ดีเจเก่ง ภัทรศักดิ์ โดนฟ้องรวม 3 ข้อหา ตำรวจยื่นศาลผัดฟ้องฝากขังดีเจเก่งครั้งแรก หลังพนักงานอัยการให้สอบสวนเพิ่มเติม ศาลอนุญาตให้ผัดฟ้อง-ปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่มีหลักทรัพย์ นัดรายงานตัว 15 มกราคมนี้ ด้านกรมขนส่งฯ สั่งยึดใบอนุญาตขับขี่ ดีเจเก่ง 1 ปี หลังรับสารภาพ
เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2559 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดินแดง ได้นำตัว ดีเจเก่ง ภัทรศักดิ์ เทียมประเสริฐ พร้อมสำนวนส่งให้พนักงานฝ่ายคดีศาลแขวง 2 (รัชดา) พิจารณาสั่งฟ้อง 3 ข้อหา
- ข้อหาขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น
- ข้อหาทำร้ายร่างกายไม่เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายทางร่างกายและจิตใจ
- ข้อหาทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือตกใจ
โดยพนักงานอัยการพิจารณาแล้วเห็นว่า สำนวนคดียังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์เพียงพอ จึงยังไม่รับสำนวน พร้อมสั่งให้พนักงานสอบสวนไปดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมในบางประเด็น
ต่อมาจึงคุมตัว ดีเจเก่ง ไปยื่นคำร้องผัดฟ้องฝากขังครั้งแรกต่อศาลแขวงพระนครเหนือ เป็นเวลา 6 วัน ตั้งแต่วันที่ 11-16 มกราคม ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ผัดฟ้องได้ โดยศาลให้ปล่อยชั่วคราวโดยไม่มีหลักทรัพย์ และศาลนัดให้มารายงานตัวอีกครั้งในวันที่ 15 มกราคมนี้
ขณะที่ ดีเจเก่ง กล่าวว่า ตนขอโทษและสำนึกผิดกับสิ่งที่กระทำ ต่อไปหากมีโอกาสขับรถอีก ก็จะระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ขอสังคมอย่าพาดพิงถึงครอบครัวเพราะตนมีลูกเล็ก ส่วนเรื่องเฟซบุ๊กส่วนตัวนั้น ตนได้ปิดไปตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องแล้ว และไม่ได้มีการเล่นโซเชียลอื่น ๆ ดังนั้นเฟซบุ๊กที่เผยแพร่อยู่นั้น ไม่ใช่ของตนเอง ยืนยันว่าเป็นของปลอม เบื้องต้น ตนได้ไปแจ้งความกับตำรวจให้ดำเนินคดีกับผู้ที่ทำเฟซบุ๊กปลอมขึ้นมาใส่ร้ายตนแล้ว
ด้าน พ.ต.อ. สมคิด สมบูรณ์ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สน.ดินแดง กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้นำสำนวนและพยานหลักฐานและผู้ต้องหามาส่งมอบให้พนักงานอัยการ แต่ปรากฏว่า ในวันนี้อัยการยังไม่ได้มีความเห็นใด ๆ ในทางสำนวนคดี ดังนั้นพนักงานสอบสวนจึงได้นำตัวผู้ต้องหาไปยื่นคำร้องผัดฟ้องฝากขังที่ศาลแขวงพระนครเหนือก่อน เป็นเวลา 6 วัน ซึ่งวันที่ครบกำหนดผัดฟ้องครั้งแรกตรงกับวันหยุดทำการ หากยังไม่สามารถสั่งฟ้องคดีได้ตามกระบวนการ พนักงานสอบสวนก็จะต้องยื่นคำร้องผัดฟ้องครั้งที่สอง ในวันที่ 15 มกราคม หลังจากนั้นก็จะต้องรอดูว่าอัยการจะมีความเห็นเกี่ยวกับสำนวนอย่างไร จะให้สอบสวนเพิ่มเติมประเด็นใดอีกหรือไม่ โดยคดีนี้พนักงานสอบสวนสามารถยื่นคำร้องผัดฟ้องผู้ต้องหาได้รวม 5 ครั้ง
ขณะที่ นายณันทพงศ์ เชิดชู ผู้อำนวยการสำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 5 กรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า เบื้องต้น กรมการขนส่งทางบก ได้ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.รถยนต์ ลงโทษยึดใบขับขี่ของนายภัทรศักดิ์เป็นเวลา 1 ปี เนื่องจากผู้กระทำผิดได้รับสารภาพแล้ว ส่วนการลงโทษ นายกวินกานต์ คู่กรณี ยังจะต้องรอการรับฟังข้อมูล เพื่อพิจารณาบทลงโทษ
นอกจากนี้ กรมการขนส่งทางบก ได้ประสานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อขอข้อมูลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และประวัติการขับรถของทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อนำมาประกอบการพิจารณา หากพบว่ามีพฤติกรรมมากกว่านี้ก็จะพิจารณาลงโทษเพิ่มเติมต่อไป แต่ยังระบุไม่ได้ว่า จะถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาตหรือไม่ แต่หากไม่พบพฤติกรรมใด ๆ ก็เห็นว่าการลงโทษเท่านี้มีความเหมาะสมแล้ว
ภาพจาก springnews
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
, 
