กลายเป็นประเด็นล่าสุดที่ชาวโซเชียลฯ ให้ความสนใจกันไม่น้อย นั่นคือ กรณี นายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวอาวุโสเครือเนชั่น ทวีตแสดงความเห็นผ่านทวิตเตอร์ @PravitR อ้างถึงการแข่งขันฟุตบอลนัดชิงแชมป์ซีเกมส์ 2015 ระหว่าง ทีมชาติไทย กับ เมียนมา ซึ่งผลลัพธ์ต่อมาปรากฏว่าทีมชาติไทยเป็นฝ่ายชนะไปด้วยสกอร์ 3-0
ทั้งนี้ นายประวิตรได้ทวีตถึงการแข่งดังกล่าวเอาไว้ว่า "ก้าวข้ามบางระจันกันหรือยังครับคนไทย? / ขอให้ทีมที่เล่นดีที่สุดชนะครับ / เรามาก้าวข้ามชาตินิยมอันคับแคบและก้าวสู่ความเป็นสากลอันกว้างใหญ่ไพศาลกันครับ / สงครามและกีฬาคือพาหนะของชาตินิยม / พวกเกลียดเสื้อแดงต้องมาเชียร์สีแดงเนี่ยขัดความรู้สึกมากไหม? / ข้อดีของกีฬาระหว่างชาติคือมันเป็นที่ระบายความคลั่งชาติโดยไม่ต้องทำสงคราม #ป #กีฬา #ชาติ #ชาตินิยม #คลั่งชาติ"
ต่อมา มีชาวเน็ตเข้าไปเขียนวิพากษ์วิจารณ์ทัศนะเรื่องชาตินิยมกับกีฬาของนายประวิตรจำนวนมาก ทั้งฝ่ายเห็นด้วย กลาง ๆ และไม่เห็นด้วย เช่น "งั้นทุกชาติในโลกมันก็ชาตินิยมกันหมดแหละฮะ เพราะทุกชาติเขาก็เล่นกีฬากันนะเพ่", "จริงแบบไม่มีข้อโต้แย้ง", "@PravitR ตั้งสติ วางถุงกาวก่อน" ฯลฯ
ล่าสุด จ่าพิชิต แอดมินเพจเฟซบุ๊กชื่อดัง ดราม่า แอดดิค ก็ได้ร่วมแสดงความเห็นด้วย โดยโพสต์ผ่านหน้าวอล drama addict ดังนี้
เวลาทีมชาติไทยไปแข่งกีฬากับชาติอื่นทีไร พี่นักข่าวคนนี้ก็จะออกมาแสดงความเห็นประมาณว่านี่เชียร์กีฬาคือพวกที่ยังไม่สามารถ "ก้าวข้ามชาตินิยมอันคับแคบออกไปสู่ความเป็นสากลอันกว้างใหญไพศาลได้" ตลอดๆเลย คือกีฬามันเป็นเรื่องที่อยู่คู่กับชาตินิยมมาโดยตลอดนะ
แนวคิดชาตินิยมนี่ก็ประมาณว่า เป็นแนวคิดที่พยายามสร้างอัตลักษณ์ของกลุ่มคนให้มีร่วมกัน เช่น ชาติพันธุ์ ภาษา วัฒนธรรม ให้คนรวมตัวเป็นกลุ่มก้อน เพื่อวัตถุประสงค์บางประการ ถ้าเอาแนวคิดชาตินิยมไปใช้ในทางที่ดี ก็จะส่งผลดี เช่น ทำให้คนมีความภาคภูมิใจในชาติตัวเอง มีความรู้รักชาติ อยากทำอะไรเพื่อชาติและพี่น้องร่วมชาติ ถ้าใช้ในทางที่ดี ชาตินั้นก็จะเจริญก้าวหน้า
