ช่วงเย็นวานนี้ (20 พฤษภาคม 2560) ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่ 1 อำเภอเมืองหนองคาย นายนิมิตร แสงอำไพ นายด่านศุลกากรหนองคาย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบรถยนต์คันหนึ่งที่ขับข้ามมาจาก สปป.ลาว โดยมี นายนิคม สีมารัตน์ อายุ 47 ปี เป็นผู้ขับ และ มีหญิงไทย 6 คน อายุระหว่าง 25-34 ปี นั่งโดยสารมาเต็มคันรถ
ตรวจสอบภายในรถพบถังไนโตรเจนเปล่า 1 ใบ และมีกล่องโฟมปิดเทปกาวแน่นหนา ภายในพบหลอดพลาสติกทรงกรวย ขนาด 2 เซนติเมตร จำนวน 42 หลอด มีการระบุวันที่ อีกทั้งมีกล้องจุลทรรศน์ 1 ตัว และเครื่องสำรองไฟ 1 เครื่อง จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงคุมตัวทั้งหมดไปสอบสวน นานกว่า 1 ชั่วโมง ซึ่งต่างได้ให้ข้อมูลที่ขัดแย้งกัน จนเจ้าหน้าที่พบสมุดบันทึกอยู่ในกระเป๋าสะพายของนางสาวเอ (นามสมมติ) มีการบันทึกรายชื่อผู้หญิง 7 คน ที่ทำการใส่ตัวอ่อน และผลการใส่ตัวอ่อนว่าใครใส่แล้วติด หรือใส่แล้วหลุด เป็นหลักฐาน
ด้าน นายนิมิตร แสงอำไพ นายด่านศุลกากรหนองคาย กล่าวว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ศุลกากรหนองคายได้สืบทราบว่า มีขบวนการอุ้มบุญในประเทศไทย โดยการใช้สถานที่ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งระยะแรกเข้าใจว่าเป็นการให้หญิงต่างชาติเป็นคนฝังตัวอ่อน หรือ อุ้มบุญ แต่ในครั้งนี้เป็นที่ชัดเจนว่าขบวนการอุ้มบุญนี้ ใช้ผู้หญิงไทยเป็นหลัก
ทั้งนี้จากการสอบสวนหญิง ทั้ง 6 คน (รับอุ้มบุญ 5 คน และ นายหน้า 1 คน) ทราบว่า มี นายรัน (Mr.RAN ZHAO ) สัญชาติจีน อายุ 35 ปี อยู่ในกรุงเทพมหานคร เป็นคนว่าจ้าง โดยจะหาผู้หญิงไทยที่มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงและเคยมีลูกแล้วมาทำการฝังตัวอ่อน หรือ อุ้มบุญ หลังคลอดแล้วจะได้ค่าจ้างตั้งแต่ 1-4 แสนบาท นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการพาผู้หญิงไปฝังตัวอ่อนแล้ว 2 ครั้ง คือ วันที่ 4 มีนาคม และ 26 มีนาคม ที่ผ่านมา
สำหรับหญิง ทั้ง 6 คน เดินทางไป สปป.ลาว ตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม โดยมีนายรันเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด และได้ว่าจ้างนายนิคมไปรับหญิงทั้ง 6 คน เข้าไปใน สปป.ลาว เพื่อไปตรวจร่างกายที่สถานบริการแห่งหนึ่งในนครหลวงเวียงจันทน์ แต่พอตรวจร่างกายพบว่าหญิงทั้ง 5 คนมีปัญหา ไม่สามารถฝังตัวอ่อนได้ จึงต้องพากันเดินทางกลับประเทศไทย และถูกเจ้าหน้าที่ตรวจค้นรถดังกล่าว
โดยจากการสอบสวนหญิงรายหนึ่ง ยอมรับว่า ได้รับการติดต่อจากนางสาวเอ ให้มาฝังตัวอ่อนและอุ้มบุญ เพราะช่วงนี้ตนต้องการเงิน จึงปรึกษาสามีและตกลงทำ พอมีประจำเดือนก็จะโทร. บอกนางสาวเอ จากนั้นนางสาวเอก็จะให้ยาบำรุงไข่มากินเช้า-เย็น เป็นเวลา 10 วัน แล้วจึงให้เดินทางไป สปป.ลาว และหากฝังตัวอ่อนสำเร็จจนคลอดเด็กจะได้ค่าจ้าง 3 แสนบาท แต่ตนตรวจสภาพร่างกายไม่ผ่านจึงต้องเดินทางกลับ
อย่างไรก็ตาม นายนิมิตร กล่าวว่า การจากตรวจถังไนโตเจนไม่พบเชื้ออสุจิตัวอ่อน และยังไม่ทราบชัดเจนว่าในหลอดรูปทรงกรวยเป็นอะไร จึงไม่สามารถคุมตัวหญิง ทั้ง 6 ราย ดำเนินคดีได้ ส่วนนายนิคม คนขับรถ แจ้งข้อหาฐานความผิดลักลอบหนีศุลกากร เป็นเงิน 89,880 บาท และยึดของกลางทั้งหมดไว้ ก่อนจะปล่อยตัวไป
ภาพและข้อมูลจาก ข่าวช่อง 8
