ตามรอยคดีระเบิดราชประสงค์ จากเหตุระเบิดสนั่นกรุงสู่การตามล่าขบวนการก่อเหตุ คืบหน้าจับชายเสื้อเหลืองได้แล้ว เจ้าตัวเผยชื่อ อับดุลเลาะห์ เป็นคนสั่งการ
ขณะที่ทั่วโลกต่างจับตาการทำงานของตำรวจไทยในการสืบสวนติดตามคดีระเบิดราชประสงค์และท่าเรือสาทร พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็ได้ออกมาส่งสัญญาณว่า "คดีนี้เป็นคดีระดับโลก" หลังการสืบคดีล่วงเลยเข้าสู่วันที่ 9 พร้อมแสดงความมั่นใจว่าคนร้ายยังคงกบดานอยู่ในประเทศไทย
จับกุมผู้ต้องสงสัยชาวต่าวชาติ เพียง 12 วันหลังเกิดเหตุ
หลังจากการสืบสวนดำเนินไป 12 วัน นับจากเกิดเหตุระเบิดราชประสงค์ ในค่ำวันที่ 17 สิงหาคม 2558 สังคมก็เหมือนได้เห็นแสงสว่างของคดี เมื่อทหารและตำรวจได้นำกำลังเข้าปิดล้อม พูลอนันต์ อพาร์ทเม้นท์ ซอยเชื่อมสัมพันธ์ 11 เขตหนองจอก กรุงเทพฯ เมื่อวันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม โดยสามารถจับกุมชาวต่างชาติ ผู้ถือหนังสือเดินทางสัญชาติตุรกีได้ 1 ราย และได้ทำการตรวจค้นที่ห้องพักหมายเลข 404, 409, 410, 411 และ 412 เนื่องจากมีข้อมูลว่ามีชายชาวต่างชาติมาขอเช่าห้องพัก 5 ห้องดังกล่าวตั้งแต่เดือนมกราคม 2557
พบหลักฐานวัตถุสำหรับประกอบระเบิดจำนวนมาก
ในการตรวจค้นห้องหมายเลข 412 เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดอุปกรณ์และวัตถุที่ใช้สำหรับประกอบระเบิดจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นลูกปรายชนิดเดียวกับที่พบบริเวณที่เกิดเหตุแยกราชประสงค์ สายชนวนฝักแคสีชมพู 10 เส้น, สารเกี่ยวกับระเบิดกลุ่ม 1 (TNT และ C4), สารเกี่ยวกับระเบิดกลุ่ม 3 (ยูเรีย) ถ่านไฟฉายหลายขนาด, อุปกรณ์สายไฟ, ไขควง กรรไกร, ถังแกลลอนบรรจุสารเคมีไม่ทราบชนิด, กล่องบรรจุสารเคมีโซเดียมคาร์บอเนต, ท่อเหล็กขนาดต่าง ๆ พร้อมฝาครอบเหล็ก และผ้าเย็บสำหรับพันรอบเอวติดตีนตุ๊กแก พร้อมกันนั้นยังพบพาสปอร์ตอีกจำนวนมาก ทำให้คาดว่าคนร้ายได้เตรียมการจะก่อระเบิดซ้ำอีกครั้ง
ผบ.ตร. ฟันธงโยงระเบิดราชประสงค์ ชี้ปมความแค้นส่วนตัว
หลังจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ออกมาแสดงความมั่นใจว่าชายชาวต่างชาติรายนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดราชประสงค์และท่าเรือสาทรอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามมองว่ามูลเหตุน่าจะมาจากเรื่องความแค้นส่วนตัว ไม่ใช่การก่อการร้ายข้ามชาติดังที่หลายฝ่ายคาด
ตำรวจยังแกะรอย พร้อมสอบปากคำคนขับแท็กซี่
นับจากวันเกิดเหตุระเบิดราชประสงค์เมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา ชุดติดตามคดียังคงพยายามทุกวิถีทางในการเข้าใกล้ตัวคนร้าย นับตั้งแต่การแกะรอยจากกล้องวงจรปิด ตรวจสอบอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำระเบิด ทั้งยังได้เชิญตัวคนขับรถสามล้อ คนขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง รวมถึงคนขับแท็กซี่ ที่รับ-ส่งผู้ต้องหาชายเสื้อเหลืองในวันเกิดเหตุมาสอบปากคำ
จนในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็พบความผิดปกติในการสอบปากคำคนขับแท็กซี่ที่มีการให้ข้อมูลวกวนไปมา ไม่สอดคล้องกับพยานหลักฐาน อีกทั้งจากการแกะรอยการใช้โทรศัพท์มือถือยังพบว่าคนขับแท็กซี่รายนี้มีการติดต่อกับบุคคลที่อยู่ในอพาร์ทเม้นท์ย่านหนองจอกอยู่หลายครั้ง ตำรวจจึงได้เชิญคนขับแท็กซี่มาให้ปากคำซ้ำและกันตัวเป็นพยาน หลังจากคุมตัวผู้ต้องสงสัยชาวต่างชาติได้ แต่ก็ยังคงไม่ได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์เท่าไรนัก
ชายต่างชาติยอมเปิดปาก ตำรวจขยายผล ค้นอพาร์ทเม้นท์มีนบุรี
แม้ว่าในตอนแรกผู้ต้องหาชาวต่างชาติยังให้การปฏิเสธไม่มีความเกี่ยวข้องกับคดี แต่แล้วในที่สุดเจ้าตัวก็ยอมเปิดปากถึงสถานที่ที่ผู้ร่วมขบวนการเช่าไว้เพื่อเก็บอุปกรณ์ประกอบระเบิด ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถขยายผลนำกำลังเข้าตรวจค้น ไมมูณา การ์เด้นโฮม ในเขตมีนบุรี และตรวจยึดของกลางได้เพิ่มเติม ประกอบด้วย ดินดำสำหรับประกอบวัตถุระเบิด ปุ๋ยยูเรีย รถบังคับวิทยุที่อาจนำไปใช้จุดชนวนระยะไกล นอตเพื่อใช้เป็นสะเก็ดระเบิด และหลอดไฟที่อาจนำไปใช้เป็นเชื้อปะทุไฟ
ตุรกีปฏิเสธ ผู้ต้องหาชายไม่ใช่ชาวตุรกี
แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะพบว่าผู้ต้องหาชาวต่างชาติรายนี้ถือพาสปอร์ตสัญชาติตุรกี แต่ในที่สุดทางสถานทูตตุรกีก็ได้ออกมายืนยันว่าบุคคลดังกล่าวไม่ใช่ชาวตุรกี อย่างไรก็ตามทางตุรกีพร้อมให้ความร่วมมือกับทางการไทย พร้อมแสดงจุดยืนในการต่อต้านการก่อการร้ายทุกรูปแบบ
ออกหมายจับเพิ่มอีก 2 ราย
ความคืบหน้าในวันที่ 31 สิงหาคม ตำรวจได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องสงสัยเพิ่มอีก 2 ราย ประกอบด้วยผู้อาศัยในห้องพักย่านมีนบุรีที่พบวัตถุระเบิดเพิ่มเติม เป็นชายไม่ปรากฏสัญชาติ และอีกรายหนึ่งคือ น.ส.วรรณา สวนสัน 26 ปี ผู้เช่าห้องพักดังกล่าว
ผบ.ตร. มอบเงิน 3 ล้านให้ทีมตำรวจชุดแกะรอยระเบิด
หลังจากที่มีกระแสข่าวจับผู้ต้องสงสัยได้ ชาวโลกออนไลน์ก็ได้มีการทวงถามถึงเงินรางวัลนำจับรวมทั้งสิ้น 12 ล้านบาท ประกอบด้วยรางวัลนำจับของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 3 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินส่วนตัวของ พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. 1 ล้านบาท และจากเพื่อนนักธุรกิจ 2 ล้านบาท, จากนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร 7 ล้านบาท และจากนายสมหวัง อัสราษี แกนนำคนเสื้อแดงอีก 2 ล้านบาท
กระทั่งในวันที่ 31 สิงหาคม พล.ต.อ. สมยศ ก็ได้ออกมาแถลงมอบเงินรางวัลนำจับคนร้ายวางระเบิดแยกราชประสงค์จำนวน 3 ล้านบาท ให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดติดตามคดี เนื่องจากเป็นผลงานของเจ้าหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวนจนนำมาสู่การจับกุม โดยไม่มีประชาชนแจ้งเบาะแสแต่อย่างใด ขณะที่ นายพานทองแท้ และนายสมหวัง ก็ได้ออกมายืนยันว่าจะไม่เบี้ยวเงินรางวัลอย่างแน่นอน โดยนายพานทองแท้ย้ำว่าจะมอบเงินให้เมื่อโฆษกรัฐบาลแถลงอย่างเป็นทางการให้คนทั้งโลกรับทราบว่า "ทางการไทยจับแก๊งวางระเบิดที่ราชประสงค์ได้แล้ว"
สื่อนอกมอง ไทยรีบให้รางวัลนำจับทั้งที่ยังไม่ได้ตัวการสำคัญ
หลังจากที่ พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ออกมาประกาศมอบเงินรางวัลนำจับแก่ตำรวจชุดติดตามคดีระเบิดราชประสงค์ ก็มีคนบางส่วนรวมถึงสื่อต่างประเทศอย่างเว็บไซต์ไทม์ ที่ได้ออกมาแสดงความเห็นว่าไทยได้มอบเงินรางวัลนำจับแก่ตำรวจแล้ว หลังคุมตัวชายชาวต่างชาติได้เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม แม้จะยังไม่สามารถขยายผลการจับกุมไปยังตัวการสำคัญก็ตาม
วรรณา สวนสัน ยันไม่รู้เห็นคดีระเบิด เตรียมบินมอบตัวที่ไทย
หลังจากทางตำรวจได้ออกหมายจับ น.ส.วรรณา สวนสัน ผู้เช่าอพาร์ทเม้นท์ย่านมีนบุรี ที่ถูกซัดทอดว่าใช้เป็นสถานที่เก็บอุปกรณ์ประกอบวัตถุระเบิดไปก่อนหน้านี้ ในที่สุดญาติก็ได้เปิดเผยว่า น.ส.วรรณา ไม่ได้กลับบ้านมา 3 เดือนแล้ว ขณะนี้อยู่ในประเทศตุรกี โดยเธอยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีระเบิด และจะกลับมามอบตัวให้เร็วที่สุดเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ
ขณะที่ผู้สื่อข่าวต่างประเทศได้มีรายงานว่า น.ส.วรรณา พร้อมที่จะมอบตัวกับตำรวจเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ ในวันหรือเวลาใดก็ได้ แต่ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ไทยเป็นผู้ดำเนินการออกค่าตั๋วเครื่องบินให้ด้วย เนื่องจากเธอไม่มีเงินจ่ายตั๋วเครื่องบินเดินทางกลับ ทั้งนี้ทางตำรวจไทยได้ประสานเรื่องไปยังสถานทูตไทยประจำตุรกี เพื่อตรวจเพิ่มเติมว่า น.ส.วรรณา อาศัยอยู่ในตุรกีจริงหรือไม่
บิ๊กตู่ รับบึ้มราชประสงค์โยงขบวนการขนอุยกูร์
แม้ว่าที่ผ่านมารัฐบาลจะพยายามออกมาปฏิเสธกระแสข่าวที่วิเคราะห์ว่า เหตุระเบิดราชประสงค์อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับปมอุยกูร์ หลังจากที่ทางการไทยดำเนินการส่งกลับกลุ่มผู้อพยพชาวอุยกูร์กลับประเทศจีนไปเมื่อเดือนกรกฎาคม 2558 แต่แล้วในที่สุดในช่วงเย็นวันที่ 31 สิงหาคม พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ได้ออกมายอมรับในที่สุด ว่าชายไม่ทราบสัญชาติที่จับกุมได้นั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบนำชาวอุยกูร์เข้าไทย พร้อมชี้ว่าคนกลุ่มนี้ทำกันเป็นขบวนการ ใช้ประเทศไทยเป็นจุดพักในการขนคน ทำให้มีคนได้ผลประโยชน์ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของคดีระเบิดราชประสงค์ได้เช่นกัน
กล้องวงจรปิดหัวลำโพง จับภาพผู้ต้องสงสัยเพิ่มอีกราย คาดเป็นมือส่งระเบิด
ในช่วงเช้าวันที่ 1 กันยายน 2558 ชุดสืบสวนได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพิ่มอีกครั้งเพื่อตามหาเส้นทางการเดินทางของผู้ต้องหาสวมเสื้อเหลือง ผู้ต้องสงสัยวางระเบิดราชประสงค์ และผู้ต้องหาเสื้อสีฟ้า ผู้ต้องสงสัยวางระเบิดท่าเรือสาทร จนพบผู้ต้องสงสัยเพิ่มเติมอีก 1 รายจากกล้องวงจรปิดในสถานีรถไฟหัวลำโพง เป็นชายเสื้อขาวที่คาดว่าน่าจะเป็นคนส่งระเบิด
รวบชายเสื้อเหลือง ผู้ต้องสงสัยมือบึ้มราชประสงค์
หลังจากที่การสอบสวนสืบสวนก้าวล่วงเข้าสู่วันที่ 15 นับตั้งแต่เกิดเหตุระเบิดราชประสงค์ ในที่สุดเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. วันนี้ (1 กันยายน 2558) ก็ได้มีรายงานแจ้งว่าเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวชายเสื้อเหลือง ผู้ต้องสงสัยเป็นมือระเบิดราชประสงค์ได้แล้ว บริเวณชายแดนสระแก้ว-กัมพูชา และอยู่ระหว่างส่งตัวมาสอบปากคำที่กรุงเทพฯ
ศาลมีนบุรี ออกหมายจับชายต้องสงสัยอีก 3
ในวันนี้ (1 กันยายน 2558) ศาลจังหวัดมีนบุรี ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาที่คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่ราชประสงค์เพิ่มอีก 3 ราย ประกอบด้วย นายอาลิ โจลัน สัญชาติตุรกี, นายอาฮ์เม็ท โบซองแลน และชายชาวตุรกีไม่ทราบชื่อ ในข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย
ทั้งนี้จนถึงปัจจุบัน ทางตำรวจได้ออกหมายจับผู้ต้องสงสัยในคดีระเบิดราชประสงค์แล้ว 7 ราย ประกอบด้วย
1. ชายเสื้อเหลือง ผู้ต้องสงสัยมือวางระเบิดราชประสงค์
2. ชายเสื้อฟ้า ผู้ต้องสงสัยวางระเบิดท่าเรือสาทร
3. น.ส.วรรณา สวนสัน 26 ปี ผู้เช่าห้องพัก ไมมูณา การ์เด้นโฮม ในเขตมีนบุรี
4. ชายไม่ปรากฏสัญชาติ ผู้พักอาศัยในห้องพัก ไมมูณา การ์เด้นโฮม ในเขตมีนบุรี
5. นายอาลิ โจลัน สัญชาติตุรกี
6. นายอาฮ์เม็ท โบซองแลน
7. ชายชาวตุรกีไม่ทราบชื่อ
ประวุฒิ ยังไม่ฟันธงผู้ต้องสงสัยคล้ายชายเสื้อเหลืองเป็นสัญชาติใด
สำหรับความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ท. ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงว่า ผู้ต้องสงสัยคล้ายชายเสื้อเหลืองซึ่งถูกควบคุมได้ที่ จ.สระแก้ว ตามมาตรา 44 ได้เดินทางมาถึงกรุงเทพฯ แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน พิมพ์ลายนิ้วมือ และตรวจสอบดีเอ็นเอ แม้ไม่ฟันธงว่าเป็นมือวางระเบิดราชประสงค์ แต่มั่นใจว่าเป็นผู้ต้องหาคนสำคัญ สำหรับผู้ต้องสงสัยทั้งหมดต้องรอพิสูจน์สัญชาติอีกครั้ง ส่วน น.ส.วรรณา ที่ออกมาให้ข้อมูลจะมอบตัวเป็นการติดต่อผ่านญาติเท่านั้น ยังไม่ได้ประสานมายังตำรวจแต่อย่างไร
ทั้งนี้สำหรับผู้ต้องสงสัยคล้ายชายเสื้อเหลืองที่จับได้ล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้คุมตัวไปที่ พล.ม.2 รอ. รอทหารสอบเข้ม
สำหรับความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ท. ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงว่า ผู้ต้องสงสัยคล้ายชายเสื้อเหลืองซึ่งถูกควบคุมได้ที่ จ.สระแก้ว ตามมาตรา 44 ได้เดินทางมาถึงกรุงเทพฯ แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน พิมพ์ลายนิ้วมือ และตรวจสอบดีเอ็นเอ แม้ไม่ฟันธงว่าเป็นมือวางระเบิดราชประสงค์ แต่มั่นใจว่าเป็นผู้ต้องหาคนสำคัญ สำหรับผู้ต้องสงสัยทั้งหมดต้องรอพิสูจน์สัญชาติอีกครั้ง ส่วน น.ส.วรรณา ที่ออกมาให้ข้อมูลจะมอบตัวเป็นการติดต่อผ่านญาติเท่านั้น ยังไม่ได้ประสานมายังตำรวจแต่อย่างไร
ทั้งนี้สำหรับผู้ต้องสงสัยคล้ายชายเสื้อเหลืองที่จับได้ล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้คุมตัวไปที่ พล.ม.2 รอ. รอทหารสอบเข้ม
ประวิตร ไม่ปฏิเสธเหตุบึ้มโยงอุยกูร์ เชื่อเฉพาะกลุ่มผู้เสียประโยชน์เท่านั้น
ในช่วงเช้าวันที่ 2 กันยายน 2558 พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และคณะได้เดินทางเยือนประเทศจีน ร่วมงานฉลอง 70 ปี สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 รวมถึงหารือความร่วมมือด้านต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม พล.อ. ประวิตร ยืนยันว่าในการเดินทางครั้งนี้จะไม่มีการถกเรื่องระเบิดราชประสงค์ เพราะเป็นเรื่องภายในประเทศ ส่วนเหตุดังกล่าวจะเกี่ยวกับเรื่องอุยกูร์หรือไม่นั้น คงเป็นเรื่องที่ปฏิเสธความเกี่ยวโยงไม่ได้ แต่เชื่อว่าเป็นเพียงเฉพาะกลุ่มผู้ที่เสียประโยชน์เท่านั้น ไม่ใช่ทั้งหมด
ผบ.ตร. ยันผู้ต้องสงสัยจาก จ.สระแก้ว อาจเป็นชายเสื้อเหลือง
พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ได้ออกมาเผยความคืบหน้าถึงความเป็นไปได้ที่ผู้ต้องสงสัยซึ่งถูกควบคุมตัวได้ที่สระแก้วเมื่อวันที่ 1 กันยายน อาจเป็นคนเดียวกับผู้ต้องสงสัยเสื้อสีเหลือง และจากการตรวจสอบลายนิ้วมือแฝงพบว่าตรงกับรอยนิ้วมือที่ห้องพักย่านหนองจอก ขณะที่ยังไม่สามารถยืนยันสัญชาติได้ นอกจากนี้ยังเตรียมนำผลการตรวจสอบดีเอ็นเอมาตรวจเปรียบเทียบ ซึ่งเบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และยังอยู่ในความควบคุมของฝ่ายความมั่นคง ตามมาตรา 44 อย่างไรก็ตามสำหรับแรงจูงใจในการก่อเหตุ เชื่อว่าไม่ใช่การก่อการร้ายข้ามชาติ แต่ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ส่วนกรณีที่ น.ส.วรรณา ต้องการให้เจ้าหน้าที่ออกค่าใช้จ่ายเพื่อเดินทางกลับมาไทย ได้มอบหมายให้ตำรวจประสานสถานทูตเพื่ออำนวยความสะดวกแล้ว
ยูซูฟู รับอยู่ที่เกิดเหตุขณะระเบิดราชประสงค์ ยันไม่รู้เห็นเหตุการณ์
นายยูซูฟู ผู้ต้องสงสัยคล้ายชายเสื้อเหลือง ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณ จ.สระแก้ว ยอมรับแล้ว อยู่ที่บริเวณแยกราชประสงค์จริงตอนเกิดเหตุระเบิด ก่อนวิ่งหนีไปที่แถวประตูน้ำ และไปขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟหัวลำโพงในเย็นวันที่ 17 สิงหาคม อย่างไรก็ตามยังยืนยันว่าไม่มีการรู้เห็นกับเหตุการณ์ดังกล่าว
ดีเอ็นเอยัน "ยูซูฟู" ไม่ใช่ชายเสื้อเหลือง แฉเคยซื้อชิ้นส่วนบึ้มผ่านเน็ต
ผลการตรวจยันดีเอ็นเอและลายนิ้วมือ เมียไรลี ยูซูฟู ซึ่งถูกจับกุมได้ที่ จ.สระแก้ว ตรงกับที่พบบนถังบรรจุวัตถุระเบิดในห้องพักที่หนองจอก ขณะที่ พล.ต.ท. ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. คาดนายยูซูฟู ไม่ใช่ชายเสื้อเหลืองและเสื้อฟ้าที่นำระเบิดไปวางไว้ที่แยกราชประสงค์ แต่อาจจะทำหน้าที่เกี่ยวกับวัตถุระเบิดอยู่ในขบวนการ และมีบทบาทสำคัญ โดยพบว่าเป็นผู้สั่งซื้อสารเคมีและชิ้นส่วนวัตถุประกอบระเบิดผ่านอินเทอร์เน็ต 2 ครั้งในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม ขณะนี้ได้ออกหมายจับแล้ว เตรียมส่งพาสปอร์ตจีนที่พบให้สถานทูตจีนตรวจสอบซ้ำ ทั้งนี้ยังพบข้อมูลว่าในเช้าวันเกิดเหตุ กลุ่มขบวนการได้รวมตัวกันช่วงเช้าที่มีนบุรี ก่อนกระจายลงพื้นที่ก่อเหตุ
บุกค้นรังแก๊งระเบิดราชประสงค์เพิ่มเติม
ตำรวจนำกำลังปิดล้อมตรวจค้นบ้านเช่าต้องสงสัยในซอยราษฎร์อุทิศ 34 เขตมีนบุรี หลังได้รับแจ้งว่าอาจจะเป็นที่กบดาน หรือเก็บวัตถุพยาน โดยพบถังบรรจุสารเคมีในบ้านพักหลังดังกล่าว พบว่าเป็นสารเคตามีน ซึ่งเป็นสารที่ใช้เป็นส่วนผสมของยาเค ไม่ใช่สารประกอบระเบิดแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามพบว่า น.ส.วรรณา สวนสัน เคยเดินทางเข้า-ออกบ้านหลังนี้หลายครั้ง และเป็นที่รู้จักกับเพื่อนบ้านในบริเวณดังกล่าวเป็นอย่างดี
ทหารประสานตัวส่ง อาเดม คาราดัก ให้ตำรวจ
หลังจากที่ นายอาเดม คาราดัก ผู้ต้องหาครอบครองวัตถุระเบิดซึ่งถูกจับกุมได้ที่พูลอนันต์อพาร์ทเม้นท์ ย่านหนองจอก เมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา ถูกทหารควบคุมตัวตามมาตรา 44 ครบ 7 วันแล้ว ทางตำรวจจึงได้รับการประสานจากทหารเพื่อส่งมอบผู้ต้องหาให้ โดยจะทำการสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนขออำนาจศาลจังหวัดมีนบุรีฝากขังผลัดแรกในวันนี้ (4 กันยายน)
ยูซูฟู แฝงตัวบนสกายวอล์ก-อาจเป็นคนกดระเบิด
ตำรวจเผย นายเมียไรลี ยูซูฟู มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นผู้ที่กดระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม โดยพบว่าผู้ต้องหารายนี้เรียนจบด้านวิศวกรรมศาสตร์ สาขาเคมี จากมหาวิทยาลัยชื่อดังในประเทศจีน มีความเชี่ยวชาญด้านเคมีเป็นอย่างดี ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นคนประกอบระเบิดด้วย โดยในวันเกิดเหตุได้นั่งรถแท็กซี่มาจากย่านมีนบุรีพร้อมกระเป๋าเป้บรรจุระเบิดมาลงหัวลำโพง ก่อนส่งเป้ต่อให้กับชายเสื้อเหลือง จากนั้นจึงแยกกันเดินทางมาที่ศาลท้าวมหาพรหม ซึ่งนายยูซูฟูได้แฝงตัวอยู่บนทางเดินสกายวอล์กและเป็นไปได้ว่าจะเป็นผู้กดรีโมทระเบิด หลังจากชายเสื้อเหลืองได้นำกระเป๋าเป้ไปวางที่ศาลท้าวมหาพรหม
ออกหมายจับผู้ต้องหารายที่ 10 และ 11
ในวันที่ 7 กันยายน 2558 นายเมียไรลี ยูซูฟู ได้ยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ และกระทำผิดจริงตามข้อกล่าวหามีซึ่งยุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมกันนี้ทางตำรวจยังได้ออกหมายจับผู้ต้องหาคดีดังกล่าวเพิ่มอีก 2 ราย คือ นายอับดุลเลาะห์ อับดุลเลาะห์มาน ชาวต่างชาติ ผู้ต้องหาตามหมายจับคนที่ 10 พร้อมเผยภาพสเก็ตช์ และชายต่างชาติไม่ทราบชื่อ ที่กล้องวงจรปิดของห้างสรรพสินค้าในพื้นที่ใกล้อพาร์ทเม้นท์ย่านหนองจอกจับภาพได้ เป็นผู้ต้องหาคนที่ 11 ในข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ซึ่งตำรวจตรวจสอบพบว่าทั้งสองคนเกี่ยวข้องกับขบวนการที่พักอาศัยในอพาร์ทเม้นท์ ย่านหนองจอก เช่นเดียวกับนายเอเดม คาราดัก และนายเมียไรลี ยูซูฟู
คุมตัวชายเอเชีย เพื่อนข้างห้อง ยูซูฟู สอบปากคำ
ในวันเดียวกัน ตำรวจและทหารได้เข้าควบคุมชายชาวเอเชีย จากห้องพักย่านมีนบุรี ซึ่งพักอยู่ติดกับห้องของ น.ส.วรรณา สวนสัน ที่ให้ นายยูซูฟู อาศัยอยู่ ซึ่งจากการสอบถามผู้พักห้องอื่นและการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าชายดังกล่าวเคยพูดคุยกับนายยูซูฟูมาก่อนหน้านี้
ยูซูฟู ซัดทอด อิซาน ผู้บงการวางระเบิดราชประสงค์
จากการสอบปากคำ นายเมียไรลี ยูซูฟู ผู้ต้องหาได้ให้ความร่วมมือและให้การเป็นประโยชน์ต่อตำรวจ โดยเบื้องต้นได้ซัดทอดถึงผู้บงการระเบิดราชประสงค์คือ นายอิซาน ซึ่งได้หลบหนีออกนอกประเทศไทยไปตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุระเบิดราชประสงค์ ขณะที่ผู้ร่วมขบวนการมี 6 คน คือ นายอิซาน, ชายเสื้อเหลือง, ชายเสื้อฟ้า, นายอาเดม, ชายชาวต่างชาติไม่ทราบชื่อ และนายยูซูฟู ซึ่งทั้งหมดไม่รู้จักกัน ในการประสานงานนั้นนายอิซานจะติดต่อผ่านแอพพลิเคชั่น"วอทแอพ" พร้อมเป็นผู้สั่งการให้หาซื้อสารประกอบระเบิดผ่านอินเทอร์เน็ต ก่อนให้ตนนำระเบิดใส่เป้ไปให้ชายเสื้อเหลืองที่หัวลำโพง
สั่ง ตม. เข้มงวดชายแดน หลังพบละเลยการปฏิบัติหน้าที่
พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธ์ุม่วง สั่งกำชับให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ทุกด่านทั่วประเทศ เข้มงวดตรวจตราเรื่องความมั่นคง หลังพบว่ามีการปล่อยปละละเลยในการปฏิบัติหน้าที่ เพราะจากการสอบสวนผู้ต้องหาในคดี ให้การชัดเจนว่าผ่านเข้าประเทศมาทางด่านชายแดนที่ติดกับประเทศไทย ตั้งแต่ทางภาคเหนือจรดภาคใต้ ส่วนการย้ายเจ้าหน้าที่ ตม.สระแก้ว มาช่วยราชการที่ ตร. ฝ่ายจเรตำรวจกำลังสอบสวนโดยละเอียดว่ามีใครเข้าไปมีผลประโยชน์ร่วมกับกลุ่มก่อเหตุหรือไม่ หากพบก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย แต่เบื้องต้นคือบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่แน่นอน
คุมตัว ยูซูฟู ทำแผนคดีบึ้มราชประสงค์
ในวันที่ 8 กันยายน พล.ต.ท. ประวุฒิ ถาวรศิริ ได้คุมตัว นายเมียไรลี ยูซูฟู มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุที่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดราชประสงค์และท่าเรือสาทร รวม 5 จุด ดังนี้
ห้องเลขที่ 412/413 และ 414 พูลอนันต์ อพาร์ตเม้นต์ ปากซอยเชื่อมสัมพันธ์ 11 เขตหนองจอก ซึ่งเป็นห้องพักที่จับกุม นายอาเดม คาราดัก เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม หลังตรวจเทียบลายนิ้วมือของ นายยูซูฟู ตรงกับลายนิ้วมือแฝงที่พบที่กระป๋องบรรจุสารประกอบระเบิดที่พบภายในห้องพัก
บริเวณปากซอยเชื่อมสัมพันธ์ 13 ซึ่งเป็นจุดที่นายยูซูฟู ขึ้นรถสองแถวไปยังตลาดมีนบุรีก่อนต่อรถไปยังราชประสงค์ในวันเกิดเหตุ
ห้องพักเลขที่ 9106 ไมมูณา การ์เด้นโฮม ซอยราษฎร์อุทิศ 25/8 แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี ซึ่งเป็นจุดที่กลุ่มผู้ต้องหาเปิดห้องพักไว้ และตรวจพบดีเอ็นเอของนายยูซูฟู รวมถึงเป็นจุดที่ตรวจพบเคมีประกอบระเบิด คือ ปุ๋ยยูเรีย ดินเทา อุปกรณ์ประกอบระเบิด
