จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบตัว นายกฤษณะชัย จันทราศรี อดีตเภสัชกร ซึ่งเป็นคนร้ายฆ่าพ่อแม่ของ 2 พี่น้อง หลังจากที่ผ่านไป 13 ปี คดีไม่คืบ ตามที่เสนอข่าวไปนั้น (อ่านข่าว 2 พี่น้องร้อง ศรีวราห์ คดีเภสัชฆ่าพ่อแม่ 13 ปียังลอยนวล - ตำรวจโชว์รวบทันควัน)
โดยนายกฤษณะชัย ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุจริง อ้างว่าวันเกิดเหตุไม่ได้ตั้งใจจะลงมือฆ่าผู้เสียชีวิต แต่ด้วยปัญหาที่สะสมมากับ น.ส.รัชฎาพร บุญทาทอง (อดีตภรรยา) จึงชักชวน น.ส.ยุพิน (ลูกจ้างนายกฤษณะชัย) ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ไปยังบ้านที่เกิดเหตุ ก่อนเกิดปากเสียงและใช้อาวุธมีดที่นำติดตัวไป ลงมือโดยไม่รู้ตัว และหลบหนี
จนกระทั่งปี 2554 ได้ย้ายมาอยู่ในพื้นที่ สน.ดอนเมือง ประกอบอาชีพรับเหมาก่อสร้าง ขายอาหารตามสั่ง และเปิดร้านขายของชำใช้ชีวิตกับภรรยาใหม่ เช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป พร้อมระบุว่าหลังก่อเหตุ 2 ปีตนเองก็สำนึกผิดมาโดยตลอด และคิดว่าครอบครัวผู้เสียหายจะให้อภัยแล้ว แต่พอมีข่าวออกมาทราบว่า ครอบครัวผู้เสียหายอยู่อย่างทุกข์ทรมานมาตลอด 13 ปี จึงรู้สึกสงสาร และอยากให้ครอบครัวผู้เสียหายอภัยและอโหสิกรรมให้ ซึ่งการอโหสิกรรมก็ไม่ได้หวังว่าตนเองจะพ้นผิด แต่การให้อภัยคือสิ่งที่จะทำให้พ้นทุกข์และเขาจะมีชีวิตที่มีความสุขตลอดไป
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวระบุว่ามีผู้มีอิทธิพลเข้ามาให้การช่วยเหลือผู้ต้องหาจนไม่สามารถจับกุมตัวได้ พ.ต.อ. วิรัช สุมนาพันธุ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เชื่อว่าจะมีผู้ให้การช่วยเหลือ เนื่องจากตนเองทำงานเป็นข้าราชการตำรวจในพื้นที่มานานกว่า 33 ปี แต่หากตรวจสอบพบว่าผู้ใต้บังคับบัญชากระทำการเช่นนั้นจริงก็จะดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญาโดยไม่ละเว้น
ภาพและข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก อีจัน