แต่ถ้าเอาไปใช้ในทางที่ไม่ดี คือเลยเถิดจากการรักชาติกลายเป็นคลั่งชาติ เช่น หลงผยองพองขนคิดว่าชาติตัวเองดีเลิศที่สุดในสามภพ แล้วจงเกลียดจงชังชาติที่ตัวเองอุปโลกน์ขึ้นมาเป็นศัตรู
สำหรับแฟนบอลที่เชียร์ทีมชาติไทย ส่วนมากก็เห็นเชียร์กันแบบคนรักชาติ คือไทยแลนด์สู้ ๆ ปู๊น ๆๆๆ ช่วยกันเชียร์ช่วยกันให้กำลังใจทีมชาติของเราให้ไปถึงฝั่งฝัน ถ้ายังจำกันได้ ตอนทีมชาติไทย โดนมาเลย์นำ 3-0 เมื่อตอนปลายปีที่แล้วในการแข่งขันซูซูกิคัพ ในช่วงครึ่งแรก ตอนนั้นก็พี่นักข่าวคนนี้นี่แหละที่ทวีตบอกว่า "ขอแสดงความเสียใจกับกองเชียร์ทีมชาติไทย ตราบใดที่เราไม่คาดหวังมากกว่านี้ ไทยคงไม่มีวันติดบอลโลก อวยอย่างเดียวช่วยไม่ได้" แต่นักฟุตบอลและกองเชียร์ทุกคนไม่ย่อท้อลุยต่อ เชียร์ต่อ จนตีไข่แตก ยิงตามมาเป็น 3-2 ทำให้ประตูรวมเหนือกว่ามาเลย์ คว้าแชมป์ได้ในที่สุด
ตอนนั้นเราได้เห็นคนไทยร่วมแรงร่วมใจเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน โดยไม่แบ่งแยกสี ไม่แยกฝักฝ่าย (ยกเว้นพี่นักข่าวแกไว้คนละกัน) เป็นหนแรกในรอบเกือบสิบปี นับตั้งแต่มีวิกฤติการเมืองเป็นต้นมา นี่ก็เป็นตัวอย่างที่ดีอันนึงของชาตินิยมและการแข่งกีฬา
แต่พวกที่เชียร์จนเลยเถิดจนถึงขั้นคลั่งชาติก็ใช่ว่าจะไม่มี ยกตัวอย่างเช่น หนนี้ เห็นมีบางคน บางกลุ่ม พูดถึงทีมพม่าคู่แข่งเราด้วยน้ำเสียงเสียดสีประมาณว่าดูถูกเขา หรือกลัวจะถูกกองเชียร์พม่าที่เป็นเด็กเสิร์ฟถุยน้ำลายใส่อาหารยกมาให้แดก อันนี้เป็นตัวอย่างของการคลั่งชาติกับการแข่งกีฬาที่ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างเป็นอันขาด
ดีที่มีคนกลุ่มนี้ไม่มากนะ ส่วนมากเห็นมีแต่บลัฟกับพม่าขำ ๆ เรื่องยุทธหัตถี บางคนก็เห็นพม่าแข่งกับเราก็ให้กำลังใจให้เขาเชียร์ทีมชาติของตัวเองให้เต็มที่ จบเกมก็คุยกันขำ ๆ แบบรู้แพ้รู้ชนะ รู้อภัย แล้วก็ใช้ชีวิตกันต่อไปตามทางของตัวเอง
"สรุปคือ อย่าแอนตี้ชาตินิยมนักเล้ย ถ้าใช้ดี ๆ มันก็มีประโยชน์อยู่ แค่คอยช่วยกันห้ามปราม อย่าให้มันลามถึงขั้นคลั่งชาติ แบบนั้นก็พอแล้ว ป.ล. รู้สึกพี่นักข่าวแกจะมีปมอะไรซักอย่างเกี่ยวกับชาตินิยมนะ" แอดมินเพจ ดราม่า แอดดิค สรุปทิ้งท้าย
ภาพจาก ทวิตเตอร์ @PravitR ,เพจเฟซบุ๊ก ดราม่า แอดดิค
ขอขอบคุณข้อมูลจาก เพจเฟซบุ๊ก ดราม่า แอดดิค
