ผู้ช่วยพยาบาลสาวเปิดใจ หลังถูกทหาร ที่เป็นแฟนเก่า ซ้อม-ข่มขืน ขู่ฆ่าให้หายสาบสูญ เลิกกันแล้วแต่ยังตามราวีไม่เลิก คุกคามไปที่ทำงาน-เพื่อน
จากกรณีที่เฟซบุ๊ก แหม่มโพธิ์ดำ ได้โพสต์ข้อความจากสมาชิกเพจรายหนึ่งที่ระบุว่า เป็นผู้ช่วยพยาบาล และมีแฟนเก่าเป็นนายทหาร ถูกทำร้ายร่างกาย ยึดทรัพย์สิน เอกสารสำคัญ อีกทั้งยังข่มขู่ว่าจะฆ่าให้ตาย รวมทั้งยังใช้กำลังข่มขืน และถ่ายรูปเก็บไว้ ไม่แน่ใจว่ามีคลิปด้วยไหม และยังตามราวีไม่เลิกนั้น
แจง : หนูอายุ 25 ทำอาชีพผู้ช่วยพยาบาล หนูคบกับผู้ชายคนหนึ่ง คบกันได้สักพักเขาชวนหนูให้มาอยู่ด้วย เพิ่งมารู้ว่าเป็นทหาร ยศร้อยตรี อายุ 51 ยินยอมคบตอนนั้นอาจด้วยความอาจหลงหรือรักเลยไปอยู่กับเขาในค่ายทหาร พอไปอยู่ได้สักพักหนึ่ง ความคิดไม่ตรงกัน อายุมันก็ห่างกัน
- เขามีลูกไหม ?
แจง : มีค่ะ มีลูก 3 คนแต่เลิกกับภรรยาแล้ว ลูกอยู่ในบ้านนี้ 1 คน ก่อนหน้านั้นเขาไม่เคยทำร้ายร่างกาย แต่จะชอบใช้อารมณ์ หนูไม่ชอบที่เขาใช้อารมณ์ จนมาวันหนึ่งหนูไปรู้จักเพื่อนชายอีกคนหนึ่ง ซึ่งหนูอยู่กับคนนี้ หนูรู้สึกว่าหนูมีความสุข ความคิดเดียวกัน ไม่เคยมาด่าว่าเรา มันก็สบายใจกว่า เขาก็ไม่พอใจ เขารู้จากการที่เขาวิดีโอคอลมาแล้วหนูอยู่กับผู้ชายคนนี้ เขาไม่พอใจ ก็จบกันวันนั้นเลย
- แล้วมีปัญหาอะไร ?
แจง : พอมารุ่งเช้า เขานัดให้หนูไปเคลียร์เรื่องเงิน หนูคิดว่าเงินแค่ 5 หมื่นหนูสามารถเคลียร์ได้ เป็นเงินที่หนูยืมให้เพื่อนค่ะหนูก็ไปค่ะ พอเข้าไปก็เหมือนคุยกันเรื่องส่วนตัว แล้วมันไม่ได้ตามที่เขาต้องการ ก็ขอเลิกแต่เขาไม่ยอมเลิก เขาก็ถาม พอไม่ได้คำตอบที่เขาคิด เขาก็ตบที่หน้าเลยค่ะเยอะมาก เรียกว่าซ้อมค่ะ แต่ไม่เตะไม่ต่อย ก็ต้องสู้ค่ะตอนนั้นจนไม่ไหวแล้วจริง ๆ เขาโทร. ไปด่าเพื่อนชายคนนั้น หนูเลยตะโกนว่าให้มาช่วยหน่อยหนูไม่ไหวแล้ว ประมาณ 5 นาทีได้ ผู้ชายคนนั้นก็มาช่วยในค่ายทหาร คือข้าง ๆ เป็นประตูเล็ก คนนอกเข้าได้ เป็นหอพักในค่ายทหาร คนเข้ามาได้ค่ะ เพื่อนชายเขารออยู่ข้างนอก เพราะเขากลัวเราไม่ปลอดภัย เขาเลยไปเป็นเพื่อน แล้วเราก็วิ่งออกมา ไม่มีการต่อสู้ เพื่อนชายหนูจะล็อกเขาให้หนูออกมา หนูก็ไปแจ้งความ ตำรวจบอกว่าเป็นแค่คดีของครอบครัว ให้หนูไปเคลียร์กับเขาก่อนมั้ย
ทนาย : เป็นได้ คดีครอบครัว ถึงแม้ว่าไม่ได้จดทะเบียนสมรสก็สามารถเป็นได้ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งกฎหมายจะให้สิทธิสำหรับคดีอย่างนี้
- เขาไม่ได้จดทะเบียน ไม่ได้แต่งงาน ใช้คำว่าครอบครัวได้เหรอ ?
ทนาย : ได้ครับ เป็นแฟน มันมีกฎหมายคุ้มครองมา ไม่ต้องจดทะเบียนสมรส หรือแม้แต่กรณีการอ้างเหตุบันดาลโทสะ ยิงทิ้ง หรือไปเจอเป็นชู้กันอย่างนี้ ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนสมรสนะครับ ก็อยู่กินกันมา
- พอหนีออกมาได้ก็น่าจะจบ ?

แจง : ก็ไปแจ้งความ ตำรวจเขาให้มาเคลียร์กันก่อน ถ้าไม่ได้จริงให้หนูไปฟ้องผู้บังคับบัญชาเขา ตอนนั้นไม่รู้จะทำยังไง หนูตัวคนเดียว หนูก็ปรึกษาเพื่อนทุกคนว่าหนูต้องทำยังไง เพื่อนก็บอกว่าให้ลองไปตามเพจนี้ดู จนวันศุกร์ค่ะ หนูมาทำงาน เขามาดักรอหนูที่โรงพยาบาล เขาก็มาขอเคลียร์เรื่องเงินอีกรอบ ตอนนี้ส่งเรื่องที่เพจแหม่มโพธิ์ดำแล้ว เขาก็ขอเคลียร์เรื่องแยกทางกันอีกรอบ พอเคลียร์ไม่ได้เขาก็ตบหนูที่โรงพยาบาล คนเห็นเยอะเลย ตรงนั้นเป็นโอพีดี
- มีกล้องวงจรปิดจับภาพ ?
แจง : น่าจะมีค่ะ แต่ยังไม่ได้ขอค่ะ เหตุการณ์เพิ่งเกิด
ทนาย : ทำแบบนี้ไม่ได้นะ นี่เรื่องใหญ่นะ สถานที่ราชการนะ
แจง : เข้าไปตบปุ๊บเขาก็ขู่ว่าเขาสามารถเอาหนูออกจากงานได้ ซึ่งงานกว่าหนูจะได้ ตอนนั้นหนูแค่คิดว่าไม่ได้ เขาก็ลูบกระเป๋าว่าเขาทำอะไรได้มากกว่าที่คิด เขามีปืนในกระเป๋าสะพาย เขาบอกว่าเขาทำอะไรได้มากกว่าที่หนูคิด ถ้าไม่อยากตายในโรงพยาบาล ก็ให้ไปกับเขา
ทนาย : พูดกลางห้องเลยเหรอ
แจง : พูดกลางห้องค่ะ แต่ไม่ได้เสียงดังมาก เขาบอกว่ามึงอย่าคิดนะว่ากูทำอะไรไม่ได้ กูทำอะไรได้มากกว่าที่มึงคิด ถ้ามึงไม่อยากตายกลางโรงพยาบาลมึงก็ไปกับกู ไปคุยกับกูที่กรม หนูก็ต้องไป หนูต้องเอาชีวิตหนู
- ไปถึงแล้วเป็นยังไง ?

แจง : เขาก็เคลียร์เรื่องนี้ สรุปแยกทางกันอีกรอบ เขาบอกว่ารถเขาจะไม่คืน ถ้าจะไปก็ต้องไปแต่ตัว แรกที่เข้าไปเคลียร์เขายึดทุกอย่างของหนูไปหมดเลย เขาบอกว่าให้หนูไปได้แต่ตัว วันนั้นมันเอาไม่ได้เพราะเขาบอกว่าเขาไม่ให้ รถเป็นชื่อหนู จ่ายเอง ผ่อนเองหมดเลย ดาวน์เอง ไม่มีเงินเขาสักบาท
- นายทหารล่วงละเมิดทางเพศถ่ายคลิป ขู่จะฆ่าให้ตาย วันที่ 4 คืนวันเสาร์ เขาพูดยังไง ?
