อังกฤษ-สหรัฐฯ สั่งห้ามผู้โดยสารจากกลุ่มชาติมุสลิม พกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขึ้นเครื่องบิน

           สหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร ออกคำสั่งห้ามผู้โดยสารจากกลุ่มประเทศมุสลิม พกพาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขึ้นเครื่องบิน ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยและเป็นมาตรการรับมือภัยก่อการร้าย

           เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2560 สำนักข่าววอชิงตันโพสต์ รายงานว่า สหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร ได้ออกมาตรการรักษาความปลอดภัยด้านการขนส่งทางอากาศ โดยมีคำสั่งให้ผู้โดยสารที่เดินทางจากสนามบิน 10 แห่งในกลุ่มประเทศมุสลิม ห้ามพกพาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตัวขึ้นเครื่องบิน

           สำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ว่า หมายรวมถึง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต เครื่องเล่นดีสีดี กล้องถ่ายรูป ไปจนถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบพกพาชนิดอื่น ๆ ที่มีขนาดใหญ่กว่าสมาร์ทโฟน อย่างไรก็ตามอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ยังสามารถโหลดเป็นสัมภาระใต้ท้องเครื่องได้อยู่
           ทางการสหรัฐอเมริกา ระบุว่า มาตรการดังกล่าวมีขึ้นหลังอัตราการก่อการร้ายเพิ่มสูงขึ้น รัฐบาลสหรัฐอเมริกามีความกังวลว่าผู้ก่อการร้ายอาจซุกซ่อนระเบิดเอาไว้ในคอมพิวเตอร์พกพาหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งการตรวจจับระเบิดเหล่านี้เป็นไปได้ยากมาก สาเหตุที่ให้นำโหลดไว้ในช่องสัมภาระ ห้ามนำติดตัวขึ้นเครื่องก็เป็นเพราะว่า การจุดระเบิดในลักษณะเช่นนี้จะต้องทำด้วยมือในระยะใกล้ อาจจะเป็นการส่งสัญญาณ หรือผสมกับสารเคมีที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาขึ้นมา ซึ่งกรณีเช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในปี 2552

           ปัญหาการก่อการร้ายบนเครื่องบินก็ได้สร้างความกังวลใจให้กับสหราชอาณาจักรเช่นกัน โดย นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีของประเทศอังกฤษ ได้เข้าหารือกับเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงจากสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับเรื่องนี้ และได้ออกมาตรการที่คล้ายกันในเวลาต่อมา 

           สำหรับสหราชอาณาจักรนั้น คำสั่งดังกล่าวมีผลครอบคลุม 6 ประเทศมุสลิม ได้แก่ ตุรกี เลบานอน จอร์แดน อียิปต์ ตูนิเซีย และซาอุดีอาระเบีย ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีความเข้มงวดยิ่งกว่า โดยคำสั่งห้ามนี้บังคับใช้กับ 9 สายการบิน ที่เดินทางออกจากสนามบิน 10 แห่ง ใน 8 ประเทศมุสลิม

           โดยสนามบินที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่

           1. สนามบินนานาชาติควีน อาเลีย-อัมมาน ประเทศจอร์แดน

           2. สนามบินนานาชาติไคโร-ไคโร ประเทศอียิปต์

           3. สนามบินนานาชาติอตาเติร์ก-อิสตันบูล ประเทศตุรกี

           4. สนามบินนานาชาติฮาหมัด-โดฮา ประเทศกาตาร์

           5. สนามบินนานาชาติดูไบ-สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

           6. สนามบินนานาชาติอาบูดาบี-สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

           7. สนามบินนานาชาติคิงอับดุลลาซิซ-เจดดาห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย

           8. สนามบินนานาชาติคิงคาเลด-ริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย

           9. สนามบินโมฮัมเหม็ด วี-คาซาบลังกา ประเทศโมร็อกโก

           10. สนามบินนานาชาติคูเวต-ประเทศคูเวต

           สายการบิน 9 สายที่ครอบคลุมคำสั่ง ล้วนเป็นสายการบินที่มีเที่ยวบินตรงสู่สหรัฐอเมริกาด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งก็คือ รอยัล จอร์แดเนียน, อียิปต์ แอร์, เตอร์กิช แอร์ไลน์, ซาอุดีอาระเบียน แอร์ไลน์, คูเวต แอร์เวย์, รอยัล แอร์ มาร็อก, กาตาร์ แอร์เวย์, เอทิฮัด แอร์เวย์ และเอมิเรตส์ แอร์ไลน์

           มาตรการนี้ไม่มีผลกระทบต่อสายการบินสัญชาติอเมริกัน เนื่องจากว่าไม่มีสายการบินใดที่มีเส้นทางบินตรงจากสนามบินทั้ง 10 แห่งดังกล่าว นอกจากนี้เจ้าหน้าที่กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิแห่งสหรัฐอเมริกายังกล่าวอีกว่า ผู้โดยสารทุกคนต้องปฏิบัติตามมาตรการนี้ ผู้โดยสารสัญชาติอเมริกันก็ไม่ถูกยกเว้น ผู้ได้รับการยกเว้นมีเพียงเฉพาะนักบินและลูกเรือเท่านั้น แต่สำหรับผู้โดยสารที่เป็นผู้ป่วย มีความจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ ก็สามารถอนุโลมให้ได้ โดยมาตรการนี้มีผลบังคับใช้ทันทีและจะใช้ต่อไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง

           อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะมาตรการนี้จะเกิดขึ้นภายใต้เหตุด้านความปลอดภัยของทุกคน แต่คาดน่าจะสร้างความยุ่งยากให้แก่สายการบินและผู้โดยสารจำนวนมากเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งคำสั่งห้ามยังครอบคลุมเฉพาะการเดินทางขาเข้าสหรัฐฯ แต่การเดินทางขาออกนอกประเทศ ไปยังประเทศที่อยู่ในรายชื่อนั้น กลับไม่ได้ระบุว่าห้ามพกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขึ้นเครื่อง ซึ่งเรื่องนี้เจ้าหน้าที่กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิแห่งสหรัฐฯ ก็ไม่ได้แสดงความเห็นแต่อย่างใด

ข้อมูลจาก cnbc.com, telegraph.co.uk, cbsnews.com, buzzfeed.com