ถนนสีหบุรานุกิจ ซอย 18 และตลาดมีนบุรี ซึ่งเป็นจุดลงรถและรวมตัวกับผู้ร่วมขบวนการหลังก่อเหตุที่ราชประสงค์
ร้านวัสดุภัณฑ์ย่านบึงกุ่ม ซึ่งเป็นร้านที่ นายยูซูฟู มาซื้อส่วนผสมและอุปกรณ์ไปประกอบระเบิด
จากนั้นในวันที่ 9 กันยายน ก็ได้มีการคุมตัวผู้ต้องหามาทำแผนประกอบคำรับสารภาพต่อเป็นวันที่ 2 ใน 2 จุด ดังนี้
บริเวณหน้าวัดปทุมวนาราม ซึ่งเป็นสถานที่ที่นายยูซูฟู เดินทางมาจากย่านหัวลำโพง เพื่อไปยังทางด้านหลังห้างเซ็นทรัลเวิลด์ โดยเจ้าตัวให้การว่า ได้ยืนถ่ายภาพเหตุการณ์หลังเกิดเหตุระเบิดราชประสงค์ หลังจากนั้นได้เดินผ่านไปทางย่านประตูน้ำ เพื่อขึ้นรถกลับไปที่อพาร์ทเม้นท์ย่านมีนบุรี
บริเวณสะพานข้ามคลองผดุงกรุงเกษมตรงข้ามสถานีรถไฟหัวลำโพง ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ต้องหานำระเบิดไปส่งให้กับชายเสื้อเหลือง เพื่อนำไปก่อเหตุระเบิดราชประสงค์
สมยศ รับทีมบึ้มจ่ายส่วยให้ ตม. 4-5 ครั้ง เตรียมรายงานนายกฯ
พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธ์ุม่วง เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาคดีระเบิดราชประสงค์สารภาพแล้ว ว่าได้จ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่ ตม. ในการเดินทางเข้าออกประเทศมาแล้วมากกว่า 4-5 ครั้ง ซึ่งขณะนี้ได้สั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองไปตรวจสอบอย่างเร่งด่วนว่ามีใครที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้บ้าง และจากนี้จะทำบันทึกรายงานเรื่องดังกล่าวส่งให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ เพื่อให้ช่วยเข้ามาแก้ไขปัญหาดังกล่าว เนื่องจากตนเองมีเวลาเพียง 20 วัน ไม่พอที่จะแก้ปัญหาดังกล่าว และลำพัง ผบ.ตร. เพียงคนเดียวคงไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้
สมยศ ปัดเสื้อเหลืองมือระเบิดหนีซุกมาเลย์
พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ยืนยันความคืบหน้าคดีระเบิดราชประสงค์ ชี้ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่มีการควบคุมตัวชายเสื้อเหลือง รวมถึงยังไม่มีรายงานยืนยันว่าชายเสื้อเหลืองหลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้านแต่อย่างใด ซึ่งหากเป็นความจริงทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะดำเนินการประสานไปยังตำรวจสากล เพื่อขอความช่วยเหลือในการติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี ทั้งนี้การสืบสวนสอบสวนทุกขั้นตอนจำเป็นต้องทำอย่างรอบคอบมากที่สุด เนื่องจากกลุ่มคนร้ายมีการวางแผนมาอย่างเป็นอย่างดี มีความสลับซับซ้อนเป็นอย่างมาก และการติดต่อสื่อสารอาจไม่ได้ใช้โทรศัพท์เพียงช่องทางเดียว เพื่อหลีเลี่ยงการติดตามจับกุมของเจัาหน้าที่
เร่งล่า อิซาน ผู้บงการแก๊งบึ้ม ยังไม่ชัดซ่อนอยู่ประเทศใด
พล.ต.ท. ประวุฒิ ถาวรศิริ เปิดเผยความคืบหน้าการไล่ล่าตัวผู้ร่วมขบวนการแก๊งระเบิดราชประสงค์ โดยยืนยันว่า นายอาบูดูซาตาร์ อบูดูเระห์มาน หรือ อิซาน เป็นบุคคลที่อยู่ขบวนการการก่อเหตุจริง แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าทำหน้าที่ใด จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบมีข้อมูลการเดินทางออกจากประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าอยู่ในประเทศใด ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่าเดินทางไปประเทศบังกลาเทศนั้น ก็ได้ประสานไปแล้ว แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับอยู่
ยัน อิซาน ไปบังกลาเทศจริง แต่เดินทางต่อไปจีนแล้ว
คืบหน้าวันที่ 10 กันยายน สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจบังกลาเทศยืนยันว่า นายอิซาน ผู้ต้องสงสัยคนสำคัญในคดีระเบิดราชประสงค์ ได้เดินทางเข้ามายังบังกลาเทศทางเครื่องบิน ด้วยพาสปอร์ตจีน 1 วันก่อนเกิดเหตุระเบิด แต่จากนั้น 2 สัปดาห์ก็ได้เดินทางต่อไปยังจีน อย่างไรก็ตามตำรวจบังกลาเทศปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าชายคนดังกล่าวพักอยู่ที่ใดขณะในช่วง 2 สัปดาห์ที่อาศัยอยู่ในกรุงธากา และเดินทางไปพบใครบ้าง
ผบ.ตร. ชี้อย่าด่วนสรุป อิซาน เป็นตัวการใหญ่ อาจมีเซอร์ไพรส์
ขณะที่ พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ระบุว่า อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่า นายอิซาน เป็นตัวการใหญ่ เพราะเจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล ซึ่งบางทีอาจมีเรื่องเซอร์ไพรส์ อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้แรงจูงใจของกลุ่มที่ถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังเหุตระเบิดกลางกรุง ก็ยังคงเป็นปริศนา โดยเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ว่าการระเบิดในครั้งนี้มีสาเหตุมาจากเรื่องใด
ทูตบังกลาเทศ เข้าพบ ประวุฒิ หารือตามตัว อิซาน ผู้บงการระเบิดราชประสงค์
วันที่ 11 กันยายน 2558 เอกอัครราชทูตบังก ลาเทศประจำประเทศไทย พร้อมคณะ เดินทางเข้าพบ พล.ต.ท. ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เพื่อพูดคุยกรณี นายอิซาน เดินทางจากประเทศไทยไปยังกรุงธากา ประเทศบังกลาเทศ
นายกฯ ประสานจีน เรื่องส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน
ล่าสุดวันนี้ (11 กันยายน 2558) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ประสานไปยังประเทศจีน เรื่องการใช้กฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน หลังพบ นายอิซาน เดินทางไปยังประเทศจีนแล้ว ระบุจะมีการใช้กฎหมายดังกล่าวหรือไม่ขึ้นอยู่กับกฎหมายของแต่ละประเทศ แตกต่างจากกฎหมายคดี 112 ที่บางประเทศไม่ยอมส่งผู้กระทำผิดกลับมา เนื่องจากมีวัฒนธรรมต่างกัน
ปปง. แถลงเปิดเส้นทางท่อน้ำเลี้ยง ขบวนการระเบิดราชประสงค์
พ.ต.อ. สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เปิดเผยว่า หลังจากมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้ต้องหาในคดีระเบิดราชประสงค์ และท่าเรือสาทร พบว่า บัญชีของ นายเอ็มระห์ ดาวูโตกลู สามีของ น.ส.วรรณา สวนสัน ได้มีการรับโอนเงินจากบุคคลที่อยู่ต่างประเทศ 4 ครั้ง
ทั้งยังพบว่ามีชาวต่างชาติที่อยู่ในจีนและตุรกีรวม 7 คน ได้โอนเงินมาให้ชาวต่างชาติ 4 คนในประเทศไทยรวมนายเอ็มระห์ด้วย ตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2557 ถึงวันที่ 27 มีนาคม 2558 รวมเป็นเงินมากกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีการนำเงินจำนวนดังกล่าวไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและนำไปซื้อสารประกอบวัตถุระเบิด ทั้งนี้หากพบว่าเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือการค้ามนุษย์ ก็จะมีการประกาศห้ามบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดทำธุรกรรมทางการเงินในประเทศไทย
บุกค้นหอพักสตรีใกล้ ม.หอการค้า คุมหญิง 3 รายสอบ
วันที่ 13 กันยายน เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ นำกำลังเข้าตรวจค้นหอพักสตรีอู๊ด หน้ามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย หลังพบว่ามีความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดราชประสงค์และท่าเรือสาทร และคาดว่า น.ส.วรรณา สวนสัน อาจเคยมาพักอาศัยที่หอพักแห่งนี้ โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นห้องพักเลขที่ 104 และได้นำของที่พบในห้องไปตรวจสอบหาดีเอ็นเอและลายนิ้วมือแฝง ว่าตรงกับผู้ที่อยู่ในขบวนการก่อเหตุหรือไม่ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ไม่พบสารตั้งต้นหรือสารประกอบระเบิดแต่อย่างใด
ขณะเดียวกันยังพบหญิงสาวที่เช่าห้องดังกล่าว 3 ราย จึงควบคุมตัวไปสอบปากคำ ณ ค่ายทหารแห่งหนึ่ง พร้อมจะติดต่อแม่ของนักศึกษาทั้ง 2 รายมาสอบปากคำเพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป ทั้งนี้จากแนวทางสืบสวนพบว่ามีชาย 3 คนนำของกลางมาฝากที่ห้องดังกล่าว และเชื่อว่าบุคคลทั้ง 3 คนนี้ น่าจะหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าบุคคลที่นำของมาฝากนั้นเคยถูกออกหมายจับในคดีดังกล่าวแล้วหรือไม่
ผบ.ตร. ปัดยังไม่ได้รับรายงาน ตำรวจมาเลย์จับผู้ต้องสงสัยได้
วันที่ 14 กันยายน พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ระบุถึงกรณีที่สำนักข่าวต่างประเทศมีรายงานอ้าง ผบ.ตร. มาเลเซีย ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 3 คนที่มาเลเซียแล้วนั้น ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีการติดต่อประสานข้อมูลเข้ามาแต่อย่างใด พร้อมปฏิเสธถึงการส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยไปที่ประเทศมาเลเซียและประเทศเพื่อนบ้านตามที่มีสื่อบางสำนักนำเสนอ ว่าไม่เป็นความจริง พร้อมฝากเตือนสื่อ ถึงการนำเสนอข่าวว่า ควรพิจารณาและตรวจสอบข้อมูลให้รอบคอบ มิเช่นนั้นอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศไทย และทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่นั้นลำบากมากขึ้น
คาดสาเหตุบึ้มกลางเมือง เพราะแค้นไทยทำลายขบวนการค้ามนุษย์
พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ยังระบุว่า จากการทำงานของเจ้าหน้าที่จนถึงขณะนี้ทำให้สามารถคาดว่า สาเหตุของการก่อเหตุในครั้งนี้มีความเชื่อมโยงกับกระบวนการค้ามนุษย์ เนื่องจากทางการไทยมีการปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ กลุ่มผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง ทำให้ธุรกิจของขบวนการดังกล่าวเสียหาย กลุ่มคนบางกลุ่มเสียผลประโยชน์ จนเป็นเหตุนำไปสู่การกระทำดังกล่าว
อาเดม กลับคำให้การ ยันไม่รู้เห็นเหตุระเบิด
วันที่ 14 กันยายน นายชูชาติ กันภัย ทนายความของ นายอาเดม คาราดัก เปิดเผยว่า จากการพูดคุยเบื้องต้นผู้ต้องหายอมรับว่าเป็นชาวตุรกีที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย มีเป้าหมายเดินทางไปทำงานเป็นคนขับรถในประเทศมาเลเซีย อย่างไรก็ตาม นายอาเดม ได้ให้การปฏิเสธว่าไม่รู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับส่วนประกอบวัตถุระเบิด และของกลางที่เจ้าหน้าที่ค้นพบในอาคารพูลอนันต์อพาร์ทเม้นท์ และคาดว่าข่าวมีออกมาก่อนหน้านี้ว่าของกลางทั้งหมดเป็นของตัวเองนั้นอาจจะเกิดจากการสื่อสารที่ผิดพลาด
จักรทิพย์ บินด่วนไปมาเลเซีย ร่วมสืบหามือบึ้ม
เมื่อวันที่ 15 กันยายน เวลา 12.30 น. พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะหัวหน้าชุดซักถามคดีระเบิดแยกราชประสงค์ ได้เดินทางออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อไปขึ้นเครื่องบินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยขณะเดินทาง พล.ต.อ. จักรทิพย์ พยายามเลี่ยงพบสื่อมวลชน และไม่เปิดเผยถึงเหตุผลการเดินทางไปยังประเทศมาเลเซีย โดยได้กล่าวกับสื่อเพียงสั้น ๆ ว่าจะเดินทางกลับประเทศไทยในวันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายนนี้ ขณะที่ พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง คาดว่าการเดินทางไปครั้งนี้ทำให้มั่นใจว่าจะทำให้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อคดี
