
สตม. เตรียมใช้กฎหมายใหม่ เอาผิดต่างชาติอยู่เกินกำหนด เพิ่มโทษแบนห้ามเข้าประเทศ เชื่อผลักดันกลับประเทศได้มาก เตรียมนำระบบไบโอเมทริกซ์เข้มตรวจสอบกลางปีนี้ หลัง ISIS ขยับก่อเหตุใกล้ไทย
เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2559 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เวลา 10.30 น. พลตำรวจโท ณัฐธร เพราะสุนทร ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เปิดเผยถึงนโยบายเข้มงวดตรวจสอบชาวต่างชาติเดินทางเข้า-ออกประเทศไทยหลังเกิดเหตุคนร้ายก่อเหตุระเบิดและดวลปืนกับตำรวจที่เมืองหลวงของอินโดนีเซียในวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา ว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้เฝ้าระวังสถานการณ์รอบโลกอยู่แล้ว โดยหลังเกิดเหตุได้มีการแจ้งเตือนไปยังจุดเข้า-ออกประเทศทุกจุดให้เพิ่มความเข้มงวดให้การคัดกรองบุคคลเข้า-ออกประเทศ โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านได้มีการเกิดเหตุขึ้นหลายครั้งในต่างประเทศได้แก่ วันที่ 12 มกราคม 2559 ที่ประเทศตุรกี, วันที่ 14 มกราคม 2559 ที่ประเทศอินโดนีเซีย, วันที่ 16 มกราคม 2559 ที่แอฟริกาตะวันตก และวันที่ 18 มกราคม 2559 ที่ชายแดนประเทศปากีสถาน ซึ่งเป็นเรื่องการก่อการร้ายทั้งสิ้น
ขณะที่เมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา ทาง สตม. ก็ได้เปิดทีมสุวรรณภูมิขึ้นโดยการบูรณาการร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อให้ความรู้เจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการตรวจสอบหนังสือเดินทางปลอม เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการคัดกรองบุคคลเข้าประเทศ เนื่องจากสุวรรณภูมิเป็นจุดที่มีชาวต่างชาติเดินทางเข้า-ออกประเทศมากกว่า 60% ทั้งยังมีการยกระดับศูนย์ต่อต้านหนังสือเดินทางปลอม เพื่อความมั่นคงและปลอดภัยของอาเซียน โดยมีเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะจากหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส และเยอรมนี เป็นต้น มาให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่
ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ระบุอีกว่า การข่าวขณะนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่ผ่านเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งล่าสุดทางตุรกีก็ได้ส่งข้อมูลรายชื่อของคนร้ายมาให้ เพื่อนำรายชื่อมาตรวจสอบกับฐานข้อมูลที่มีว่า เคยมีประวัติเดินทางมาในประเทศไทยหรือไม่ และทำแบล็กลิสต์เพื่อตรวจสอบต่อไป
นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาในด้านเครื่องมือคัดกรองบุคคลเข้า-ออกประเทศโดยการนำเครื่องมือตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า และเครื่องมือตรวจสอบประวัติ และข้อมูลของผู้โดยสารทุกคนอย่างละเอียดตั้งแต่อยู่บนเครื่องก่อนเดินทางถึงประเทศไทย ส่วนระบบการตรวจสอบโดยการใช้ข้อมูลทางชีวภาพ หรือไบโอเมทริกซ์นั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเขียน TOR โดยคาดว่า จะเริ่มใช้งานภายในเดือนเมษายนนี้ และจะทำให้การตรวจสอบมีคุณภาพสูง
ส่วนการตรวจสอบชายแดนธรรมชาติซึ่งเป็นจุดที่สามารถตรวจสอบได้ยากนั้น เจ้าหน้าที่จะใช้วิธีการกดดันให้ผู้กระทำผิดอยู่ไม่ได้ด้วยการปฏิบัติการเชิงรุกเพื่อกวาดล้างอย่างจริงจัง จนต้องออกนอกประเทศไปเองในที่สุด พร้อมทั้งยังเตรียมบังคับใช้กฎหมายใหม่ ในการควบคุมชาวต่างชาติที่เดินทางมาอาศัยอยู่ในประเทศไทยเกินที่หนังสือเดินทางกำหนด โดยจะเพิ่มโทษจากเดิมที่มีเพียงค่าปรับจำนวน 20,000 บาท ให้มีบทลงโทษในส่วนของการสั่งห้ามเดินทางเข้าประเทศด้วย โดยคิดคำนวณตามวันที่อยู่เกินกำหนด เช่น อยู่เกิน 90 วันจะถูกห้ามเข้าประเทศ 1 ปี อยู่เกิน 1 ปี จะถูกห้ามเข้า 3 ปี เป็นต้น โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 20 มีนาคมนี้ แต่กฎหมายดังกล่าวจะยกเว้นชาวต่างชาติอย่างเช่น ประเทศลาว กัมพูชา เมียนมา และมาเลเซีย ที่สามารถใช้หนังสือเดินทางประเภทบอร์ดดิ้งพาสได้ตามปกติ ทำให้มั่นใจว่าช่วงก่อนที่กฎหมายใหม่นี้จะเริ่มใช้ จะมีชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทยเกินกว่ากำหนดเดินทางออกนอกประเทศจำนวนมาก
ด้าน พลตำรวจเอก เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ในขณะนี้ ยังไม่พบกลุ่มขบวนการก่อการร้ายไอเอส เข้ามาเคลื่อนไหวในประเทศไทยแต่อย่างใด ซึ่งทางการไทยได้มีการประสานข้อมูลกับประเทศต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเทศมาเลเซีย หลังมีกระแสข่าวว่า ทางการมาเลเซีย สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยที่คาดว่า เป็นกลุ่มไอเอสได้จำนวน 4 คน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านความมั่นคง เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้น