รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยอมรับประเทศไทยสอบตกเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยการบิน หลังถูก ICAO ปักธงแดง ลั่นไม่หมดกำลังใจ ยันเดินหน้าแก้ไขปัญหาต่อ พร้อมนัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 22 มิ.ย.นี้
จากกรณีที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ได้ปักธงแดงหน้าชื่อประเทศไทยบนเว็บไซต์ของ ICAO ในหมวดการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบิน เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2558 ที่ผ่านมา เนื่องจากไทยไม่สามารแก้ไขความบกพร่องตามข้อกำหนด ตามที่ได้มีรายงานไปแล้วนั้น [อ่านข่าว ไทยโดนปักธงแดง ไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยการบินซ้ำ]
ล่าสุด (19 มิถุนายน 2558) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 รายงานความคืบหน้าจากรณีดังกล่าวว่า พล.อ.อ. ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กรณีที่ ICAO ปักธงแดงหน้าชื่อประเทศไทยบนเว็บไซต์ของ ICAO ในหมวดการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบิน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ICAO ได้ตรวจสอบกรมการบินพลเรือน (บพ.) ของไทย และพบข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญ (SSC) และให้เร่งดำเนินการแก้ไขภายใน 90 วัน ซึ่งครบกำหนดเมื่อวานนี้ (18 มิถุนายน) ซึ่งตนยอมรับว่าเป็นการสอบตก แต่เฉพาะเรื่องการออกใบอนุญาตการบิน (AOC) และคงต้องรับสภาพรวมทั้งต้องเดินหน้าแก้ไขเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน พร้อมกับนัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในวันที่ 22 มิถุนายนนี้ ซึ่งจะมีการประกาศผลอีกครั้ง
พล.อ.อ. ประจิน กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ICAO บอกว่าจะไม่ประกาศผลต่อสาธารณะนั้น คิดว่าเป็นการสื่อสารผิดพลาดระหว่างตนเองกับนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ที่เป็นตัวแทนเดินทางไปพบหารือกับประธาน ICAO ที่มอนทรีออล ประเทศแคนาดา ซึ่งมีการส่งสรุปผลการหารือมาให้กับตนเอง และระบุว่าเมื่อครบกำหนด 90 วัน จะไม่มีมาตรการอะไรเพิ่ม แต่จะคง SSC เอาไว้จนกว่าจะทำตามแผนแล้วเสร็จ ซึ่งขณะนั้นเข้าใจว่า ICAO จะไม่ประกาศผลต่อสาธารณะ
ทั้งนี้แสดงว่าผลการหารือระหว่างประธาน ICAO กับนายอาคม ไม่สอดคล้องกันในทางปฏิบัติที่เกิดขึ้น ส่วนเรื่องที่เข้าใจกันว่า ICAO จะไม่ประกาศต่อสาธารณะ หมายถึงการชะลอผลก่อนหรือไม่นั้น ซึ่งก็ยัง งง ๆ อยู่ว่าการปักธงแดงคือการประกาศต่อสาธารณะหรือไม่ ซึ่งจะต้องไปตรวจสอบให้ละเอียดอีกครั้ง
พล.อ.อ. ประจิน กล่าวถึงสาเหตุสำคัญที่ทำให้ไทยถูกปักธงแดงว่า เนื่องจากไทยยังไม่สามารถจัดทำคู่มือการตรวจสอบการออกใบอนุญาตการบินเสร็จทันกำหนด และตนได้ส่งข้อความรายงานสถานการณ์เบื้องต้นให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ให้รับทราบแล้ว และยังแจ้งให้สายการบินของไทยติดตามว่าแต่ละประเทศจะมีมาตรการตอบโต้ออกมาเพิ่มเติมหรือไม่ และหากมีให้รีบรายงานมาที่กระทรวงคมนาคมเพื่อหาแนวทางรับมือ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยอมรับว่า ตนเองรู้สึกเครียดกับปัญหาที่เกิดขึ้น แต่จะเดินหน้าแก้ปัญหาต่อไป และจากนี้สิ่งที่จะต้องจับตามอง นั่นคือท่าทีของสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหภาพยุโรป (EASA) ที่ก่อนหน้านี้แจ้งว่าจะประกาศท่าทีต่อประเทศไทยในวันที่ 25 มิถุนายนนี้ ส่วนการเตรียมแผนสำรองนั้น มีการจัดทำแผนไว้แล้วอยู่ในแผนการแก้ไขข้อบกพร่อง โดยมอบหมายให้ทุกสายการบินเตรียมทำแผนสำรองของแต่ละสายการบินไว้
ส่วนจะเดินสายทำความเข้าใจกับประเทศต่าง ๆ อีกหรือไม่ ที่ผ่านมาได้เดินสายทำความเข้าใจกับหลาย ๆ ประเทศแล้ว แต่จะให้ไปพูดคุยทั้ง 50 ประเทศภายใน 1 เดือนคงเป็นไปไม่ได้ ต้องรอดูผลที่เกิดขึ้นจากนี้ก่อน เพราะเมื่อ ICAO ประกาศออกมาแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะเดินทางไปพูดคุยอีก ยืนยันว่าแม้จะถูกปักธงแดงแต่เราจะเดินหน้าแก้ปัญหาต่อและไม่สามารถหมดกำลังใจได้
ด้านนายหลุยส์ จูเนีย มอเซอร์ ประธานคณะกรรมการดำเนินงานธุรกิจการบิน (AOC) กล่าวเมื่อวานนี้ว่า การที่ไทยถูกปักธงแดงหน้าเว็บไซต์ของ ICAO ถือเป็นกระบวนการขั้นตอนปกติ หลังจากที่ ICAO ให้เวลาไทยได้ปรับปรุงแก้ไขเป็นระยะเวลา 90 วัน ซึ่งไทยไม่สามารถแก้ไขได้ตามระยะเวลาดังกล่าว และการที่ ICAO มีการเผยแพร่ข้อมูลออกสู่สาธารณะก็เป็นเรื่องปกติอีกเช่นเดียวกัน เพราะไม่มีใครสามารถระงับการเผยแพร่ข้อมูลผ่านทางเว็บไซต์ได้
ทั้งนี้แหล่งข่าวจากกรมการบินพลเรือนของไทย ระบุว่า การถูกลดระดับความปลอดภัยจากระดับ 1 เป็นระดับ 2 เพราะเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยของกรมการบินพลเรือนต่ำกว่ามารตรฐานที่กำหนดเอาไว้ ซึ่งหมายความว่าต่างชาติจะมองว่าไทยมีปัญหาด้านความปลอดภัย ซึ่งจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน
อีกทั้งในหน้าเว็บไซต์ของ ICAO ได้อธิบายถึงความปลอดภัยตามหลักการพิจารณาของกลุ่ม ว่า ไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ถึงการขาดความปลอดภัยแบบเฉพาะเจาะจงของผู้ให้บริการ หรือสายการบิน หรือ สนามบิน แต่เป็นตัวชี้ว่า ภาครัฐไม่มีการกำกับดูแลด้านความปลอดภัยอย่างเพียงพอ เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่ามีประสิทธิภาพตามมาตรฐานของสำนักงาน
นอกจากนี้รายงานระบุว่า นายอาคมที่ได้เดินทางไปประชุมเจรจากับประธาน ICAO จะแถลงข่าวด่วนเพื่อชี้แจงรายละเอียดและสาเหตุที่เกิดขึ้นในวันนี้ ส่วนเรื่องผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้ยังไม่มีผลที่ชัดเจน ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องติดตามต่อไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
