
เมื่อเข้าถึงช่วงฤดูหนาว หลายคนอาจกำลังรอคอยเพื่อที่จะเริ่มนับถอยหลังส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ซึ่งก็คือวันที่ 1 มกราคมของทุกปีนั่นเอง แต่รู้หรือไม่ว่า แต่โบราณกำหนดให้วันขึ้นปีใหม่ตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือนอ้าย โดยคำว่า เดือนอ้าย หมายถึงเดือน 1 หากนับตามปฏิทินจันทรคติไทยมักจะเริ่มในเดือนพฤศจิกายน หรือธันวาคม เพื่อให้สอดคล้องกับคติทางศาสนาที่ถือให้ช่วงเหมันต์ หรือฤดูหนาว เป็นการเริ่มต้นปีนั่นเอง
ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนรูปแบบการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย ประกอบกับในวันที่ 1 เมษายน ซึ่งเป็นวันขึ้นปีใหม่ ประชาชนไม่ค่อยมีงานรื่นเริงอะไรมาก ทางราชการจึงประกาศให้มีงานรื่นเริงขึ้นในกรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก ก่อนจะแพร่ออกไปยังต่างจังหวัดจนได้รับความนิยมในปี 2479 จึงมีชื่อวันเป็นทางการว่า "วันตรุษสงกรานต์"

จากนั้นก็ได้มีการพิจารณาถึงความเหมาะสมกันอีกครั้ง ก่อนจะมีพระบรมราชโองการให้ตราพระราชบัญญัติปีประดิทิน ปี 2483 ซึ่งตรงกับสมัยของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 ประกาศให้วันที่ 1 มกราคมของทุกปี เป็นวันขึ้นปีใหม่ โดยมีจอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ซึ่งมีการประกาศอย่างเป็นทางการ ณ วันที่ 24 ธันวาคม 2483 เพื่อให้ทัดเทียมนานาประเทศและเป็นสากล โดยมีเหตุผลสำคัญ 4 ประการ คือ
2. เป็นการเลิกวิธีนำเอาลัทธิพราหมณ์มาคร่อมศาสนาพุทธ
3. ทำให้เข้าสู่ระดับสากลที่ใช้อยู่ในประเทศทั่วโลก
4. เป็นการฟื้นฟูวัฒนธรรม คตินิยม และจารีตประเพณีของชาติไทย
และจากประกาศดังกล่าวทำให้ตั้งแต่นั้นมา ประเทศไทยได้ถือเอาวันที่ 1 มกราคมของทุกปี เป็นวันเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่จวบจนปัจจุบัน



ภาพและข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก ชมรมประวัติศาสตร์สยาม, lib.ru.ac.th, เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา