบในการเขียนกฎหมายเพื่อรักษาความมั่นคงแทนกฎอัยการศึก
เปิดข้อมูล มาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557
บทบัญญัติในมาตรา 44 นั้น ระบุว่า ในกรณีที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติเห็นเป็นการจําเป็นเพื่อประโยชน์ ในการปฏิรูปในด้านต่าง ๆ การส่งเสริมความสามัคคีและความสมานฉันท์ของประชาชนในชาติ หรือเพื่อป้องกัน ระงับ หรือปราบปรามการกระทําอันเป็นการบ่อนทําลายความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงของชาติ ราชบัลลังก์ เศรษฐกิจของประเทศ หรือราชการแผ่นดิน ไม่ว่าจะเกิดขึ้นภายในหรือภายนอกราชอาณาจักร ให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติมีอํานาจสั่งการ ระงับยับยั้ง หรือกระทําการใด ๆ ได้ ไม่ว่าการกระทํานั้นจะมีผลบังคับในทางนิติบัญญัติ ในทางบริหาร หรือในทางตุลาการ และให้ถือว่าคําสั่งหรือการกระทํา รวมทั้งการปฏิบัติตามคําสั่งดังกล่าว เป็นคําสั่ง หรือการกระทํา หรือการปฏิบัติที่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญนี้และเป็นที่สุด ทั้งนี้เมื่อได้ดําเนินการดังกล่าวแล้ว ให้รายงานประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีทราบโดยเร็ว
ทั้งนี้การใช้อำนาจ คสช. ตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียด โดยมีรายละเอียด 5-6 ข้อ อาทิ
- ให้ทหารเข้าไปปฏิบัติงาน และร่วมสอบสวนผู้ต้องหาร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
- ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ภายใน 7 วัน เท่ากับกฎอัยการศึก
- หากควบคุมตัวและสอบสวนพบไม่มีความผิด ปล่อยตัวได้ทันที ยกเว้นมีอาวุธสงคราม
จากข้างต้นจะเห็นว่า มาตรา 44 นั้นให้อำนาจกับหัวหน้า คสช. กระทำการได้ทุกอย่าง และเหนือกว่าทั้งฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ และเป็นคำสั่งที่เป็นผลที่สุด โดยไม่ต้องรับผิดทางกฎหมาย
ด้านความเห็นของนักวิชาการหลังปรากฏแน่ชัดว่ามีการยกเลิกกฎอัยการศึก และประกาศใช้คำสั่งแห่งบทบัญญัติรัฐธรรมนูญในมาตรา 44 แทน ย่อมมีเสียงสะท้อนทั้งความเป็นกังวล และห่วงใยว่าประเทศจะเข้าสู่รัฐแบบเผด็จการทหารแบบเบ็ดเสร็จ และมีอำนาจแบบล้นฟ้าหรือไม่ เช่น
นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อ.ภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ออกมาคัดค้านและไม่เห็นด้วยกับการที่จะยกเลิกกฎอัยการศึกแล้วหันมาใช้อำนาจตามมาตรา 44 แทน และย้ำว่าไม่ควรมีมาตรานี้อยู่ในรัฐธรรมนูญด้วยซ้ำ เพราะเห็นว่าเป็นการให้อำนาจหัวหน้า คสช. ในการออกคำสั่งระงับยับยั้ง หรือกระทำการใด ๆ ได้ทุกอย่าง ทั้งทางนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ แล้วหากมีใครไม่เห็นด้วย หรือถูกละเมิดสิทธิจากการใช้มาตรานี้ จะก็ไปร้องอะไรกับใครไม่ได้ เพราะการใช้อำนาจตามตามมาตรานี้ ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญนี้และเป็นที่สุด ดังนั้น คสช. จะไม่มีวันขัดรัฐธรรมนูญเลย เพราะมาตรา 44 ให้อำนาจเต็ม 100%
อย่างไรก็ตามยังมีนักวิชาการที่สนับสนุนการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของนายกรัฐมนตรี เช่น
นายอมร วาณิชวิวัฒน์ อ.ประจำรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ได้ออกมาสนับสนุนแนวคิดของนายกฯ ในการยกเลิกใช้กฎอัยการศึก เพื่อใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวแทน โดยยืนยันว่าหากมองในสายตาต่างชาติแล้วถือว่าสถานการณ์ประเทศไทยดีขึ้น เพราะไม่ว่าจะเป็นองค์การนิรโทษกรรมสากลหรือหน่วยงานด้านการทูตต่าง ๆ จะมองว่ากฎอัยการศึกผูกโยงกับการทำรัฐประหารโดยตรง แต่หากมีการยกเลิกกฎอัยการศึกแล้วก็จะผ่อนปรนเรื่องข้อกล่าวหาของต่างชาติลงได้มาก
ทั้งนี้เชื่อว่าเป็นเจตนาของรัฐบาลในการยกเลิกกฎอัยการศึกด้วย ตนยังเชื่อว่ารัฐบาลรู้ดีอยู่แล้วว่าจะใช้อำนาจอย่างไรไม่ให้เกิดปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนตามมา และจะพิสูจน์ว่าการใช้มาตรา 44 นั้นมีขอบเขต ไม่ได้มีอำนาจล้นฟ้าจริง ๆ
อย่างไรก็ตามหลังจากการประกาศคำสั่งเพื่อประกาศใข้ มาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราวแล้ว เราคงต้องมาดูกันต่อว่า รัฐบาล คสช. จะใช้เพื่อกำหนดกรอบกฎหมายอย่างไร ออกคำสั่งอะไรบ้าง จะสามารถลบกระแสต่อต้าน และกดดัน จากนานาชาติในการบริหารประเทศของ คสช. ได้หรือไม่
ภาพจาก ครอบครัวข่าว 3
** หมายเหตุ : แก้ไขข้อมูลล่าสุด วันที่ 2 เมษายน 2557 เวลา 15.15 น.
ขอขอบคุณข้อมูลจาก