กลายเป็นที่จับตาและกล่าวถึงกันอย่างกว้างขวาง สำหรับความเคลื่อนไหวในแวดวงสีกากีในช่วงโค้งสุดท้าย "ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ" คนที่ 11 หลังจากก่อนหน้านี้ พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. มีหนังสือสั่งให้ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทั้ง 5 ราย จัดทำวิสัยทัศน์ แนวทางการพัฒนาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมแนบประวัติการรับราชการ ลำดับอาวุโส ผลงานที่เป็นที่ประจักษ์ เพื่อประกอบการพิจารณาผู้เหมาะสมรับไม้ต่อจากตนเอง ที่จะเกษียณอายุราชการวันที่ 30 กันยายน 2558 ซึ่งทั้ง 5 รายประกอบด้วย
1. พล.ต.อ. เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. อาวุโสลำดับ 1
2. พล.ต.อ. พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. อาวุโสลำดับ 2
3. พล.ต.อ. วุฒิ ลิปตพัลลภ รอง ผบ.ตร. อาวุโสลำดับ 3
4. พล.ต.อ. เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. อาวุโสลำดับ 4
5. พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. อาวุโสลำดับ 5
แต่สำหรับคู่ชิงที่ได้รับการจับตามองว่ามีโอกาสขึ้นสู่จุดสูงสุดของอาชีพการรับราชการตำรวจในปีนี้ก็คือ พล.ต.อ. เอก และ พล.ต.อ. จักรทิพย์ ที่กำลังเนื้อหอมสุด ๆ ในขณะนี้ โดยมี พล.ต.อ. พงศพัศ เป็นตัวสอดแทรกที่ประมาทไม่ได้เช่นกัน
หากพิจารณาถึงสาเหตุที่ทั้งสองได้รับการจับตามองเป็นพิเศษ อาจเป็นเพราะทั้งคู่มีผลงานเข้าตา และได้รับความไว้ใจให้รับผิดชอบงานสำคัญ เริ่มที่ "บิ๊กแป๊ะ" พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. ที่มีความโดดเด่นและถูกจับตาว่ามีโอกาสก้าวข้ามรุ่นพี่ ๆ ขึ้นเป็น ผบ.ตร. คนใหม่ หลัง พล.ต.อ. สมยศ มอบหมายงานป้องกันปราบปราม คลี่คลายคดีสำคัญ ๆ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นโอกาสแสดงผลงานเข้าตาผู้ใหญ่ และให้ประชาชนรู้จัก
ยิ่งไปกว่านั้น พล.ต.อ. จักรทิพย์ ยังมีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พี่ใหญ่แห่ง "บูรพาพยัคฆ์"
แต่ปัญหาใหญ่ของ พล.ต.อ. จักรทิพย์ ที่ขวางหนทางขึ้นสู่จุดสูงสุดของการรับราชการเห็นจะเป็นเรื่องความ "อาวุโส" เพราะหากวัดความอาวุโสระดับของบิ๊กแป๊ะ นั้นอยู่ลำดับสุดท้าย แถมยังมีอายุราชการเหลืออยู่ถึงปี 2563 เท่ากับว่าหากขึ้นเป็น ผบ.ตร. คนต่อไป จะเป็นการปิดโอกาสเติบโตของรุ่นพี่ถึง 6 ปี เต็ม ๆ โอกาสที่ดูเหมือนสดใสสำหรับการก้าวสู่จุดสูงสุดของชีวิตราชการจึงเริ่มชักจะแน่นอน
ในขณะที่อีกมุมคู่แคนดิเดตชิงเก้าอี้อย่าง "บิ๊กเอก" พล.ต.อ. เอก อังสนานนท์ ก็ได้ความไว้วางใจให้ดูแลศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว และปราบปรามการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สอดรับกับยุทธศาสตร์การปราบปรามการค้ามนุษย์ที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างมากถึงขนาดประกาศเป็นวาระแห่งชาติ
และเมื่อส่องพลังสนับสนุนของ "บิ๊กเอก" ก็ไม่เป็นรองใคร เพราะด้วยความสามารถด้านการสอบสวน และมือกฎหมาย ระดับแนวหน้าของประเทศ จึงเป็นที่ยอมรับของทั้งในหมู่ศาล ทหาร และตำรวจ และเป็นมือประสานสิบทิศ แถมยังเป็นเพื่อนของ พล.อ. ปรีชา จันทร์โอชา ผู้ช่วย ผบ.ทบ. น้องชายของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. สมัยเรียนที่โรงเรียนวัดนวลนรดิศ
ประกอบกับกระแสข่าว "สัญญาใจ" ที่ให้ไว้กับ พล.ต.อ. สมยศ เมื่อครั้งที่ทั้งสองมีข่าวลือว่าทั้งคู่มีแรงสนับสนุนทางการเมืองอย่างเต็มเปี่ยมทั้งคู่ แต่ พล.ต.อ. สมยศ เหลืออายุราชการน้อยกว่า จึงตกลงให้ขึ้นเป็น ผบ.ตร. ก่อน จากนั้นค่อยส่งไม้ต่อให้ พล.ต.อ. เอก ดำรงตำแหน่งต่อไปอีก 1 ปี
อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญที่สุดของ พล.ต.อ. เอก คือ การเป็นนักเรียนนายร้อยอบรม ไม่ได้จบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ จึงอาจเป็นปัญหาต่อการตัดสินใจในการโปรโมทให้รับตำแหน่งสูงสุดในวงการสีกากี
ส่วนอีกรายที่อาจเป็นตัวสอดแทรกชิงเก้าอี้ ผบ.ตร. ได้แก่ พล.ต.อ. พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. เพื่อนร่วมรุ่น นรต.31 ของ พล.ต.อ. สมยศ ซึ่งได้รับมอบหมายให้ดูแลงานปราบปรามยาเสพติด และมีผลงานจับกุมแก๊งค้ายาเสพติดใหญ่ ๆ หลายราย
แต่ปัญหาหลักของ พล.ต.อ. พงศพัศ คือการมีภาพทางการเมืองที่ชัดเจน และเคยลาออกจากราชการ ไปลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในนามพรรคเพื่อไทย และได้กลับมารับราชการอีกครั้ง หลังพ่ายต่อ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร
สุดท้าย ก็ได้แต่หวังว่า ผบ.ตร. คนใหม่ที่ได้รับการคัดเลือกนั้นจะเป็นผู้เหมาะสม และเป็นคนเก่งที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ เพราะหากเป็นเช่นนั้น ผลดีก็จะตกกับพวกเรา ๆ ที่จะได้รับประโยชน์จากการทำงานแบบมืออาชีพ จริงจัง และจริงใจเพื่อรับใช้ประชาชนอย่างแท้จริง