ประยุทธ์ ยันระเบิดราชประสงค์ไม่เกี่ยวอุยกูร์
พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงข้อสรุปสาเหตุการวางระเบิดราชประสงค์ว่า ชั้นต้นยังไม่น่าเกี่ยวกับปมอุยกูร์ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น จะต้องมีคนออกมารับผิดชอบ ดังนั้น น่าจะเป็นได้ทั้ง 3 ทาง คือ อาชญากรรมธรรมดา ค้ามนุษย์ธรรมดา หรือการส่งชาวอุยกูร์ แต่การส่งชาวอุยกูร์กลับจีนเป็นการทำตามกฎหมาย ไม่ใช่ปัญหาของไทย
ภาพจาก AIDAN JONES / AFP
ไพศาล สงสัย ทำไมทนาย อาเดม คาราดัก เป็นทนายเสื้อแดง
วันที่ 16 กันยายน นายไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรองนายกฯ ได้ออกมาแสดงข้อข้องใจผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว "Paisal Puechmongkol" ระบุถึง นายชูชาติ กันภัย ทนายความส่วนตัวของนายอาเดม คาราดัก ผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับคดีระเบิดที่ราชประสงค์ ว่าทนายรายนี้เคยว่าความในคดีที่มีกลุ่มเสื้อแดงเกี่ยวข้องมาแล้ว พร้อมตั้งข้อสงสัยที่ตนยังตอบไม่ได้ ว่านายอาเดมถูกทหารคุมตัวตลอดเวลา จะไปพบและตั้งทนายตอนไหน ใครเป็นผู้ติดต่อและว่าจ้างให้ ข้อความที่ทนายแถลงมาจากที่ใด
จักรทิพย์ เผยยังไม่ได้พบ ชาย 3 คนเอี่ยวบึ้ม
ขณะที่ พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา เปิดเผยภายหลังจากเดินทางกลับจากประเทศมาเลเซียว่า ตนยังไม่มีการเข้าพบผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 คน ที่ทางการมาเลเซียควบคุมตัวไว้แต่อย่างใด จึงยังไม่สามารถระบุได้ว่าเกี่ยวข้องกับ นายอาบูดูซาตาร์ อบูดูเระห์มาน หรืออิซาน หรือไม่อย่างไร ซึ่งในวันที่ 17 กันยายน ตนจะมอบหมายให้ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาลเดินทางไปที่ประเทศมาเลเซียอีกครั้ง และคาดว่าจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปสอบสวนผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 คน
คาดชายเสื้อเหลืองเผ่นจากมาเลเซียแล้ว
ส่วนกระแสข่าวที่ว่ามือระเบิดได้หนีออกจากไทยไปมาเลเซียนั้น พล.ต.อ. จักรทิพย์ ยังเชื่อว่าชายเสื้อเหลืองน่าจะหลบหนีออกจากประเทศมาเลเซียแล้ว แต่ยังไม่ทราบว่าเดินทางไปยังประเทศใด ขณะเดียวกันเชื่อว่าหากคนร้ายไม่ไหวตัวเสียก่อนจากการนำเสนอข่าวของสื่อ น่าจะสามารถจับมือระเบิดได้ตั้งแต่อาทิตย์ที่ผ่านมา จึงอยากขอร้องสื่อในเรื่องการนำเสนอข่าวบางอย่างออกไปเพราะทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานยากขึ้นมาก
หน่วยงานความมั่นคงไทย เผยข้อมูลขบวนการบึ้มจำนวน 22 คน
วันที่ 17 กันยายน หน่วยงานความมั่นคงไทยได้เผยข้อมูลผลการสรุปจำนวนผู้ต้องหาและผู้เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิด ราชประสงค์และท่าเรือสาทร โดยพบว่ามีผู้สั่งการใหญ่ที่สุด จำนวน 1 คน และมีบุคคลหลัก ๆ ที่เหลืออีก 21 คน รวมทั้งสิ้น 22 คน สามารถแบ่งออกได้เป็น 5 กลุ่มด้วยกัน ดังนี้
ทีมปฏิบัติการ
กลุ่มสนับสนุน/เปิดห้องพัก
ผู้สนับสนุนด้านการเงิน
ผู้สนับสนุนเรื่องวีซ่าและพาสปอร์ต
ทีมพามือระเบิดหลบหนี
ออกหมายจับรายที่ 13 สามีสาวในแมนชั่นย่านหอการค้า
ศาลจังหวัดมีนบุรี ออกหมายจับ นายอับดุล ดาวาบ (Mr.Abdul Tawab) สัญชาติปากีสถาน ในหมายจับเลขที่ จ.843/2558 ข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และร่วมกันมีซึ่งยุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่พบว่า นายอับดุล ดาวาบ เคยพักอาศัยอยู่ที่พูลอนันต์อพาร์ทเม้นท์ โดยการออกหมายจับในครั้งนี้เจ้าหน้าที่รวบรวมหลักฐานจากพยานบุคคลที่สามารถยืนยันได้ว่าผู้ต้องหามีการเดินทางเข้า-ออกห้องเก็บสารระเบิดบ่อยครั้ง
ทั้งนี้ นายอับดุล ดาวาบ คือ ผู้ต้องหาคนที่ 13 เป็นชายคนเดียวกับที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นห้องพักย่านอ่อนนุช ซอย 44-46 เพื่อตามหาตัว แต่ไม่พบในช่วงก่อนหน้านี้ และเป็นสามีของ น.ส.ปณิฐ์สรา ชาลีรัฐรมย์ อายุ 40 ปี ที่เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวได้ที่หอพักสตรีอู๊ด ย่านดินแดง และพบสิ่งของนายดาวาบ ที่นำมาฝากไว้ และคาดว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับนายเมียไรลี ยูซูฟู และเป็นคนในกลุ่มขบวนการค้ามนุษย์ และทำหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกแก่มือระเบิด ในการผ่านเข้า-ออกไทย ทั้งนี้พาสปอร์ตที่นายอับดุล ใช้เป็นพาสปอร์ตปลอม แต่ยืนยันว่าชื่อ นายอับดุล ดาวาบ เป็นชื่อจริงของผู้ต้องหา เนื่องจากคนในขบวนการเรียกชื่อนี้
ทหารคุมตัว 3 พยานส่งตำรวจสอบปากคำเพิ่ม
คืบหน้าวันที่ 18 กันยายน เจ้าหน้าที่ทหารได้ควบคุมตัว 3 พยานส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ชุดสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาลเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ประกอบด้วย หญิงชาวไทย อายุ 40 ปี ที่ถูกเชิญตัวมาจากหอพักย่านดินแดง และพบว่ามีความสัมพันธ์กับผู้ต้องหาตามหมายจับรายที่ 13, คนขับแท็กซี่ชาวไทย ที่พบว่าขับรถพาชายเสื้อฟ้าไปส่ง และชายชาวปากีสถานที่ถูกเชิญตัวมาจากภาคใต้ หลังมีข้อมูลว่ารู้จักกับนายยูซูฟู และ นายอับดุล ดาวาบ และเป็นหนึ่งในกระบวนการพาคนออกนอกประเทศ ซึ่งหากพบว่าไม่มีส่วนเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดก็จะทำการปล่อยตัวกลับ และกันเป็นพยาน แต่ถ้าพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องภายหลังก็จะออกหมายจับ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายทันที
วรรณา ยังเงียบ ชี้ไม่รู้ชายเสื้อเหลือง-ฟ้า หนีไปประเทศใด
พล.ต.ท. ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ชายเสื้อเหลืองและเสื้อฟ้าที่เป็นคนวางระเบิด 2 จุดนั้น ข้อมูลล่าสุดทราบว่าหลบหนีไปทางประเทศเพื่อนบ้านจริง แต่ขณะนี้ไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหนแล้ว เนื่องจากที่ผ่านมามีกระแสข่าวว่าคนร้ายหลบไปยังประเทศเพื่อนบ้านทำให้ไหวตัวและหลบหนีต่อไป ด้านกระแสข่าว นางสาววรรณา สวนสัน ก็เช่นเดียวกัน ยังไม่มีการติดต่อกลับมาแต่อย่างใด
ปล่อยตัว 3 พยานหลังคุมสอบปากคำ
พล.ต.ท. ประวุฒิ ถาวรศิริ เปิดเผยหลังจากจากการสอบปากคำพยานทั้ง 3 ในคดีระเบิดราชประสงค์ว่า ทางเจ้าหน้าที่พบข้อมูลใหม่เมื่อพยานระบุว่า มีคนขับแท็กซี่อีก 1 คนที่มีส่วนรู้เห็นกับการรับ-ส่งชายเสื้อฟ้าผู้ต้องหาระเบิดที่ท่าเรือสาทร และการรับ-ส่งคนผิดกฎหมาย ตำรวจจึงต้องการตัวมาสอบปากคำ ขณะที่การสอบพยานทั้ง 3 คน ทำให้ได้ภาพสเก็ตซ์ของผู้ต้องหาชายเสื้อฟ้าได้ชัดเจนขึ้น และทราบแล้วว่าชื่อเล่นอะไร ซึ่งจะเปิดเผยข้อมูลในลำดับต่อไป อย่างไรก็ตามตำรวจได้ปล่อยตัวพยานทั้ง 3 หลังพบว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
เผยโฉม ภาพสเก็ตช์ชายเสื้อฟ้า มือวางระเบิดท่าเรือสาทร
พล.ต.ท. ประวุฒิ ถาวรศิริ ได้เปิดภาพสเก็ตช์ของชายเสื้อฟ้า ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุลอบวางระเบิดท่าเรือสาทร ที่มีการออกหมายจับไปก่อนหน้านี้โดยใช้ภาพจากกล้องวงจรปิด โดยการออกภาพสเก็ตช์เพิ่มเติมล่าสุดนั้นสืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำพยาน 3 ราย ที่ตำรวจนครบาลรับส่งมอบจากเจ้าหน้าที่ทหารเมื่อวันนี้ (18 กันยายน) ซึ่งเจ้าหน้าที่จะนำภาพเสก็ตไปเป็นข้อมูลประกอบเพิ่มเติมในหมายจับเดิมที่เคยออกไปแล้วก่อนหน้านี้
ตำรวจเร่งล่าแท็กซี่ เชื่อเอี่ยวบึ้มราชประสงค์
วันที่ 20 กันยายน พล.ต.ท. ประวุฒิ ถาวรศิริ เปิดเผยว่าเบื้องต้นที่ยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อของชายเสื้อฟ้าได้ เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องนี้ ส่วนกรณีคนขับแท็กซี่อีก 1 ราย ที่เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการระเบิด ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างติดตามตัวและสืบสวนหาหลักฐาน
ชายต้องสงสัยที่มาเลย์จับได้ รับแล้วเป็นมือบึ้มราชประสงค์
วันที่ 22 กันยายน มีรายงานว่า หลังจากที่ตำรวจสันติบาลของมาเลเซีย ได้ควบคุมตัวชายต้องสงสัยว่าเป็นชายเสื้อเหลือง มือวางระเบิดราชประสงค์ มาเค้นสอบปากคำอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน 2 วัน ในที่สุดชายคนดังกล่าวก็ได้ยอมรับแล้วว่า เป็นคนเดียวกับชายเสื้อเหลืองที่นำระเบิดไปวางไว้บริเวณศาลพระพรหม เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดยขณะนี้ทางการไทยอยู่ระหว่างดำเนินการขอให้ทางมาเลเซียส่งชายผู้ต้องสงสัยรายนี้ เป็นผู้ร้ายข้ามแดนมายังประเทศไทยต่อไป พร้อมกันนี้ทางตำรวจสันติบาลมาเลเซีย กำลังเร่งล่าค้นหาชายเสื้อฟ้าอีกคน โดยมั่นใจว่ายังอยู่ในประเทศมาเลเซียและอยู่ระหว่างการขยายผลตรวจสอบเครือข่ายค้ามนุษย์ทั้งหมดในมาเลเซียด้วย
ออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องประกอบระเบิดอีก 1
วันที่ 23 กันยายน 2558 พล.ต.ท. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ล่าสุดศาลจังหวัดมีนบุรี ได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาในคดีระเบิดแยกราชประสงค์-สาทร เพิ่มเติมอีก 1 ราย โดยเป็นชายไม่ทราบชื่อและสัญ ชาติ อายุประมาณ 30 ปี สูงประมาณ 170 เซนติเมตร รูปร่างสันทัด ผิวขาว ผมรองทรงสั้น สวมแว่นตา และสามารถพูดภาษาไทยได้ ในข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย หลังเจ้าหน้าที่สืบสวนพบว่า ชายคนดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการประกอบระเบิด โดยมีหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด ขณะที่ผู้ต้องหาที่เข้าไปซื้อ (ท่อเหล็ก) อุปกรณ์ระเบิดอย่างหนึ่ง ในย่านคลองตัน ก่อนที่จะนำอุปกรณ์ประกอบระเบิดดังกล่าวที่ซื้อมาไปไว้ที่ พูลอนันต์อพาร์ทเม้นท์ ย่านหนองจอก
อาเดม รับแล้วเป็นชายเสื้อเหลือง
ในวันเดียวกันมีรายงานว่า นายอาเดม คาราดัก ผู้ต้องหาคดีระเบิดราชประสงค์ ได้ให้การรับสารภาพเบื้องต้นแล้วว่าเป็นชายเสื้อเหลืองที่นำเป้ไปวางไว้ที่ศาลพระพรหมเอราวัณจริง โดยตัวเองนั้นได้พรางตัวด้วยการสวมวิกและสวมแว่นตา ซึ่งเมื่อตำรวจได้ให้นายอาเดมทดลองใส่วิกและแว่นตา พบว่าก็คล้ายกับชายเสื้อเหลืองจริง ๆ นอกจากนี้ที่แขนนายอาเดมก็มีแผลเป็น เป็นจุดเดียวกับชายเสื้อเหลือง สุดท้ายเจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหาเพิ่มเติมคือ ทำให้เกิดระเบิดและมีผู้เสียชีวิต ทั้งนี้หลักฐานสำคัญที่ทำให้พิสูจน์ได้ว่านายอาเดมเป็นชายเสื้อเหลือง นั่นคือภาพจากกล้องวงจรปิดที่จับได้ว่าชายเสื้อเหลืองได้เรียกรถจักรยานยนต์รับจ้างไปส่งที่สวนลุมพินี ก่อนเข้าห้องน้ำที่สวนสาธารณะ ขณะเดียวกันก็มีภาพนายอาเดมอยู่บริเวณนั้นด้วย ในมือถือถุงใส่ของบางอย่าง ซึ่งเมื่อใช้เทคนิคดูก็พบว่า เป็นเสื้อสีเหลือง
