เปิดไทม์ไลน์ ปมร้าว บิ๊กตู่-ทีมเศรษฐกิจหม่อมอุ๋ย ก่อน คสช. เขี่ยทิ้งยกกระบิ

          สำนักข่าวอิศรา เปิดปมร้าว ประยุทธ์ จันทร์โอชา-ทีมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ก่อน คสช. ปรับออกทั้งหมด พร้อมสั่งฟอร์มทีมใหม่ นำโดย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์

          วันที่ 24 สิงหาคม 2558 สำนักข่าวอิศราได้เผยแพร่บทวิเคราะห์สาเหตุที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้รื้อทีมเศรษฐกิจ ครม. ประยุทธ์ 2 โดยการนำของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี ออกทั้งหมด อาทิ นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นต้น ก่อนที่ คสช. จะตั้งทีมเศรษฐกิจขึ้นมาใหม่ โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษา คสช. ขึ้นมารับตำแหน่ง รองนายกฯ คุมทัพกู้เศรษฐกิจ ที่ดูจะทรุดลงเรื่อย ๆ แก้ไขอย่างไรก็ไม่ดีขึ้น

          โดยลำดับเหตุการณ์รอยร้าวที่เกิดขึ้นในคณะรัฐมนตรีของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. กับคณะรัฐมนตรีในชุดเศรษฐกิจมีดังนี้

          ในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2558 ภายหลังจากที่ประเทศประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ จนเป็นเป้าให้ฝ่ายตรงข้ามเข้ามาโจมตี ทั้งฝั่งอดีตรัฐบาลหรือบรรดาอดีตแกนนำฝ่ายค้าน ที่ขุดเรื่องนี้เอามาเสนอข่าวอยู่บนสื่อเกือบตลอดเวลา กระแสการปรับคณะรัฐมนตรีจึงเริ่มขึ้น และช่วงนี้เองชื่อของ "สมคิด" ถูกยกขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งที่จะก้าวเข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าทีมเศรษฐกิจในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ และเค้าลางเริ่มเห็นชัดขึ้นเมื่อ นายสมคิด โผล่ออกมาเดินเกมฉากหน้าให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ที่ชัดที่สุดคือในวันครบรอบ 1 ปีที่ คสช. เข้ามายึดอำนาจ นายสมคิด เป็นคนเสนอให้รัฐบาลพัฒนาด้านการเกษตร และเร่งทำโครงการขนาดใหญ่กับเอกชน เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

          จากนั้นในเดือนกรกฎาคม 2558 มีกระแสข่าวหลุดออกมาว่า ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เผลอหลุดปากออกมากลางงาน CEO FORUM ของสมาคมธนาคารไทยว่า พล.อ. ประยุทธ์ ไม่ได้เข้าใจเรื่องเศรษฐกิจเลย แต่ พล.อ. ประยุทธ์ ก็ไม่ได้ติดใจกับเรื่องนี้ และไม่ได้มีการเคลียร์กันแต่อย่างใด

          ต่อมาช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2558 กระแสการปรับ ครม. ก็กระพือมากขึ้นถึงรายชื่อบุคคลที่จะเข้ามานั่งทีม ครม. ใหม่ โดยผ่านการทาบทามของ นายสมคิด ที่ส่อจะได้มาคุมทีมเศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร และทีมงานก็เริ่มเก็บตัวเงียบ ไม่ค่อยออกมาพูดถึงเรื่องเศรษฐกิจ จะออกมาบ้างก็เพียงแต่การปฏิเสธข่าวการปรับ ครม. โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจ

          อย่างไรก็ตามปลายเดือนสิงหาคม 2558 เสียงกระแสข่าวลือก็สิ้นสุด พร้อมกับที่ บิ๊กตู่ ออกมายืดอกยอมรับว่า ได้ทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ไปแล้ว แต่ก็ยังไม่เปรยมาว่ามีใครนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีในตำแหน่งใดบ้าง และในระหว่างที่ประชุม ครม. ในวันเดียวกัน พล.อ. ประยุทธ์ ได้กล่าวในที่ประชุมว่า จะมีการปรับคณะรัฐมนตรี และได้นำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว พร้อมกับกล่าว "ขอบคุณ รัฐมนตรีทุกคนที่ร่วมกันทำงานอย่างหนักในตลอดเกือบ 1 ปีเต็ม" ซึ่งช่วงนี้เองมีรัฐมนตรีบางคนรู้ตัวแล้วว่าจะโดนเขี่ยทิ้ง ก็นั่งก้มหน้าก้มตาสีหน้าเรียบเฉย ส่วนรัฐมนตรีที่รู้ตัวว่าเก้าอี้ยังเหนียวแน่นก็ตั้งใจฟังอย่างดี

          โดยหลังการประชุม ครม. ในวันที่ 18 สิงหาคม 2558 เสร็จสิ้น ทีมเศรษฐกิจ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เข้าหารือกันที่ห้องทำงานของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ซึ่งมีหลายรายยังอยู่ในอาการตกใจ และนึกไม่ถึงว่าจะถูกปรับออกไวจนทำใจไม่ทัน

          หลังจากนั้นวันที่ 20 สิงหาคม 2558 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ พระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี บิ๊กตู่ 3 ซึ่งก็ไม่พลิกโผแต่อย่างใด นายสมคิด นั่งเก้าอี้รองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ แทน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ที่ถูกปรับออก ด้านทีมเศรษฐกิจของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ดูจะไม่ออกอาการใด ๆ มากนัก เพราะต่างรู้ตัวกันมาก่อนอยู่แล้ว ขณะที่ พล.อ. ประยุทธ์ ได้ส่งสัญญาณไปยังทีม ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ว่าให้เข้ามาเป็นที่ปรึกษาแทนได้

          จากเหตุนี้เองที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ต้องออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าว กรณีการถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรีว่า ตนกับนายสมคิดก็รู้จักกัน ถ้าอะไรไม่เหมาะตนก็โทรบอกเขาตรง ๆ ได้อยู่แล้ว แต่ระหว่างนี้เราต้องสนับสนุนเขาเต็มที่ ไม่ควรแบ่งแยกแล้วปกครองอีกต่อไป ประเทศไทยทะเลาะกันไม่ได้อีกแล้ว ตอนนี้ต้องช่วยกันทำให้เศรษฐกิจดีเดินหน้าให้ได้ ก็เลยอยากจะฝากสื่อมวลชนว่า อย่าไปออกข่าวเลยว่าตนไปเป็นที่ปรึกษาไม่เคยมีการทาบทาม ถ้าทาบทามก็จะไม่รับ ไม่ชอบหลักการแบ่งแยกปกครองมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”

          ซึ่งจากการแถลงข่าวดังกล่าว ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ได้หลุดวาทะสำคัญที่จุดชนวนการแตกหัก ระหว่าง พล.อ. ประยุทธ์ กับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร คือ ใช้หลักการแบ่งแยกแล้วปกครอง อย่างไรก็ตาม ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ยืนยันว่า ตัวเองถูกจับผิดตลอดเวลาทำให้หมดแรง ไม่มีความสุข และยังได้ถามกลับว่า  "ทำงานแล้วมีที่ปรึกษามาคอยดูงานตลอดเวลามันก็แปลว่ามันจะถูกหรือผิดใช่ไหม"

          ทั้งนี้ไม่ว่าข้อเท็จจริงของชนวนเหตุในครั้งนี้จะเป็นอย่างไร แต่ปัญหาปากท้องของประชาชน เป็นสิ่งที่รอต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว และต้องการให้รัฐบาลเข้ามากู้วิกฤตนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด




อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก