ผวาทั้งสนามบินอุดรฯ หลังพ่อค้ากาแฟส่งระเบิดไฟแช็กขึ้นเครื่อง !

           เครื่องสแกนสนามบินอุดรฯ ตรวจพบวัตถุระเบิดในกล่องพัสดุไปรษณีย์ เร่งประสาน EOD ตรวจสอบ ก่อนพบเป็นระเบิดไฟแช็ก ตำรวจนำตัวพ่อค้ากาแฟเจ้าของกล่องพัสดุดังกล่าวมาปรับทัศนคติ ก่อนปล่อยตัวไป

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2558 พ.ต.อ. ภูมิวิทย์ เวชกามา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งว่า เครื่องสแกนภายในสนามบินนานาชาติอุดรธานี ตรวจพบวัตถุระเบิดในกล่องพัสดุไปรษณีย์ จึงเร่งประสานเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ระเบิด (EOD) เพื่อมาตรวจสอบ

           เมื่อเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ระเบิดเดินทางมาถึง ก็ได้นำกล่องพัสดุไปรษณีย์ดังกล่าววางในสนามหญ้า พร้อมใช้ยางรถยนต์ครอบ ก่อนจะค่อย ๆ แกะกล่องพัสดุออก จนพบวัตถุคล้ายระเบิดอยู่ภายในกล่อง และเมื่อตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า เป็นเพียงระเบิดไฟแช็คเท่านั้น

           ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปพบ นายสรายุทธ ซึ่งมีชื่อในฐานะผู้ส่งบนกล่องพัสดุไปรษณีย์ ยังบ้านพักใน อ.เอราวัณ จ.เลย พร้อมตรวจค้น โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจค้นเจอปืนพกสั้นบีบีกัน 5 กระบอก ปืนไฟแช็ก 6 กระบอก ปืนยาวบีบีกัน (M 16) 1 กระบอก หน้ากากกันแก๊สพิษ 2 อัน กล้องส่งทางไกล 1 ตัว และกระสุนบีบีกัน 2 ถุง จึงควบคุมตัวมาสอบสวน

           จากการสอบสวนนายสรายุทธ ให้การว่า ตนมีอาชีพเป็นพ่อค้ากาแฟโบราณ แต่ด้วยความชอบสะสมบีบีกันมือสอง และโพสต์ขายทางเฟชบุ๊กมาได้ประมาณ 1 ปี ต่อมาลูกค้า ชื่อ นายรัชพล ซึ่งอยู่ที่ อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง ได้ติดต่อขอซื้อระเบิดไฟแช็ค เพื่อนำไปสะสมและตั้งโชว์ เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2558 ตนได้นำลูกระเบิดไฟแช็กไปแพ็กกล่องพัสดุไปรษณีย์ ที่สำนักงานไปรษณีย์ อ.เอราวัณ จ.เลย ก่อนส่ง EMS ไปให้นายรัชพล ซึ่งตอนในแรกตนก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะก่อนหน้านี้ ตนเคยส่งปืนบีบีกัน 30 กระบอก ระเบิดไฟแช็ก 2 ลูก ทางพัสดุไปรษณีย์ 2 ครั้ง


           ด้าน พ.ต.ท. พรพิชิต สุปัญญา รอง ผกก.สส.ภ.จ.อุดรธานี กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำ นายสรายุทธ มาปรับทัศนคติก่อนปล่อยตัวไป นอกจากนี้ ตนขอฝากเตือนพ่อค้าวัสดุสิ่งเทียมอาวุธปืนและวัตถุระเบิดให้ระบุอย่างชัดเจนกับเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ว่า สิ่งของที่อยู่ในกล่องพัสดุคืออะไร แต่อย่างไรก็ดี ตนขอแนะนำว่า หากไม่จำเป็นก็ไม่ควรส่งวัสดุสิ่งเทียมอาวุธปืนและวัตถุระเบิด แบบส่ง EMS ด่วน เพราะต้องส่งทางเครื่องบิน และเครื่องสแกนวัตถุระเบิดจะตรวจพบอีก ดังนั้น ขอให้ส่งพัสดุแบบธรรมดาน่าจะดีที่สุด แม้จะถึงที่มือผู้รับช้า แต่ก็ถึงจุดหมายเหมือนกัน

ภาพจาก  รายการทุบโต๊ะข่าว
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
, รายการทุบโต๊ะข่าว