เปิดประวัติ เสี่ยอู๊ด สิทธิกร บุญฉิม ไขเส้นทางนักสร้างพระชื่อดัง ก่อนจะได้รับฉายาเสี่ยบุญทุ่มแห่งวงการบันเทิง กับจุดจบของชีวิต
ช็อกวงการพระเครื่องเมื่อเสี่ยอู๊ด สิทธิกร บุญฉิม นักสร้างพระ และเซียนพระชื่อดังผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการพระเครื่องมาอย่างยาวนาน ได้ตัดสินใจจบชีวิตของตัวเองลงด้วยการซดยานอนหลับ รวมถึงยารักษาโรคมะเร็งรวมกว่า 100 เม็ด จนสิ้นใจกลางโรงแรมชื่อดังใน จ.พิษณุโลก แล้วเสี่ยอู๊ด เป็นใคร จนทำให้การทำอัตวินิบากกรรมของเสี่ยอู๊ดในครั้งนี้สามารถยึดพื้นที่ข่าวหน้า 1 ของหนังสือพิมพ์แทบจะทุกฉบับ วันนี้ทางทีมงานกระปุกดอทคอมจะพาไปไขข้อสงสัยกันครับ
ย้อนประวัติ เสี่ยอู๊ด สิทธิกร เซียนพระเครื่อง กับเส้นทางธุรกิจ
ประวัติเสี่ยอู๊ด ชื่อจริงคือ นายสิทธิกร บุญฉิม เกิดเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2514 ที่ จ.ระยอง เป็นบุตรชายของนายกมล บุญฉิม และนางทับทิม แซ่ซิ้ม พื้นฐานทางครอบครัวไม่ได้ร่ำรวยมากนัก แต่เสี่ยอู๊ดมีความเก่งกาจในด้านการค้า จึงหอบตัวเองมาตั้งธุรกิจของตัวเองจากการชักชวนของคนดังหลายคนที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งที่นี่เป็นจุดเริ่มของการเข้าสู่วงการนักเลงพระเครื่อง โดยเฉพาะการจัดสร้างพระเครื่อง ก่อนที่อีก 8 ปีต่อมาจะก้าวมาเป็นหัวเรือของบริษัท ไดมอนด์ ฮิลล์ จำกัด
เสี่ยอู๊ด ประวัติมีชื่อเสียงจากการบริจาคเงินให้วงการสงฆ์ รวมถึงการระดมทุนสร้างโรงพยาบาล และสร้างโรงเรียน พร้อมกับช่วยเหลือผู้ยากไร้มากมาย จนสภาสังคมสงเคราะห์ ส่งเรื่องขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุด (สายสะพาย) เพื่อยกย่องในคุณงามความดี
ข่าวฉาวของเสี่ยอู๊ดกับดาราชายชื่อดังในวงการบันเทิง จนได้รับฉายา "เสี่ยบุญทุ่ม"
อันที่จริงแล้วการที่เสี่ยอู๊ดถูกโฟกัสจากผู้คนในสังคมนั้น คงหนีไม่พ้นจากการออกมาแฉถึงความสัมพันธ์กับดาราหนุ่มในวงการเป็นจำนวนมาก ซึ่งดาราในสต็อกที่เสี่ยอู๊ดออกมาไล่เรียงมีตั้งแต่ ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์, ออย ธนา สุทธิกมล, นิว วงศกร ปรมัตถากร, ไผ่ พาทิศ พิสิฐกุล, โบกี้ จิตรคุปต์ สุนทรศิลป์ชัย เป็นต้น
แต่รายที่ดูจะเป็นข่าวมากที่สุด คงหนีไม่พ้น หนุ่มฟิล์ม รัฐภูมิ ที่ออกมายืนยันในขณะนั้นว่า ไม่เคยรู้จักกับเสี่ยพระเครื่อง ร้อนถึงเสี่ยอู๊ดที่ออกมางัดหลักฐานเด็ดคือภาพถ่าย และยังแฉอีกว่า เคยไปเที่ยวเมืองนอกด้วยกัน อีกทั้งยังเคยให้ของขวัญเป็นรถมินิคูเปอร์ และตึกแถวแก่ฟิล์มอีกด้วย จนสุดท้ายหนุ่มฟิล์มต้องก้มหน้ายอมรับว่า รู้จักเสี่ยอู๊ดจริงเพราะจนด้วยหลักฐาน
