นายกแพทยสภา ยัน หมอนิ่ม ยังปฏิบัติหน้าที่หมอได้ เหตุคดียังไม่เป็นที่สิ้นสุด ชี้ แพทย์ที่ฆ่าคน ส่วนมากมักถูกถอดจากสมาชิก
จากกรณีที่ศาลจังหวัดมีนบุรี ได้พิพากษาให้ประหารชีวิต พญ.นิธิวดี ภู่เจริญยศ หรือหมอนิ่ม ผู้ต้องหาคดีจ้างวานฆ่านายจักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย ก่อนที่จะมีการให้ประกันตัว แต่ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ นอกจากนี้ ยังมีคดีการจับกุม พ.ต.อ. นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อดีตอายุรแพทย์ โรงพยาบาลตำรวจ ข้อหาร่วมกันฆ่าแรงงานชาวพม่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนอีกด้วย ซึ่งใน 2 ประเด็นดังกล่าว ต่างมีคนสงสัยกันว่า ทั้งคู่ยังคงมีคุณสมบัติเป็นแพทย์อยู่หรือไม่
ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2559 ศ. นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวว่า คดีของหมอนิ่มยังไม่ถึงที่สิ้นสุดของคดี จึงยังไม่ดำเนินการถอนการเป็นสมาชิกแพทยสภาหรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ดังนั้นจึงยังประกอบอาชีพแพทย์ได้อยู่ จนกว่าคดีจะถึงที่สิ้นสุด ส่วนกรณีของ พ.ต.อ. นพ.สุพัฒน์ ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการขอคำพิพากษาของศาล
ศ. นพ.สมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตามปกติผู้ที่สำเร็จปริญญาแพทยศาสตร์บัณฑิต จะประกอบอาชีพแพทย์ได้ จะต้องเป็นสมาชิกแพทยสภา และมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ซึ่งในมาตรา 11 พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525 กำหนดคุณสมบัติไว้ข้อหนึ่งคือ ไม่เคยต้องโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุด หรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายให้จำคุก ซึ่งถ้าหากคำพิพากษาถึงที่สิ้นสุดแล้ว แพทยสภาจะดำเนินการขอคำพิพากษาไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการแพทยสภาต่อไป
ทั้งนี้ หากความผิดทำให้เสื่อมเสียเกียรติแห่งวิชาชีพ ก็จะถอนจากการเป็นสมาชิกแพทยสภา ไม่สามารถเป็นแพทย์ได้อีก แต่ถ้าไม่เสื่อมเสีย ก็ยังคงเป็นสมาชิกแพทยสภาต่อไปได้
อย่างไรก็ดี การฆ่าคน ย่อมทำให้เสื่อมเสียเกียรติแห่งวิชาชีพ แต่ในการพิจารณาก็ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของคณะกรรมการ ที่ผ่านมาแพทย์ที่ต้องคดีการฆ่าผู้อื่น ส่วนมากมักถูกถอนการเป็นสมาชิก หลังจากที่คดีสิ้นสุดแล้ว
สำหรับแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับคดีฆ่าผู้อื่น และไม่สามารถประกอบอาชีพแพทย์ได้อีก มีดังนี้ นพ.วิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ อดีตสูตินรีแพทย์ รพ.จุฬาฯ, นพ.บัณฑิต โฆษิตชัยวัฒน์ อดีตแพทย์ประจำโรงพยาบาลหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นต้น