ไร้ข้อกังขา อาเดม เป็นชายเสื้อเหลืองจริง
วันที่ 25 กันยายน 2558 พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เปิดเผยความคืบหน้ากรณี นายบิลาล มูฮัมมัด หรือนายอาเดม คาราดัก ผู้ต้องหารายแรกที่ถูกจับกุมได้จากพูลอนันต์ อพาร์ทเม้นท์ ย่านหนองจอก เมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้รับสารภาพว่าเป็นมือวางระเบิดเสื้อเหลือง โดยชี้ว่าตั้งแต่วันแรกที่ควบคุมตัวนายอาเดม ก็ค่อนข้างมั่นใจว่า นายอาเดมอาจจะเป็นชายเสื้อเหลือง ขณะเดียวกันล่าสุดตนได้รับรายงานทางวาจาว่า ตำรวจชุดสืบสวนพบหลักฐานหลายอย่างที่ทำให้นายอาเดมจำนนได้ รวมถึงการพบเสื้อสีเทาที่ผู้ต้องหาเปลี่ยนจากเสื้อเหลืองที่ห้องน้ำสวนลุม อยู่ภายในห้องที่นายอาเดมพัก จึงค่อนข้างมั่นใจว่าคงไม่ผิดตัวอย่างแน่นอน
ผบ.ตร. นำทีมทำแผนบึ้มด้วยตัวเอง
วันที่ 26 กันยายน 2558 พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ได้นำทีมตำรวจพาผู้ต้องหา คือนายบิลาล มูฮัมมัด (อาเดม) พร้อมด้วย นายเมียไรลี ยูซูฟู ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในพื้นที่ 3 จุด เริ่มจากบริเวณแยกราชประสงค์ ต่อด้วยสถานีรถไฟหัวลำโพง และจุดสุดท้ายจะไปงมหาโทรศัพท์มือถือใช้จุดชนวนระเบิดที่ราชประสงค์ในคลองแสนแสบ
เผยระเบิดราชประสงค์ใช้หม้อสเตนเลสประกอบ หวังเอาชีวิต
พล.ต.อ. จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ด้านวิทยาศาสตร์ ได้นำระเบิดที่หน่วยเก็บกู้วัตถุ ระเบิด (อีโอดี) จำลองจากเหตุการณ์ทั้ง 2 แห่ง คือแยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร มาแสดงต่อสื่อมวลชน โดยเผยว่า ระเบิดที่จำลองจากเหตุการณ์แยกราชประสงค์นั้นมีลักษณะเป็นหม้อสเตนเลสภายในบรรจุระเบิด ส่วนระเบิดที่จำลองจากเหตุการณ์ที่ท่าเรือสาทรนั้นเป็นระเบิดชนิดไปป์บอมบ์เป็นแท่งเหล็กขนาดใหญ่ โดยเชื่อว่าเหตุผลที่ผู้ต้องหาเลือกใช้หม้อในการบรรจุระเบิดก่อเหตุที่แยกราชประสงค์นั้นเนื่องจากต้องการเพิ่มปริมาณดินปืนให้มีความรุนแรงมากขึ้น เพื่อหวังผลต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
เด้งตำรวจลุมพินี เช็ก CCTV สวนลุมไม่พบมือระเบิด
วันที่ 27 กันยายน ได้มีคำสั่งย้ายตำรวจในสังกัดสถานีตำรวจนครบาลลุมพินีจำนวน 3 นาย ให้ไปช่วยราชการที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เป็นเวลา 30 วัน หลังพบว่ามีความผิดฐานบกพร่องต่อหน้าที่ หลังถูกสั่งให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณสวนลุมพินี เพื่อหาภาพชายเสื้อเหลืองผู้ที่เป็นคนก่อเหตุวางระเบิดที่ราชประสงค์ตั้งแต่ช่วงเกิดเหตุ แต่ทั้งตำรวจทั้ง 3 นาย อ้างว่าตรวจสอบไม่พบ และไม่มีภาพ จนกระทั่งมาตรวจพบภาพว่าบุคคลชายเสื้อเหลืองได้เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ที่ห้องน้ำบริเวณสวนสาธารณะลุมพินี
ผบ.ตร. แถลงสรุปคดี ชี้เหตุเกิดจากคน 2 กลุ่มร่วมมือกันเพื่อผลประโยชน์
วันที่ 28 กันยายน พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ได้นำทีมชุดคลี่คลายคดี แถลงข่าวสรุปกรณีเกิดเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์และท่าเรือสาทร ว่านอกจาก นางสาววรรณา สวนสัน ผู้ต้องหาชาวไทยที่เคยถูกออกหมายจับไปแล้วก่อนหน้านี้ ยังมีชายไทยที่เกี่ยวข้องกับขบวนการระเบิดดังกล่าวอีกรายคือ นายยงยุทธ พบแก้ว หรือ นายอ๊อด พยุงวงศ์ ซึ่งเป็นผู้ที่เคยถูกออกหมายจับและเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ชายสองคนเก็บระเบิดไปป์บอมบ์ไว้ที่ใต้เบาะรถจักรยานยนต์จนเกิดระเบิดขึ้นระหว่างทางที่ย่านมีนบุรีในปี 2557 และเหตุระเบิดครั้งใหญ่ เมื่อปี 2553 ที่สมานเมตตาแมนชั่น ซึ่งระเบิดทั้งสองแห่งมีความเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมือง
จากการสืบสวนพบว่าในคดีครั้งนี้ นายอ๊อด ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานและจัดซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการประกอบระเบิดทั้งสองแห่ง ด้วยเหตุนี้ จากหลักฐานที่ปรากฏจึงสามารถสรุปได้ว่าเหตุการณ์ระเบิดที่แยกราชประสงค์และท่าเรือสาทร เกิดขึ้นจากการร่วมมือกันของกลุ่ม 2 กลุ่มที่อาจร่วมมือกันเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างการตามจับกุมนายอ๊อด เพื่อทำการสืบสวนขยายผลถึงผู้บงการระดับสูงขึ้นต่อไป
ตำรวจชี้ ไอ้อ๊อด เอี่ยวบึ้มกรุง เคยเป็นการ์ด นปช.
วันที่ 29 กันยายน 2558 พล.ต.ท. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยถึง กรณีการออกหมายจับ นายยงยุทธ พบแก้ว หรือ อ๊อด ประยูรวงศ์ 1 ใน 17 ผู้ต้องหาร่วมก่อเหตุวางระเบิดสี่แยกราชประสงค์ ซึ่งเจ้าหน้าที่พบว่ามีความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่น ปี 2553 และเหตุระเบิดในพื้นที่เขตมีนบุรี ปี 2557 โดยระบุว่า การสอบสวนของตำรวจมีพยานหลักฐานแน่นหนาชัดเจนจนสามารถขออนุมัติ หมายจับจากศาลทหารได้ อีกทั้งเจ้าหน้าที่ยังพบว่า นายอ๊อด มีประวัติเคยเป็นการ์ด นปช. ที่ถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เมื่อปี 2553 เป็นผู้มีภูมิลำเนาในจังหวัดภาคอีสานและอีกหลายแห่ง เช่น จังหวัดสระบุรี ซึ่งตำรวจจะต้องติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป
อาเดม ชี้ อับดุลเลาะห์มาล เป็นคนสั่งการ
คืบหน้าวันที่ 30 กันยายน นายชูชาติ กันภัย ทนายความได้เข้าพบ นายบิลาล มูฮัมมัด (อาเดม) ที่เรือนจำชั่วคราวกองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 โดยจากการพูดคุย นายบิลาล (อาเดม) ยอมรับว่าเป็นชาวอุยกูร์ ไม่ใช่คนสัญชาติตุรกีอย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ รับเป็นชายเสื้อเหลืองจริงโดยทำตามคำสั่งของ นายอับดุลเลาะห์ อับดุลเลาะห์มาน หนึ่งในผู้ต้องหาตามหมายจับ ซึ่งเป็นนายหน้าพาตนเข้ามาในประเทศไทย พร้อมปฏิเสธไม่รู้จักผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับรายอื่น ทั้งนี้แนวทางการสู้คดี นายบิลาล (อาเดม) ต้องการล่ามที่สื่อสารภาษาอุยกูร์เท่านั้น เนื่องจากไม่สามารถสื่อสารในภาษาอังกฤษ หรือภาษาตุรกีได้คล่อง
ออกหมายจับรายที่ 8 สามี วรรณา
เมื่อวันที่ 2 กันยายน ศาลจังหวัดมีนบุรีอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาคนที่ 8 ในคดีดังกล่าว คือ นายเอ็มระห์ ดาวูโตกลู (Emrah Davutoglu) สามีชาวตุรกีของ น.ส.วรรณา สวนสัน ในข้อหาร่วมกันมียุทธภัณฑ์ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยอยู่ในกลุ่มผู้จัดหาที่พักในประเทศไทยให้ขบวนการดังกล่าว อย่างไรก็ตามทางตำรวจยังไม่ทราบว่า นายเอ็มระห์ กับ น.ส.วรรณา อยู่ด้วยกันหรือไม่
คุมตัวชายไทยต้องสงสัยอีก 1 ที่นราธิวาส
ในวันเดียวกันนั้น เจ้าหน้าที่เฉพาะกิจ นราธิวาส 36 สามารถจับกุมตัวบุคคลต้องสงสัยได้ 1 ราย คือ นายกามารุเด็ง สาเหาะ อายุ 38 ปี ชาว จ.นราธิวาส ซึ่งคาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดแยกราชประสงค์ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะคุมตัวมาสอบเข้มที่กรุงเทพฯ ต่อไป
ยูซูฟู รับอยู่ที่เกิดเหตุขณะระเบิดราชประสงค์ ยันไม่รู้เห็นเหตุการณ์
นายยูซูฟู ผู้ต้องสงสัยคล้ายชายเสื้อเหลือง ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณ จ.สระแก้ว ยอมรับแล้ว อยู่ที่บริเวณแยกราชประสงค์จริงตอนเกิดเหตุระเบิด ก่อนวิ่งหนีไปที่แถวประตูน้ำ และไปขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟหัวลำโพงในเย็นวันที่ 17 สิงหาคม อย่างไรก็ตามยังยืนยันว่าไม่มีการรู้เห็นกับเหตุการณ์ดังกล่าว
ดีเอ็นเอยัน "ยูซูฟู" ไม่ใช่ชายเสื้อเหลือง แฉเคยซื้อชิ้นส่วนบึ้มผ่านเน็ต
ผลการตรวจยันดีเอ็นเอและลายนิ้วมือ เมียไรลี ยูซูฟู ซึ่งถูกจับกุมได้ที่ จ.สระแก้ว ตรงกับที่พบบนถังบรรจุวัตถุระเบิดในห้องพักที่หนองจอก ขณะที่ พล.ต.ท. ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. คาดนายยูซูฟู ไม่ใช่ชายเสื้อเหลืองและเสื้อฟ้าที่นำระเบิดไปวางไว้ที่แยกราชประสงค์ แต่อาจจะทำหน้าที่เกี่ยวกับวัตถุระเบิดอยู่ในขบวนการ และมีบทบาทสำคัญ โดยพบว่าเป็นผู้สั่งซื้อสารเคมีและชิ้นส่วนวัตถุประกอบระเบิดผ่านอินเทอร์เน็ต 2 ครั้งในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม ขณะนี้ได้ออกหมายจับแล้ว เตรียมส่งพาสปอร์ตจีนที่พบให้สถานทูตจีนตรวจสอบซ้ำ ทั้งนี้ยังพบข้อมูลว่าในเช้าวันเกิดเหตุ กลุ่มขบวนการได้รวมตัวกันช่วงเช้าที่มีนบุรี ก่อนกระจายลงพื้นที่ก่อเหตุ
บุกค้นรังแก๊งระเบิดราชประสงค์เพิ่มเติม
ตำรวจนำกำลังปิดล้อมตรวจค้นบ้านเช่าต้องสงสัยในซอยราษฎร์อุทิศ 34 เขตมีนบุรี หลังได้รับแจ้งว่าอาจจะเป็นที่กบดาน หรือเก็บวัตถุพยาน โดยพบถังบรรจุสารเคมีในบ้านพักหลังดังกล่าว พบว่าเป็นสารเคตามีน ซึ่งเป็นสารที่ใช้เป็นส่วนผสมของยาเค ไม่ใช่สารประกอบระเบิดแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามพบว่า น.ส.วรรณา สวนสัน เคยเดินทางเข้า-ออกบ้านหลังนี้หลายครั้ง และเป็นที่รู้จักกับเพื่อนบ้านในบริเวณดังกล่าวเป็นอย่างดี
ทหารประสานตัวส่ง อาเดม คาราดัก ให้ตำรวจ
หลังจากที่ นายอาเดม คาราดัก ผู้ต้องหาครอบครองวัตถุระเบิดซึ่งถูกจับกุมได้ที่พูลอนันต์อพาร์ทเม้นท์ ย่านหนองจอก เมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา ถูกทหารควบคุมตัวตามมาตรา 44 ครบ 7 วันแล้ว ทางตำรวจจึงได้รับการประสานจากทหารเพื่อส่งมอบผู้ต้องหาให้ โดยจะทำการสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนขออำนาจศาลจังหวัดมีนบุรีฝากขังผลัดแรกในวันนี้ (4 กันยายน)
ยูซูฟู แฝงตัวบนสกายวอล์ก-อาจเป็นคนกดระเบิด
ตำรวจเผย นายเมียไรลี ยูซูฟู มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นผู้ที่กดระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม โดยพบว่าผู้ต้องหารายนี้เรียนจบด้านวิศวกรรมศาสตร์ สาขาเคมี จากมหาวิทยาลัยชื่อดังในประเทศจีน มีความเชี่ยวชาญด้านเคมีเป็นอย่างดี ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นคนประกอบระเบิดด้วย โดยในวันเกิดเหตุได้นั่งรถแท็กซี่มาจากย่านมีนบุรีพร้อมกระเป๋าเป้บรรจุระเบิดมาลงหัวลำโพง ก่อนส่งเป้ต่อให้กับชายเสื้อเหลือง จากนั้นจึงแยกกันเดินทางมาที่ศาลท้าวมหาพรหม ซึ่งนายยูซูฟูได้แฝงตัวอยู่บนทางเดินสกายวอล์กและเป็นไปได้ว่าจะเป็นผู้กดรีโมทระเบิด หลังจากชายเสื้อเหลืองได้นำกระเป๋าเป้ไปวางที่ศาลท้าวมหาพรหม
