
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รับ ครม. ประยุทธ์ 3 เก่งมีความรู้ความสามารถ แนะ เร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ด้านนักวิชาการ เชื่อมือ สมคิด คอนเน็คชั่น ลดภาวะเศรษฐกิจไทยตกต่ำ ขณะที่จาตุรนต์ ฉายแสง ไม่คิดว่า ครม. ชุดใหม่จะแก้ปัญหาได้ เพราะยังต้องอยู่ภายใต้นโยบายที่ถูกจำกัด
หลังจาก พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งที่ 3 และต่อมาได้มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ ลงมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสกดดันจากหลายฝ่ายให้มีการปรับคณะรัฐมนตรี โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ เพราะที่ผ่านมาทีมรัฐมนตรี ที่นำโดย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกฯ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ครม. ประยุทธ์ 2 ไม่สามารถปั่นผลงานให้เข้าตา พล.อ. ประยุทธ์ และบรรดาบิ๊ก คสช. ได้
โดยการปรับ ครม. ครั้งนี้ถือว่ามีการปรับเปลี่ยนเยอะพอสมควร มีการดึงนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษา คสช. เข้ามาคุมเก้าอี้ รองนายกรัฐมนตรี นำทีมเศรษฐกิจ และได้ลากเอาเพื่อนกลุ่มก๊วนเดียวกันกับนายสมคิด เข้ามาช่วยรัฐบาลทำงาน จนได้รับฉายาว่า "สมคิด คอนเน็คชั่น"
ทั้งนี้ก็ได้มีหลายกระแสความเห็นจากบรรดานักการเมือง นักวิชาการ ที่ออกมาพูดถึงการปรับ ครม. บิ๊กตู่ 3 อาทิ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายกฯ คงมีทางเลือกไม่มากนัก เพราะเมื่อมีกระแสเรียกร้องให้ปรับ ครม. ก็ต้องปรับเพราะไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาต่อการทำงาน แต่ปรับแล้วจะได้ผลหรือไม่อย่างไรก็คงต้องรอดู แต่รายชื่อรัฐมนตรีที่ออกมาก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายของตนแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามก็ต้องยอมรับว่าทั้งหมดเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ แต่เงื่อนไขที่เป็นปัจจัยลบโดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจหลายอย่างไม่ใช่เงื่อนไขที่จะทำให้สามารถควบคุมได้ง่าย
ขณะเดียวกันการเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลต้องดูท่าทีว่าแนวคิด วิธีแก้ปัญหาจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด ตอนนี้สิ่งที่สำคัญต้องพยายามประคับประคองอัตราการเจริญเติบโตไม่ให้เศรษฐกิจทรุดลงไปกว่านี้ ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาอื่น ๆ ตามมา
ด้าน รศ. ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง กล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรี ประยุทธ์ 3 ว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่อาจช่วยลดความเลวร้ายทางเศรษฐกิจลงเท่านั้น แต่ไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจในสภาพแวดล้อมขณะนี้ดีขึ้น เพราะปัญหาทางเศรษฐกิจเกิดจากปัจจัยการเปลี่ยนแปลงภายนอก และสภาพเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งคาดว่าอาจเป็นอุปสรรคต่อการบริหารจัดการของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ด้านประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ รศ. ดร.สมชาย มองว่า ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจคนใหม่ มีภูมิหลังด้านเศรษฐกิจแตกต่างจาก ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ โดยทางด้านของทีมคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ถือว่ามีความได้เปรียบมากกว่าทีมเก่า เนื่องจากเป็นทีมเดียวกันทั้งหมด ซึ่งจะทำให้การทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน อีกทั้ง เห็นว่า ดร.สมคิด เป็นผู้มีความรู้ทางด้านการตลาด จึงเชื่อว่าในแง่ของการปรับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ น่าจะแก้ไขปัญหาด้านการส่งออก โดยทำงานเจาะลึกในแง่ของการตลาด กลุ่มลูกค้า รวมถึงผลิตภัณฑ์เป้าหมาย และเร่งแก้ปัญหาภาคการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี จึงเชื่อว่าจะสร้างความมั่นใจให้แก่ต่างชาติได้
นอกจากนี้ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ก็ได้ออกมาให้ความเห็นเมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา (อ่านข่าว จาตุรนต์ ชี้ ปรับ ครม. ใหม่ หวังคงอำนาจรัฐบาลปัจจุบัน ซัดไม่ได้ดูดีขึ้นเลย) ว่า ตนไม่เชื่อว่า ครม. ชุดใหม่นี้จะสามารถคาดหวังได้ว่าจะแก้ปัญหาของประเทศให้ดีขึ้น เพราะยังยึดติดกับระบบอำนาจนิยม การปรับ ครม. ก็มีแต่การนำข้าราชการเกษียณ และข้าราชการปัจจุบัน เข้ามาทำงาน โดยเฉพาะ ข้าราชการทหาร ซึ่งจะมีผลในการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจเพราะไม่เป็นที่ยอมรับต่อประชาคมโลก จึงไม่สามารถเจรจากับใครได้ และยังต้องอยู่ภายใต้กรอบแนวคิดนโยบายที่มีอยู่แล้ว
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
