วันที่ 12 เมษายน 2560 ที่กองปราบปราม พลตำรวจโท ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวภายหลังการประชุมติดตามคดีการฉ้อโกงของบริษัท เวลท์เอเวอร์ กรณีหลอกประชาชนไปทัวร์ญี่ปุ่นกว่า 2 พันคน ว่า ขณะนี้มีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความแล้วประมาณ 470 คน การตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ซินแสโชกุน มีพฤติการณ์หลอกลวงประชาชนแบบนี้มาประมาณ 3-4 ครั้งแล้ว เพียงแต่มีการไกล่เกลี่ยยอมความกันมาโดยตลอด จึงไม่มีหมายจับติดตัว (ถอนหมายจับ) หลังจากที่ก่อเรื่องซินแสโชกุนจะเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุล เพื่อก่อตั้งบริษัทใหม่ เท่าที่ตรวจสอบพบว่าหมอโชกุนเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลมาแล้วเกือบ 10 ครั้ง ยืนยันว่าครั้งนี้ตำรวจจะต้องดำเนินคดีให้ได้ และจะไม่ยอมความแน่นอน เพราะหมอโชกุนมีพฤติการณ์ดังกล่าวมาหลายครั้ง และไม่เข็ดหลาบ กลับมาก่อเหตุซ้ำอีก โดยหลังจากดำเนินคดีจะทำการยึดทรัพย์สินต่อไป เพราะมีลักษณะฉ้อโกงประชาชนจำนวนมาก คล้ายกับแชร์ลูกโซ่ โดยแม่ข่ายเองก็ไม่ทราบว่าโดนหลอก จึงไปชักชวนคนอื่น ๆ มาร่วมด้วย จึงมีผู้เสียหายเป็นพันคน
อย่างไรก็ตามล่าสุดมีผู้ที่กระทำความผิดและถูกดำเนินคดีขณะนี้เพียง 1 คน ส่วนจะมีผู้ร่วมขบวนการหรือไม่นั้นยังไม่มีการยืนยัน เนื่องจากผู้เสียหายไม่เคยพบ ซินแสโชกุน มีเพียงการติดต่อทางไลน์และแม่ข่ายเท่านั้น ส่วนกรณีที่มีการส่งคลิปเสียงผ่านไลน์กลุ่ม ไม่ให้ผู้เสียหายแจ้งความกับตำรวจ และอ้างว่าเหตุที่ต้องยกเลิกเที่ยวบิน เกิดจากผู้เสียหายรวมตัวแจ้งความกับตำรวจ จึงส่งผลกระทบต่อสายการบิน ทำให้สายการบินไม่สามารถส่งเครื่องบินมารับผู้โดยสารได้นั้น ขณะนี้ได้คลิปเสียงนี้แล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะแจ้งข้อหาอื่นกับซินแสโชกุนได้อีกหรือไม่
เมื่อโอนเงินไปทั้งหมดแล้วจะมีแม่ข่าย ชื่อ มาดามซู หรือ พีทชนันท์ เป็นคนดูแล ประสานงานต่าง ๆ ให้ จนกระทั่งเมื่อวานนี้ (11 เมษายน 2560) ตนก็ไปตามเวลานัด และรอนานจนรู้สึกผิดปกติ จึงคิดว่าถูกหลอก ซึ่งขณะนี้ก็ยังติดต่อกับมาดามซู ได้ปกติ โดยได้รับการยืนยันว่าจะได้เงินคืน หากต้องการที่จะยกเลิกการไปเที่ยว