ออกหมายจับผู้ต้องหารายที่ 10 และ 11
ในวันที่ 7 กันยายน 2558 นายเมียไรลี ยูซูฟู ได้ยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ และกระทำผิดจริงตามข้อกล่าวหามีซึ่งยุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมกันนี้ทางตำรวจยังได้ออกหมายจับผู้ต้องหาคดีดังกล่าวเพิ่มอีก 2 ราย คือ นายอับดุลเลาะห์ อับดุลเลาะห์มาน ชาวต่างชาติ ผู้ต้องหาตามหมายจับคนที่ 10 พร้อมเผยภาพสเก็ตช์ และชายต่างชาติไม่ทราบชื่อ ที่กล้องวงจรปิดของห้างสรรพสินค้าในพื้นที่ใกล้อพาร์ทเม้นท์ย่านหนองจอกจับภาพได้ เป็นผู้ต้องหาคนที่ 11 ในข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ซึ่งตำรวจตรวจสอบพบว่าทั้งสองคนเกี่ยวข้องกับขบวนการที่พักอาศัยในอพาร์ทเม้นท์ ย่านหนองจอก เช่นเดียวกับนายเอเดม คาราดัก และนายเมียไรลี ยูซูฟู
คุมตัวชายเอเชีย เพื่อนข้างห้อง ยูซูฟู สอบปากคำ
ในวันเดียวกัน ตำรวจและทหารได้เข้าควบคุมชายชาวเอเชีย จากห้องพักย่านมีนบุรี ซึ่งพักอยู่ติดกับห้องของ น.ส.วรรณา สวนสัน ที่ให้ นายยูซูฟู อาศัยอยู่ ซึ่งจากการสอบถามผู้พักห้องอื่นและการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าชายดังกล่าวเคยพูดคุยกับนายยูซูฟูมาก่อนหน้านี้
ยูซูฟู ซัดทอด อิซาน ผู้บงการวางระเบิดราชประสงค์
จากการสอบปากคำ นายเมียไรลี ยูซูฟู ผู้ต้องหาได้ให้ความร่วมมือและให้การเป็นประโยชน์ต่อตำรวจ โดยเบื้องต้นได้ซัดทอดถึงผู้บงการระเบิดราชประสงค์คือ นายอิซาน ซึ่งได้หลบหนีออกนอกประเทศไทยไปตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุระเบิดราชประสงค์ ขณะที่ผู้ร่วมขบวนการมี 6 คน คือ นายอิซาน, ชายเสื้อเหลือง, ชายเสื้อฟ้า, นายอาเดม, ชายชาวต่างชาติไม่ทราบชื่อ และนายยูซูฟู ซึ่งทั้งหมดไม่รู้จักกัน ในการประสานงานนั้นนายอิซานจะติดต่อผ่านแอพพลิเคชั่น"วอทแอพ" พร้อมเป็นผู้สั่งการให้หาซื้อสารประกอบระเบิดผ่านอินเทอร์เน็ต ก่อนให้ตนนำระเบิดใส่เป้ไปให้ชายเสื้อเหลืองที่หัวลำโพง
สั่ง ตม. เข้มงวดชายแดน หลังพบละเลยการปฏิบัติหน้าที่
พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธ์ุม่วง สั่งกำชับให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ทุกด่านทั่วประเทศ เข้มงวดตรวจตราเรื่องความมั่นคง หลังพบว่ามีการปล่อยปละละเลยในการปฏิบัติหน้าที่ เพราะจากการสอบสวนผู้ต้องหาในคดี ให้การชัดเจนว่าผ่านเข้าประเทศมาทางด่านชายแดนที่ติดกับประเทศไทย ตั้งแต่ทางภาคเหนือจรดภาคใต้ ส่วนการย้ายเจ้าหน้าที่ ตม.สระแก้ว มาช่วยราชการที่ ตร. ฝ่ายจเรตำรวจกำลังสอบสวนโดยละเอียดว่ามีใครเข้าไปมีผลประโยชน์ร่วมกับกลุ่มก่อเหตุหรือไม่ หากพบก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย แต่เบื้องต้นคือบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่แน่นอน
คุมตัว ยูซูฟู ทำแผนคดีบึ้มราชประสงค์
ในวันที่ 8 กันยายน พล.ต.ท. ประวุฒิ ถาวรศิริ ได้คุมตัว นายเมียไรลี ยูซูฟู มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุที่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดราชประสงค์และท่าเรือสาทร รวม 5 จุด ดังนี้
ห้องเลขที่ 412/413 และ 414 พูลอนันต์ อพาร์ตเม้นต์ ปากซอยเชื่อมสัมพันธ์ 11 เขตหนองจอก ซึ่งเป็นห้องพักที่จับกุม นายอาเดม คาราดัก เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม หลังตรวจเทียบลายนิ้วมือของ นายยูซูฟู ตรงกับลายนิ้วมือแฝงที่พบที่กระป๋องบรรจุสารประกอบระเบิดที่พบภายในห้องพัก
บริเวณปากซอยเชื่อมสัมพันธ์ 13 ซึ่งเป็นจุดที่นายยูซูฟู ขึ้นรถสองแถวไปยังตลาดมีนบุรีก่อนต่อรถไปยังราชประสงค์ในวันเกิดเหตุ
ห้องพักเลขที่ 9106 ไมมูณา การ์เด้นโฮม ซอยราษฎร์อุทิศ 25/8 แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี ซึ่งเป็นจุดที่กลุ่มผู้ต้องหาเปิดห้องพักไว้ และตรวจพบดีเอ็นเอของนายยูซูฟู รวมถึงเป็นจุดที่ตรวจพบเคมีประกอบระเบิด คือ ปุ๋ยยูเรีย ดินเทา อุปกรณ์ประกอบระเบิด
ถนนสีหบุรานุกิจ ซอย 18 และตลาดมีนบุรี ซึ่งเป็นจุดลงรถและรวมตัวกับผู้ร่วมขบวนการหลังก่อเหตุที่ราชประสงค์
ร้านวัสดุภัณฑ์ย่านบึงกุ่ม ซึ่งเป็นร้านที่ นายยูซูฟู มาซื้อส่วนผสมและอุปกรณ์ไปประกอบระเบิด
จากนั้นในวันที่ 9 กันยายน ก็ได้มีการคุมตัวผู้ต้องหามาทำแผนประกอบคำรับสารภาพต่อเป็นวันที่ 2 ใน 2 จุด ดังนี้
บริเวณหน้าวัดปทุมวนาราม ซึ่งเป็นสถานที่ที่นายยูซูฟู เดินทางมาจากย่านหัวลำโพง เพื่อไปยังทางด้านหลังห้างเซ็นทรัลเวิลด์ โดยเจ้าตัวให้การว่า ได้ยืนถ่ายภาพเหตุการณ์หลังเกิดเหตุระเบิดราชประสงค์ หลังจากนั้นได้เดินผ่านไปทางย่านประตูน้ำ เพื่อขึ้นรถกลับไปที่อพาร์ทเม้นท์ย่านมีนบุรี
บริเวณสะพานข้ามคลองผดุงกรุงเกษมตรงข้ามสถานีรถไฟหัวลำโพง ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ต้องหานำระเบิดไปส่งให้กับชายเสื้อเหลือง เพื่อนำไปก่อเหตุระเบิดราชประสงค์
สมยศ รับทีมบึ้มจ่ายส่วยให้ ตม. 4-5 ครั้ง เตรียมรายงานนายกฯ
พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธ์ุม่วง เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาคดีระเบิดราชประสงค์สารภาพแล้ว ว่าได้จ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่ ตม. ในการเดินทางเข้าออกประเทศมาแล้วมากกว่า 4-5 ครั้ง ซึ่งขณะนี้ได้สั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองไปตรวจสอบอย่างเร่งด่วนว่ามีใครที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้บ้าง และจากนี้จะทำบันทึกรายงานเรื่องดังกล่าวส่งให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ เพื่อให้ช่วยเข้ามาแก้ไขปัญหาดังกล่าว เนื่องจากตนเองมีเวลาเพียง 20 วัน ไม่พอที่จะแก้ปัญหาดังกล่าว และลำพัง ผบ.ตร. เพียงคนเดียวคงไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้
สมยศ ปัดเสื้อเหลืองมือระเบิดหนีซุกมาเลย์
พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ยืนยันความคืบหน้าคดีระเบิดราชประสงค์ ชี้ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่มีการควบคุมตัวชายเสื้อเหลือง รวมถึงยังไม่มีรายงานยืนยันว่าชายเสื้อเหลืองหลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้านแต่อย่างใด ซึ่งหากเป็นความจริงทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะดำเนินการประสานไปยังตำรวจสากล เพื่อขอความช่วยเหลือในการติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี ทั้งนี้การสืบสวนสอบสวนทุกขั้นตอนจำเป็นต้องทำอย่างรอบคอบมากที่สุด เนื่องจากกลุ่มคนร้ายมีการวางแผนมาอย่างเป็นอย่างดี มีความสลับซับซ้อนเป็นอย่างมาก และการติดต่อสื่อสารอาจไม่ได้ใช้โทรศัพท์เพียงช่องทางเดียว เพื่อหลีเลี่ยงการติดตามจับกุมของเจัาหน้าที่
เร่งล่า อิซาน ผู้บงการแก๊งบึ้ม ยังไม่ชัดซ่อนอยู่ประเทศใด
พล.ต.ท. ประวุฒิ ถาวรศิริ เปิดเผยความคืบหน้าการไล่ล่าตัวผู้ร่วมขบวนการแก๊งระเบิดราชประสงค์ โดยยืนยันว่า นายอาบูดูซาตาร์ อบูดูเระห์มาน หรือ อิซาน เป็นบุคคลที่อยู่ขบวนการการก่อเหตุจริง แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าทำหน้าที่ใด จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบมีข้อมูลการเดินทางออกจากประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าอยู่ในประเทศใด ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่าเดินทางไปประเทศบังกลาเทศนั้น ก็ได้ประสานไปแล้ว แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับอยู่
ยัน อิซาน ไปบังกลาเทศจริง แต่เดินทางต่อไปจีนแล้ว
คืบหน้าวันที่ 10 กันยายน สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจบังกลาเทศยืนยันว่า นายอิซาน ผู้ต้องสงสัยคนสำคัญในคดีระเบิดราชประสงค์ ได้เดินทางเข้ามายังบังกลาเทศทางเครื่องบิน ด้วยพาสปอร์ตจีน 1 วันก่อนเกิดเหตุระเบิด แต่จากนั้น 2 สัปดาห์ก็ได้เดินทางต่อไปยังจีน อย่างไรก็ตามตำรวจบังกลาเทศปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าชายคนดังกล่าวพักอยู่ที่ใดขณะในช่วง 2 สัปดาห์ที่อาศัยอยู่ในกรุงธากา และเดินทางไปพบใครบ้าง
ผบ.ตร. ชี้อย่าด่วนสรุป อิซาน เป็นตัวการใหญ่ อาจมีเซอร์ไพรส์
ขณะที่ พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ระบุว่า อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่า นายอิซาน เป็นตัวการใหญ่ เพราะเจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล ซึ่งบางทีอาจมีเรื่องเซอร์ไพรส์ อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้แรงจูงใจของกลุ่มที่ถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังเหุตระเบิดกลางกรุง ก็ยังคงเป็นปริศนา โดยเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ว่าการระเบิดในครั้งนี้มีสาเหตุมาจากเรื่องใด
ทูตบังกลาเทศ เข้าพบ ประวุฒิ หารือตามตัว อิซาน ผู้บงการระเบิดราชประสงค์
วันที่ 11 กันยายน 2558 เอกอัครราชทูตบังก ลาเทศประจำประเทศไทย พร้อมคณะ เดินทางเข้าพบ พล.ต.ท. ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เพื่อพูดคุยกรณี นายอิซาน เดินทางจากประเทศไทยไปยังกรุงธากา ประเทศบังกลาเทศ
นายกฯ ประสานจีน เรื่องส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน
ล่าสุดวันนี้ (11 กันยายน 2558) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ประสานไปยังประเทศจีน เรื่องการใช้กฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน หลังพบ นายอิซาน เดินทางไปยังประเทศจีนแล้ว ระบุจะมีการใช้กฎหมายดังกล่าวหรือไม่ขึ้นอยู่กับกฎหมายของแต่ละประเทศ แตกต่างจากกฎหมายคดี 112 ที่บางประเทศไม่ยอมส่งผู้กระทำผิดกลับมา เนื่องจากมีวัฒนธรรมต่างกัน
ปปง. แถลงเปิดเส้นทางท่อน้ำเลี้ยง ขบวนการระเบิดราชประสงค์
พ.ต.อ. สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เปิดเผยว่า หลังจากมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้ต้องหาในคดีระเบิดราชประสงค์ และท่าเรือสาทร พบว่า บัญชีของ นายเอ็มระห์ ดาวูโตกลู สามีของ น.ส.วรรณา สวนสัน ได้มีการรับโอนเงินจากบุคคลที่อยู่ต่างประเทศ 4 ครั้ง
ทั้งยังพบว่ามีชาวต่างชาติที่อยู่ในจีนและตุรกีรวม 7 คน ได้โอนเงินมาให้ชาวต่างชาติ 4 คนในประเทศไทยรวมนายเอ็มระห์ด้วย ตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2557 ถึงวันที่ 27 มีนาคม 2558 รวมเป็นเงินมากกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีการนำเงินจำนวนดังกล่าวไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและนำไปซื้อสารประกอบวัตถุระเบิด ทั้งนี้หากพบว่าเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือการค้ามนุษย์ ก็จะมีการประกาศห้ามบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดทำธุรกรรมทางการเงินในประเทศไทย
