
ผบ.ตร. ฉุนสื่อนำเสนอข่าวเหตุระเบิดราชประสงค์-สาทรเพราะไทยส่งอุยกูร์กลับจีน ย้ำส่งจักรทิพย์ ชัยจินดา ไปมาเลเซียเพื่อประสานงานขอข้อมูล ไม่ใช่รับตัวผู้ต้องสงสัยกลับไทย
เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2558 พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธ์ุม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวตำหนิการนำเสนอข่าวของสื่อกรณีเสนอข่าวคำให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่แยกราชประสงค์ว่า ตนยืนยันไม่ได้ระบุว่าเหตุระเบิด มีสาเหตุเกิดจากการส่งชาวอุยกูร์ 109 คน กลับไปยังประเทศจีน แต่มีสาเหตุจากการที่ทางการไทยมีการปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์อย่างจริงจัง ทำให้กระทบต่อธุรกิจการค้ามนุษย์ที่มีมายาวนาน เนื่องจากการที่ทางการไทยส่งชาวอุยกูร์กลับทั้งประเทศตุรกีและประเทศจีนเป็นไปตามการพิสูจน์สัญชาติ ยืนยันเป็นไปตามขั้นตอนหลักกฎหมายระหว่างประเทศที่เป็นสากล หรือสนธิสัญญาที่ระหว่างประเทศมีต่อกัน
สำหรับทีมสืบสวนนำโดย พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปยังประเทศมาเลเซียนั้น ก็เพื่อประสานงานขอข้อมูลที่คาดว่า เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิด ไม่ได้ไปควบคุมตัวผู้ต้องหาแต่อย่างใด เนื่องจากยังไม่ทราบว่าทางมาเลเซียจับกุมผู้ต้องสงสัยในข้อหาอะไร เบื้องต้นแค่ตั้งข้อสงสัยว่า ผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 คน อาจมีความเกี่ยวข้องกับการลักลอบนำชาวอุยกูร์เข้าประเทศมาเลเซียโดยผิดกฎหมายเท่านั้น
ในส่วนของนายอาบูดูซาตาร์ อบูดูเระห์มาน หรืออิซาน 1 ในผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับนั้น ทางตุรกีออกมาปฏิเสธว่า นายอิซานไม่ได้เดินทางเข้าไปในประเทศตุรกีนั้น พลตำรวจเอก สมยศ กล่าวว่าเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ก็ต้องขอความร่วมมือไปยังประเทศต่าง ๆ ที่มีกระแสข่าวว่า นายอิซานเดินทางไปยังประเทศนั้น ๆ เพื่อติดตามตัวให้ได้ ยังไม่สามารถระบุได้ว่า นายอิซานอยู่ที่ประเทศตุรกีหรือไม่ เนื่องจากนายอิซานอาจให้ข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงเนื่องจากต้องการหลบหนี ทั้งนี้ก็อาจเข้าไปยังประเทศตุรกีแบบไม่ปรากฏหลักฐานที่ถูกต้อง จึงทำให้ประเทศตุรกียังไม่สามารถตรวจพบได้
นอกจากนี้ พลตำรวจเอก สมยศ ยังปฏิเสธถึงกรณีที่มีการโพสต์เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างระบบ Face Recognition (เฟซรีคอตนิชั่น ) หรือเครื่องที่ใช้ตรวจสอบความถูกต้องของใบหน้ามนุษย์ โดยกล่าวว่าตัวเองทำตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี ยืนยันไม่ได้ขัดขวางการสั่งซื้อเครื่องดังกล่าวตามที่ถูกกล่าวหา