เสี่ยอู๊ดกับคดีความ สุดท้ายต้องชดใช้กรรมในห้องขัง
ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อปี 2551 เสี่ยอู๊ดถูกเจ้าหน้าที่เข้าควบคุมตัวไปสอบสวนขณะที่กำลังจะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เห็นถึงความไม่ชอบมาพากลในการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัวกว่าล้านองค์ ซึ่งต่อมา ดีเอสไอก็ได้แจ้งข้อหาหนักกับ เสี่ยอู๊ด คือโฆษณาอันเป็นเท็จ และเลียนแบบตรามหามงกุฎ จนปลายปี 2551 ศาลชั้นต้นได้ตัดสินให้เสี่ยอู๊ดต้องโทษจำคุก 5 ปี ฐานใช้และเลียนแบบเครื่องหมายราชการโดยไม่ได้รับอนุญาต และให้จ่ายเงินชดเชยแก่ผู้เสียหายจำนวน 4 ล้านบาท ถึงแม้ "เสี่ยอู๊ด" จะพยายามยื่นอุทธรณ์ต่อคำสั่งศาล แต่ก็ไม่เป็นผล เนื่องจากอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ในที่สุด เสี่ยอู๊ดจึงต้องเข้าไปใช้ชีวิตรวมกับนักโทษชายอีกจำนวนมากในกรงขัง อย่างไรก็ดีเสี่ยอู๊ด พ้นโทษจากเรือนจำคลองเปรมเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2556
อย่างไรก็ตามในขณะที่ถูกคุมขังนั้น มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2553 เสี่ยอู๊ดได้เคยพยายามฆ่าตัวตาย โดยกินยานอนหลับเกินขนาดจนหมดสติ แต่ครั้งนั้นแพทย์ช่วยไว้ได้ทัน
จุดจบ เสี่ยอู๊ด "เสี่ยบุญทุ่มและนักสร้างพระชื่อดัง" หลังปลิดชีพตัวเองทิ้ง
เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2558 ข่าวของเสี่ยอู๊ดกลับปะทุขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ใช่การออกมาแฉดารา หรือเรื่องคดีความอีกต่อไป หากแต่เป็นการนำเสนอช่วงสุดท้ายของชีวิตเสี่ยอู๊ด เมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับรายงานจากโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งของ จ.พิษณุโลก ว่ามีชายนอนเสียชีวิต ข้างกายมีแผงยานอนหลับนับ 10 แผง รวมถึงยารักษาโรคมะเร็ง และพบจดหมายลาตายที่ร่ายตัดพ้อชีวิตตัวเองว่าเคยบริจาคเงินให้การกุศลและอุปการะคนอื่นมามากมาย แต่สุดท้ายกลับถูกคนกลุ่มนั้นรังเกียจ (อ่านข่าว เสี่ยอู๊ด เซียนพระดังฆ่าตัวตายคาโรงแรมกลางเมืองพิษณุโลก) ซึ่งทราบชัดต่อมาว่า เป็นนายสิทธิกร บุญฉิม หรือ เสี่ยอู๊ด นั่นเอง จึงเป็นการปิดฉากตำนาน "เซียนพระเครื่องและเสี่ยบุญทุ่ม" ไปตลอดกาล
เกาะติดข่าว ภาพจาก เฟซบุ๊ก เสี่ยอู๊ด หรือคุณสิทธิกร บุญฉิม