บุกค้นหอพักสตรีใกล้ ม.หอการค้า คุมหญิง 3 รายสอบ
วันที่ 13 กันยายน เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ นำกำลังเข้าตรวจค้นหอพักสตรีอู๊ด หน้ามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย หลังพบว่ามีความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดราชประสงค์และท่าเรือสาทร และคาดว่า น.ส.วรรณา สวนสัน อาจเคยมาพักอาศัยที่หอพักแห่งนี้ โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นห้องพักเลขที่ 104 และได้นำของที่พบในห้องไปตรวจสอบหาดีเอ็นเอและลายนิ้วมือแฝง ว่าตรงกับผู้ที่อยู่ในขบวนการก่อเหตุหรือไม่ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ไม่พบสารตั้งต้นหรือสารประกอบระเบิดแต่อย่างใด
ขณะเดียวกันยังพบหญิงสาวที่เช่าห้องดังกล่าว 3 ราย จึงควบคุมตัวไปสอบปากคำ ณ ค่ายทหารแห่งหนึ่ง พร้อมจะติดต่อแม่ของนักศึกษาทั้ง 2 รายมาสอบปากคำเพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป ทั้งนี้จากแนวทางสืบสวนพบว่ามีชาย 3 คนนำของกลางมาฝากที่ห้องดังกล่าว และเชื่อว่าบุคคลทั้ง 3 คนนี้ น่าจะหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าบุคคลที่นำของมาฝากนั้นเคยถูกออกหมายจับในคดีดังกล่าวแล้วหรือไม่
ผบ.ตร. ปัดยังไม่ได้รับรายงาน ตำรวจมาเลย์จับผู้ต้องสงสัยได้
วันที่ 14 กันยายน พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ระบุถึงกรณีที่สำนักข่าวต่างประเทศมีรายงานอ้าง ผบ.ตร. มาเลเซีย ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 3 คนที่มาเลเซียแล้วนั้น ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีการติดต่อประสานข้อมูลเข้ามาแต่อย่างใด พร้อมปฏิเสธถึงการส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยไปที่ประเทศมาเลเซียและประเทศเพื่อนบ้านตามที่มีสื่อบางสำนักนำเสนอ ว่าไม่เป็นความจริง พร้อมฝากเตือนสื่อ ถึงการนำเสนอข่าวว่า ควรพิจารณาและตรวจสอบข้อมูลให้รอบคอบ มิเช่นนั้นอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศไทย และทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่นั้นลำบากมากขึ้น
คาดสาเหตุบึ้มกลางเมือง เพราะแค้นไทยทำลายขบวนการค้ามนุษย์
พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ยังระบุว่า จากการทำงานของเจ้าหน้าที่จนถึงขณะนี้ทำให้สามารถคาดว่า สาเหตุของการก่อเหตุในครั้งนี้มีความเชื่อมโยงกับกระบวนการค้ามนุษย์ เนื่องจากทางการไทยมีการปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ กลุ่มผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง ทำให้ธุรกิจของขบวนการดังกล่าวเสียหาย กลุ่มคนบางกลุ่มเสียผลประโยชน์ จนเป็นเหตุนำไปสู่การกระทำดังกล่าว
อาเดม กลับคำให้การ ยันไม่รู้เห็นเหตุระเบิด
วันที่ 14 กันยายน นายชูชาติ กันภัย ทนายความของ นายอาเดม คาราดัก เปิดเผยว่า จากการพูดคุยเบื้องต้นผู้ต้องหายอมรับว่าเป็นชาวตุรกีที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย มีเป้าหมายเดินทางไปทำงานเป็นคนขับรถในประเทศมาเลเซีย อย่างไรก็ตาม นายอาเดม ได้ให้การปฏิเสธว่าไม่รู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับส่วนประกอบวัตถุระเบิด และของกลางที่เจ้าหน้าที่ค้นพบในอาคารพูลอนันต์อพาร์ทเม้นท์ และคาดว่าข่าวมีออกมาก่อนหน้านี้ว่าของกลางทั้งหมดเป็นของตัวเองนั้นอาจจะเกิดจากการสื่อสารที่ผิดพลาด
จักรทิพย์ บินด่วนไปมาเลเซีย ร่วมสืบหามือบึ้ม
เมื่อวันที่ 15 กันยายน เวลา 12.30 น. พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะหัวหน้าชุดซักถามคดีระเบิดแยกราชประสงค์ ได้เดินทางออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อไปขึ้นเครื่องบินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยขณะเดินทาง พล.ต.อ. จักรทิพย์ พยายามเลี่ยงพบสื่อมวลชน และไม่เปิดเผยถึงเหตุผลการเดินทางไปยังประเทศมาเลเซีย โดยได้กล่าวกับสื่อเพียงสั้น ๆ ว่าจะเดินทางกลับประเทศไทยในวันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายนนี้ ขณะที่ พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง คาดว่าการเดินทางไปครั้งนี้ทำให้มั่นใจว่าจะทำให้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อคดี
ประยุทธ์ ยันระเบิดราชประสงค์ไม่เกี่ยวอุยกูร์
พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงข้อสรุปสาเหตุการวางระเบิดราชประสงค์ว่า ชั้นต้นยังไม่น่าเกี่ยวกับปมอุยกูร์ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น จะต้องมีคนออกมารับผิดชอบ ดังนั้น น่าจะเป็นได้ทั้ง 3 ทาง คือ อาชญากรรมธรรมดา ค้ามนุษย์ธรรมดา หรือการส่งชาวอุยกูร์ แต่การส่งชาวอุยกูร์กลับจีนเป็นการทำตามกฎหมาย ไม่ใช่ปัญหาของไทย
ภาพจาก AIDAN JONES / AFP
ไพศาล สงสัย ทำไมทนาย อาเดม คาราดัก เป็นทนายเสื้อแดง
วันที่ 16 กันยายน นายไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรองนายกฯ ได้ออกมาแสดงข้อข้องใจผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว "Paisal Puechmongkol" ระบุถึง นายชูชาติ กันภัย ทนายความส่วนตัวของนายอาเดม คาราดัก ผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับคดีระเบิดที่ราชประสงค์ ว่าทนายรายนี้เคยว่าความในคดีที่มีกลุ่มเสื้อแดงเกี่ยวข้องมาแล้ว พร้อมตั้งข้อสงสัยที่ตนยังตอบไม่ได้ ว่านายอาเดมถูกทหารคุมตัวตลอดเวลา จะไปพบและตั้งทนายตอนไหน ใครเป็นผู้ติดต่อและว่าจ้างให้ ข้อความที่ทนายแถลงมาจากที่ใด
จักรทิพย์ เผยยังไม่ได้พบ ชาย 3 คนเอี่ยวบึ้ม
ขณะที่ พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา เปิดเผยภายหลังจากเดินทางกลับจากประเทศมาเลเซียว่า ตนยังไม่มีการเข้าพบผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 คน ที่ทางการมาเลเซียควบคุมตัวไว้แต่อย่างใด จึงยังไม่สามารถระบุได้ว่าเกี่ยวข้องกับ นายอาบูดูซาตาร์ อบูดูเระห์มาน หรืออิซาน หรือไม่อย่างไร ซึ่งในวันที่ 17 กันยายน ตนจะมอบหมายให้ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาลเดินทางไปที่ประเทศมาเลเซียอีกครั้ง และคาดว่าจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปสอบสวนผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 คน
คาดชายเสื้อเหลืองเผ่นจากมาเลเซียแล้ว
ส่วนกระแสข่าวที่ว่ามือระเบิดได้หนีออกจากไทยไปมาเลเซียนั้น พล.ต.อ. จักรทิพย์ ยังเชื่อว่าชายเสื้อเหลืองน่าจะหลบหนีออกจากประเทศมาเลเซียแล้ว แต่ยังไม่ทราบว่าเดินทางไปยังประเทศใด ขณะเดียวกันเชื่อว่าหากคนร้ายไม่ไหวตัวเสียก่อนจากการนำเสนอข่าวของสื่อ น่าจะสามารถจับมือระเบิดได้ตั้งแต่อาทิตย์ที่ผ่านมา จึงอยากขอร้องสื่อในเรื่องการนำเสนอข่าวบางอย่างออกไปเพราะทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานยากขึ้นมาก
หน่วยงานความมั่นคงไทย เผยข้อมูลขบวนการบึ้มจำนวน 22 คน
วันที่ 17 กันยายน หน่วยงานความมั่นคงไทยได้เผยข้อมูลผลการสรุปจำนวนผู้ต้องหาและผู้เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิด ราชประสงค์และท่าเรือสาทร โดยพบว่ามีผู้สั่งการใหญ่ที่สุด จำนวน 1 คน และมีบุคคลหลัก ๆ ที่เหลืออีก 21 คน รวมทั้งสิ้น 22 คน สามารถแบ่งออกได้เป็น 5 กลุ่มด้วยกัน ดังนี้
ทีมปฏิบัติการ
กลุ่มสนับสนุน/เปิดห้องพัก
ผู้สนับสนุนด้านการเงิน
ผู้สนับสนุนเรื่องวีซ่าและพาสปอร์ต
ทีมพามือระเบิดหลบหนี
ออกหมายจับรายที่ 13 สามีสาวในแมนชั่นย่านหอการค้า
ศาลจังหวัดมีนบุรี ออกหมายจับ นายอับดุล ดาวาบ (Mr.Abdul Tawab) สัญชาติปากีสถาน ในหมายจับเลขที่ จ.843/2558 ข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และร่วมกันมีซึ่งยุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่พบว่า นายอับดุล ดาวาบ เคยพักอาศัยอยู่ที่พูลอนันต์อพาร์ทเม้นท์ โดยการออกหมายจับในครั้งนี้เจ้าหน้าที่รวบรวมหลักฐานจากพยานบุคคลที่สามารถยืนยันได้ว่าผู้ต้องหามีการเดินทางเข้า-ออกห้องเก็บสารระเบิดบ่อยครั้ง
ทั้งนี้ นายอับดุล ดาวาบ คือ ผู้ต้องหาคนที่ 13 เป็นชายคนเดียวกับที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นห้องพักย่านอ่อนนุช ซอย 44-46 เพื่อตามหาตัว แต่ไม่พบในช่วงก่อนหน้านี้ และเป็นสามีของ น.ส.ปณิฐ์สรา ชาลีรัฐรมย์ อายุ 40 ปี ที่เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวได้ที่หอพักสตรีอู๊ด ย่านดินแดง และพบสิ่งของนายดาวาบ ที่นำมาฝากไว้ และคาดว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับนายเมียไรลี ยูซูฟู และเป็นคนในกลุ่มขบวนการค้ามนุษย์ และทำหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกแก่มือระเบิด ในการผ่านเข้า-ออกไทย ทั้งนี้พาสปอร์ตที่นายอับดุล ใช้เป็นพาสปอร์ตปลอม แต่ยืนยันว่าชื่อ นายอับดุล ดาวาบ เป็นชื่อจริงของผู้ต้องหา เนื่องจากคนในขบวนการเรียกชื่อนี้
ทหารคุมตัว 3 พยานส่งตำรวจสอบปากคำเพิ่ม
คืบหน้าวันที่ 18 กันยายน เจ้าหน้าที่ทหารได้ควบคุมตัว 3 พยานส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ชุดสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาลเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ประกอบด้วย หญิงชาวไทย อายุ 40 ปี ที่ถูกเชิญตัวมาจากหอพักย่านดินแดง และพบว่ามีความสัมพันธ์กับผู้ต้องหาตามหมายจับรายที่ 13, คนขับแท็กซี่ชาวไทย ที่พบว่าขับรถพาชายเสื้อฟ้าไปส่ง และชายชาวปากีสถานที่ถูกเชิญตัวมาจากภาคใต้ หลังมีข้อมูลว่ารู้จักกับนายยูซูฟู และ นายอับดุล ดาวาบ และเป็นหนึ่งในกระบวนการพาคนออกนอกประเทศ ซึ่งหากพบว่าไม่มีส่วนเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดก็จะทำการปล่อยตัวกลับ และกันเป็นพยาน แต่ถ้าพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องภายหลังก็จะออกหมายจับ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายทันที
วรรณา ยังเงียบ ชี้ไม่รู้ชายเสื้อเหลือง-ฟ้า หนีไปประเทศใด
พล.ต.ท. ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ชายเสื้อเหลืองและเสื้อฟ้าที่เป็นคนวางระเบิด 2 จุดนั้น ข้อมูลล่าสุดทราบว่าหลบหนีไปทางประเทศเพื่อนบ้านจริง แต่ขณะนี้ไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหนแล้ว เนื่องจากที่ผ่านมามีกระแสข่าวว่าคนร้ายหลบไปยังประเทศเพื่อนบ้านทำให้ไหวตัวและหลบหนีต่อไป ด้านกระแสข่าว นางสาววรรณา สวนสัน ก็เช่นเดียวกัน ยังไม่มีการติดต่อกลับมาแต่อย่างใด
ปล่อยตัว 3 พยานหลังคุมสอบปากคำ
พล.ต.ท. ประวุฒิ ถาวรศิริ เปิดเผยหลังจากจากการสอบปากคำพยานทั้ง 3 ในคดีระเบิดราชประสงค์ว่า ทางเจ้าหน้าที่พบข้อมูลใหม่เมื่อพยานระบุว่า มีคนขับแท็กซี่อีก 1 คนที่มีส่วนรู้เห็นกับการรับ-ส่งชายเสื้อฟ้าผู้ต้องหาระเบิดที่ท่าเรือสาทร และการรับ-ส่งคนผิดกฎหมาย ตำรวจจึงต้องการตัวมาสอบปากคำ ขณะที่การสอบพยานทั้ง 3 คน ทำให้ได้ภาพสเก็ตซ์ของผู้ต้องหาชายเสื้อฟ้าได้ชัดเจนขึ้น และทราบแล้วว่าชื่อเล่นอะไร ซึ่งจะเปิดเผยข้อมูลในลำดับต่อไป อย่างไรก็ตามตำรวจได้ปล่อยตัวพยานทั้ง 3 หลังพบว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
เผยโฉม ภาพสเก็ตช์ชายเสื้อฟ้า มือวางระเบิดท่าเรือสาทร
พล.ต.ท. ประวุฒิ ถาวรศิริ ได้เปิดภาพสเก็ตช์ของชายเสื้อฟ้า ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุลอบวางระเบิดท่าเรือสาทร ที่มีการออกหมายจับไปก่อนหน้านี้โดยใช้ภาพจากกล้องวงจรปิด โดยการออกภาพสเก็ตช์เพิ่มเติมล่าสุดนั้นสืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำพยาน 3 ราย ที่ตำรวจนครบาลรับส่งมอบจากเจ้าหน้าที่ทหารเมื่อวันนี้ (18 กันยายน) ซึ่งเจ้าหน้าที่จะนำภาพเสก็ตไปเป็นข้อมูลประกอบเพิ่มเติมในหมายจับเดิมที่เคยออกไปแล้วก่อนหน้านี้
ตำรวจเร่งล่าแท็กซี่ เชื่อเอี่ยวบึ้มราชประสงค์
วันที่ 20 กันยายน พล.ต.ท. ประวุฒิ ถาวรศิริ เปิดเผยว่าเบื้องต้นที่ยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อของชายเสื้อฟ้าได้ เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องนี้ ส่วนกรณีคนขับแท็กซี่อีก 1 ราย ที่เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการระเบิด ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างติดตามตัวและสืบสวนหาหลักฐาน
ชายต้องสงสัยที่มาเลย์จับได้ รับแล้วเป็นมือบึ้มราชประสงค์
วันที่ 22 กันยายน มีรายงานว่า หลังจากที่ตำรวจสันติบาลของมาเลเซีย ได้ควบคุมตัวชายต้องสงสัยว่าเป็นชายเสื้อเหลือง มือวางระเบิดราชประสงค์ มาเค้นสอบปากคำอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน 2 วัน ในที่สุดชายคนดังกล่าวก็ได้ยอมรับแล้วว่า เป็นคนเดียวกับชายเสื้อเหลืองที่นำระเบิดไปวางไว้บริเวณศาลพระพรหม เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดยขณะนี้ทางการไทยอยู่ระหว่างดำเนินการขอให้ทางมาเลเซียส่งชายผู้ต้องสงสัยรายนี้ เป็นผู้ร้ายข้ามแดนมายังประเทศไทยต่อไป พร้อมกันนี้ทางตำรวจสันติบาลมาเลเซีย กำลังเร่งล่าค้นหาชายเสื้อฟ้าอีกคน โดยมั่นใจว่ายังอยู่ในประเทศมาเลเซียและอยู่ระหว่างการขยายผลตรวจสอบเครือข่ายค้ามนุษย์ทั้งหมดในมาเลเซียด้วย
ออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องประกอบระเบิดอีก 1
วันที่ 23 กันยายน 2558 พล.ต.ท. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ล่าสุดศาลจังหวัดมีนบุรี ได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาในคดีระเบิดแยกราชประสงค์-สาทร เพิ่มเติมอีก 1 ราย โดยเป็นชายไม่ทราบชื่อและสัญ ชาติ อายุประมาณ 30 ปี สูงประมาณ 170 เซนติเมตร รูปร่างสันทัด ผิวขาว ผมรองทรงสั้น สวมแว่นตา และสามารถพูดภาษาไทยได้ ในข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย หลังเจ้าหน้าที่สืบสวนพบว่า ชายคนดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการประกอบระเบิด โดยมีหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด ขณะที่ผู้ต้องหาที่เข้าไปซื้อ (ท่อเหล็ก) อุปกรณ์ระเบิดอย่างหนึ่ง ในย่านคลองตัน ก่อนที่จะนำอุปกรณ์ประกอบระเบิดดังกล่าวที่ซื้อมาไปไว้ที่ พูลอนันต์อพาร์ทเม้นท์ ย่านหนองจอก
อาเดม รับแล้วเป็นชายเสื้อเหลือง
ในวันเดียวกันมีรายงานว่า นายอาเดม คาราดัก ผู้ต้องหาคดีระเบิดราชประสงค์ ได้ให้การรับสารภาพเบื้องต้นแล้วว่าเป็นชายเสื้อเหลืองที่นำเป้ไปวางไว้ที่ศาลพระพรหมเอราวัณจริง โดยตัวเองนั้นได้พรางตัวด้วยการสวมวิกและสวมแว่นตา ซึ่งเมื่อตำรวจได้ให้นายอาเดมทดลองใส่วิกและแว่นตา พบว่าก็คล้ายกับชายเสื้อเหลืองจริง ๆ นอกจากนี้ที่แขนนายอาเดมก็มีแผลเป็น เป็นจุดเดียวกับชายเสื้อเหลือง สุดท้ายเจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหาเพิ่มเติมคือ ทำให้เกิดระเบิดและมีผู้เสียชีวิต ทั้งนี้หลักฐานสำคัญที่ทำให้พิสูจน์ได้ว่านายอาเดมเป็นชายเสื้อเหลือง นั่นคือภาพจากกล้องวงจรปิดที่จับได้ว่าชายเสื้อเหลืองได้เรียกรถจักรยานยนต์รับจ้างไปส่งที่สวนลุมพินี ก่อนเข้าห้องน้ำที่สวนสาธารณะ ขณะเดียวกันก็มีภาพนายอาเดมอยู่บริเวณนั้นด้วย ในมือถือถุงใส่ของบางอย่าง ซึ่งเมื่อใช้เทคนิคดูก็พบว่า เป็นเสื้อสีเหลือง
ไร้ข้อกังขา อาเดม เป็นชายเสื้อเหลืองจริง
วันที่ 25 กันยายน 2558 พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เปิดเผยความคืบหน้ากรณี นายบิลาล มูฮัมมัด หรือนายอาเดม คาราดัก ผู้ต้องหารายแรกที่ถูกจับกุมได้จากพูลอนันต์ อพาร์ทเม้นท์ ย่านหนองจอก เมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้รับสารภาพว่าเป็นมือวางระเบิดเสื้อเหลือง โดยชี้ว่าตั้งแต่วันแรกที่ควบคุมตัวนายอาเดม ก็ค่อนข้างมั่นใจว่า นายอาเดมอาจจะเป็นชายเสื้อเหลือง ขณะเดียวกันล่าสุดตนได้รับรายงานทางวาจาว่า ตำรวจชุดสืบสวนพบหลักฐานหลายอย่างที่ทำให้นายอาเดมจำนนได้ รวมถึงการพบเสื้อสีเทาที่ผู้ต้องหาเปลี่ยนจากเสื้อเหลืองที่ห้องน้ำสวนลุม อยู่ภายในห้องที่นายอาเดมพัก จึงค่อนข้างมั่นใจว่าคงไม่ผิดตัวอย่างแน่นอน
ผบ.ตร. นำทีมทำแผนบึ้มด้วยตัวเอง
วันที่ 26 กันยายน 2558 พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ได้นำทีมตำรวจพาผู้ต้องหา คือนายบิลาล มูฮัมมัด (อาเดม) พร้อมด้วย นายเมียไรลี ยูซูฟู ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในพื้นที่ 3 จุด เริ่มจากบริเวณแยกราชประสงค์ ต่อด้วยสถานีรถไฟหัวลำโพง และจุดสุดท้ายจะไปงมหาโทรศัพท์มือถือใช้จุดชนวนระเบิดที่ราชประสงค์ในคลองแสนแสบ
เผยระเบิดราชประสงค์ใช้หม้อสเตนเลสประกอบ หวังเอาชีวิต
พล.ต.อ. จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ด้านวิทยาศาสตร์ ได้นำระเบิดที่หน่วยเก็บกู้วัตถุ ระเบิด (อีโอดี) จำลองจากเหตุการณ์ทั้ง 2 แห่ง คือแยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร มาแสดงต่อสื่อมวลชน โดยเผยว่า ระเบิดที่จำลองจากเหตุการณ์แยกราชประสงค์นั้นมีลักษณะเป็นหม้อสเตนเลสภายในบรรจุระเบิด ส่วนระเบิดที่จำลองจากเหตุการณ์ที่ท่าเรือสาทรนั้นเป็นระเบิดชนิดไปป์บอมบ์เป็นแท่งเหล็กขนาดใหญ่ โดยเชื่อว่าเหตุผลที่ผู้ต้องหาเลือกใช้หม้อในการบรรจุระเบิดก่อเหตุที่แยกราชประสงค์นั้นเนื่องจากต้องการเพิ่มปริมาณดินปืนให้มีความรุนแรงมากขึ้น เพื่อหวังผลต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
เด้งตำรวจลุมพินี เช็ก CCTV สวนลุมไม่พบมือระเบิด
วันที่ 27 กันยายน ได้มีคำสั่งย้ายตำรวจในสังกัดสถานีตำรวจนครบาลลุมพินีจำนวน 3 นาย ให้ไปช่วยราชการที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เป็นเวลา 30 วัน หลังพบว่ามีความผิดฐานบกพร่องต่อหน้าที่ หลังถูกสั่งให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณสวนลุมพินี เพื่อหาภาพชายเสื้อเหลืองผู้ที่เป็นคนก่อเหตุวางระเบิดที่ราชประสงค์ตั้งแต่ช่วงเกิดเหตุ แต่ทั้งตำรวจทั้ง 3 นาย อ้างว่าตรวจสอบไม่พบ และไม่มีภาพ จนกระทั่งมาตรวจพบภาพว่าบุคคลชายเสื้อเหลืองได้เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ที่ห้องน้ำบริเวณสวนสาธารณะลุมพินี
ผบ.ตร. แถลงสรุปคดี ชี้เหตุเกิดจากคน 2 กลุ่มร่วมมือกันเพื่อผลประโยชน์
วันที่ 28 กันยายน พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ได้นำทีมชุดคลี่คลายคดี แถลงข่าวสรุปกรณีเกิดเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์และท่าเรือสาทร ว่านอกจาก นางสาววรรณา สวนสัน ผู้ต้องหาชาวไทยที่เคยถูกออกหมายจับไปแล้วก่อนหน้านี้ ยังมีชายไทยที่เกี่ยวข้องกับขบวนการระเบิดดังกล่าวอีกรายคือ นายยงยุทธ พบแก้ว หรือ นายอ๊อด พยุงวงศ์ ซึ่งเป็นผู้ที่เคยถูกออกหมายจับและเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ชายสองคนเก็บระเบิดไปป์บอมบ์ไว้ที่ใต้เบาะรถจักรยานยนต์จนเกิดระเบิดขึ้นระหว่างทางที่ย่านมีนบุรีในปี 2557 และเหตุระเบิดครั้งใหญ่ เมื่อปี 2553 ที่สมานเมตตาแมนชั่น ซึ่งระเบิดทั้งสองแห่งมีความเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมือง
จากการสืบสวนพบว่าในคดีครั้งนี้ นายอ๊อด ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานและจัดซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการประกอบระเบิดทั้งสองแห่ง ด้วยเหตุนี้ จากหลักฐานที่ปรากฏจึงสามารถสรุปได้ว่าเหตุการณ์ระเบิดที่แยกราชประสงค์และท่าเรือสาทร เกิดขึ้นจากการร่วมมือกันของกลุ่ม 2 กลุ่มที่อาจร่วมมือกันเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างการตามจับกุมนายอ๊อด เพื่อทำการสืบสวนขยายผลถึงผู้บงการระดับสูงขึ้นต่อไป
ตำรวจชี้ ไอ้อ๊อด เอี่ยวบึ้มกรุง เคยเป็นการ์ด นปช.
วันที่ 29 กันยายน 2558 พล.ต.ท. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยถึง กรณีการออกหมายจับ นายยงยุทธ พบแก้ว หรือ อ๊อด ประยูรวงศ์ 1 ใน 17 ผู้ต้องหาร่วมก่อเหตุวางระเบิดสี่แยกราชประสงค์ ซึ่งเจ้าหน้าที่พบว่ามีความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่น ปี 2553 และเหตุระเบิดในพื้นที่เขตมีนบุรี ปี 2557 โดยระบุว่า การสอบสวนของตำรวจมีพยานหลักฐานแน่นหนาชัดเจนจนสามารถขออนุมัติ หมายจับจากศาลทหารได้ อีกทั้งเจ้าหน้าที่ยังพบว่า นายอ๊อด มีประวัติเคยเป็นการ์ด นปช. ที่ถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เมื่อปี 2553 เป็นผู้มีภูมิลำเนาในจังหวัดภาคอีสานและอีกหลายแห่ง เช่น จังหวัดสระบุรี ซึ่งตำรวจจะต้องติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป
อาเดม ชี้ อับดุลเลาะห์มาล เป็นคนสั่งการ
คืบหน้าวันที่ 30 กันยายน นายชูชาติ กันภัย ทนายความได้เข้าพบ นายบิลาล มูฮัมมัด (อาเดม) ที่เรือนจำชั่วคราวกองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 โดยจากการพูดคุย นายบิลาล (อาเดม) ยอมรับว่าเป็นชาวอุยกูร์ ไม่ใช่คนสัญชาติตุรกีอย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ รับเป็นชายเสื้อเหลืองจริงโดยทำตามคำสั่งของ นายอับดุลเลาะห์ อับดุลเลาะห์มาน หนึ่งในผู้ต้องหาตามหมายจับ ซึ่งเป็นนายหน้าพาตนเข้ามาในประเทศไทย พร้อมปฏิเสธไม่รู้จักผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับรายอื่น ทั้งนี้แนวทางการสู้คดี นายบิลาล (อาเดม) ต้องการล่ามที่สื่อสารภาษาอุยกูร์เท่านั้น เนื่องจากไม่สามารถสื่อสารในภาษาอังกฤษ หรือภาษาตุรกีได้คล่อง
ภาพจาก SpringNews, เรื่องเล่าเช้านี้ บีอีซี-เทโร, เฟซบุ๊ก ThaiPBS, ทวิตเตอร์ @Nalinee_PLE, ทวิตเตอร์ @ArmUpdate, ทวิตเตอร์ @thomasfullerNYT, ทวิตเตอร์ @ThanawatLive 19, ทวิตเตอร์ @ThanawatLive 19