บริษัทประกันภัยเยอรมนี ประเมินค่าเสียหายจากภัยพิบัติทางธรรมชาติทั่วโลกตลอดปี 2559 รวมทั้งสิ้นกว่า 6.3 ล้านล้านบาท สูงสุดเป็นแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่น มูลค่าความเสียหาย 1.1 ล้านล้านบาท
เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2560 เว็บไซต์ Phys.org มีรายงานว่า บริษัท มิวนิคเร จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทประกันภัยแห่งใหญ่ในประเทศเยอรมนี ได้เปิดเผยตัวเลขมูลค่าความเสียหายจากภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นทั่วโลกทั้งจากพายุพัดถล่ม อุทกภัย และแผ่นดินไหว ตลอดปี 2559 พบว่ามีมูลค่าสูงถึง 1.75 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 6.3 ล้านล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขที่สูงมากในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2555 แต่สำหรับตัวเลขผู้เสียชีวิตลดลงมาอยู่ที่ 8,700 คน จากปีก่อนที่สูงถึง 25,400 คน
โดยความเสียหายทางธรรมชาติครั้งที่รุนแรงที่สุดในปี 2559 จากรายงานระบุไว้ 2 ที่ ได้แก่ เหตุการณ์ภัยพิบัติแผ่นดินไหวที่เกาะคิชู ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดือนเมษายน คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย 3.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.1 ล้านล้านบาท) และเหตุการณ์น้ำท่วมในประเทศจีน เมื่อเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 7 แสนล้านบาท)
สำหรับปีที่ผ่านมานี้ ทวีปอเมริกาเหนือ ประสบภัยพิบัติทั้งหมด 160 ครั้ง มากที่สุดในรอบเกือบ 40 ปี ตั้งแต่ปี 2523 โดยภัยพิบัติที่รุนแรงที่สุดคือ พายุเฮอริเคนแมทธิว เมื่อเดือนตุลาคม ลำพังแค่ในประเทศเฮติคร่าชีวิตผู้คนไปมากถึง 550 ชีวิต คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.5 แสนล้านบาท)
ขณะที่แคนาดา ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ไฟไหม้ป่า อันเกิดจากคลื่นความร้อนและความแห้งแล้ง เมื่อเดือนพฤษภาคม คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนทางใต้ของสหรัฐฯ ต้องเผชิญกับน้ำท่วมครั้งใหญ่ เสียหายไปกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
ด้านยุโรป เผชิญกับพายุพัดถล่มไปทั่ว ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม กระทั่งถึงต้นเดือนมิถุนายนเกิดน้ำท่วม รวมมูลค่าความเสียหายทั้งหมด 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยจากรายงานยังเปิดเผยว่า อุทุกภัยทั่วโลกในปี 2559 คิดเป็น 34 เปอร์เซ็นต์ของความเสียหายทั้งหมด มากเป็นปรากฏการณ์ เมื่อเที่ยบกับค่าเฉลี่ยที่ 21 เปอร์เซ็นต์ จากเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
นายปีเตอร์ ฮอปป์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยความเสี่ยงของบริษัท มิวนิคเร ระบุว่า จากตัวเลขมูลค่าความเสียหายที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในปี 2559 มีปัจจัยหลักมาจากสภาพอากาศของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป
อย่างไรก็ตาม จากความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้น มีจำนวนมากถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ที่ไม่ได้ทำประกันภัยเอาไว้ ซึ่งหมายความว่ามีเพียง 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ทำประกัน หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 5.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.9 ล้านล้านบาท
ภาพจาก ทวิตเตอร์ @Senorita_Dez, @jacobwirth55, weibo, KAZUHIRO NOGI/AFP,