แจง : ก็ดูข่าวน้องน้ำที่ฆ่าฝังศพ เขาบอกว่าถ้าหนูหนีเขาไปเขาจะไม่ฆ่าฝังศพอย่างนี้แน่นอน แต่เขาจะทำยังไงก็ได้ให้ศพหนูหายไปภายใน 7 วัน ซึ่งระบุมาว่าเขาจะเอาไปทิ้งในบ่อจระเข้ ตอนนั้นหนูก็รู้สึกระแวงว่าเขาจะฆ่าหนู เขาจะทำอะไรหนูก็ได้เพราะหนูอยู่กับเขา พอวันอาทิตย์หนูก็ทำทุกอย่างให้เป็นปกติเพื่อให้รู้ว่าหนูไม่หนีไปจากเขาแน่นอน จนมาถึงวันจันทร์หนูก็ไปทำงานโดยขี่มอเตอร์ไซค์ของเขาไปที่โรงพยาบาล แล้ววันนั้นหนูมานั่งคิดว่าหนูอยู่อย่างนี้ไม่ได้ เพราะหนูต้องมานั่งระแวงตลอดเวลา หนูเลยตัดสินใจออกจากโรงพยาบาลไปปรึกษาที่ สน. โดยนำใบแจ้งความไป ตอนนั้นเขาไม่ได้ตามเขาคิดว่าหนูไปทำงาน เพราะเขามีคลิปอยู่ในมือ หนูต้องกลัวเขา สน. แนะนำให้ไปร้องเรียนที่ทำเนียบ สน. แจ้งว่าเป็นเรื่องของครอบครัว หนูไปอีก สน. หนึ่ง เขาบอกว่าถ้าอยากให้เรื่องเร็วลองไปร้องเรียนดู หนูก็ไปร้องค่ะ
- ตอนนี้มีผลอะไร ?
แจง : เจ้าหน้าที่แจ้งว่า 15-30 วัน ซึ่งหนูคิดว่ามันนานเกินไป ความปลอดภัยในชีวิตหนูตอนนี้ก็ไม่มีแล้วเพราะเขารู้แล้วว่าหนูออกจากเขามาแล้ว
- วันนี้จะทำยังไง เมื่อวานอยู่ยังไง ?
แจง : อยู่หลบ ๆ ซ่อน ๆ เขาก็โทร. แต่หนูบล็อกเบอร์ ตอนนี้ก็อยู่หลบ ๆ ซ่อน ๆ อยากได้รถคืนเพราะเป็นชื่อหนู หนูดาวน์ หนูผ่อน
- ทีมงานได้ติดต่อ เขาบอกว่าเขาไม่รู้เรื่องนี้เลย เกิดอะไรขึ้น หลังจากนั้นก็บอกว่ารถถ้าจะมาเอาก็ให้มาเอา ?
แจง : ก่อนหน้านี้เขาพูดเลยว่าเขาไม่ให้ หนูไม่ทราบว่าเพราะอะไรเขาถึงไม่ไห้เพราะสะใจหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ เขาปรึกษาลูกคนโต อายุ 32 บอกว่าไม่ให้ ถ้าให้มันก็หนีจากพ่อไป พ่อจะให้มันทำไม
ทนาย : ฟังดูแปลก ๆ คือเหมือนน้องมีบางอย่างที่ปิดบังไว้ ไม่รู้เรื่องอะไร ที่พูดมามีความจริงแค่ไหนบ้าง ต้องดูพยานหลักฐานด้วยนะ คุณไปตีกันในโรงพยาบาล คิดว่าโรงพยาบาลยอมเหรอ ทำไมไม่มีการแจ้งความร้องทุกข์กันตอนนั้น
แจง : ตอนนั้นเขาเอาหนูไป หนูก็ไม่ได้ไปไหนอีกเลย
ทนาย : โรงพยาบาลไม่เอาเรื่องเหรอ
แจง : ตรงนั้นมีแต่คนไข้ค่ะ
ทนาย : ทำไมโรงพยาบาลไม่เอาเรื่องในเมื่อมีคนไข้ พยาบาลก็ต้องเห็นสิ
แจง : หนูก็ไม่ทราบค่ะ
ทนาย : เรื่องรถต้องบอกก่อนถ้าในเรื่องทรัพย์สิน ถ้าเป็นของเขา คนอื่นไม่มีสิทธิ์ได้นะ คุณเอาของเขาไปก็ต้องเอามาคืน ถ้าไม่มาคืนมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์ ลักทรัพย์แล้วแต่พฤติการณ์ ในคดีนี้ที่บอกว่าทำร้ายร่างกาย ถ้าทำร้ายร่างกายจริง ผลตรวจร่างกายต้องมี
- แล้วมีไหม ?
แจง : วันที่ต้องไปตรวจร่างกาย เขาไปตามหนูที่โรงพยาบาล หนูไม่สามารถตรวจร่างกายได้ เพราะหนูไม่ได้ตรวจที่โรงพยาบาลที่หนูทำงาน หนูไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกโรงพยาบาลหนึ่ง
- สรุปตรวจหรือไม่ตรวจ ?
แจง : วันนั้นไม่ได้ตรวจค่ะ ตอนนี้ก็ไม่ได้ตรวจเหมือนกัน
ทนาย : ไม่ได้ไปตรวจร่างกายเลยว่าได้ไปทำร้ายจริงหรือเปล่า
แจง : แต่ได้ไปทำเรื่องแล้วค่ะ
ทนาย : แต่ไม่เคยตรวจเลย มันก็ไม่รู้ว่าถูกทำร้ายจริงหรือเปล่าไง มันต้องมีการตรวจร่างกาย ต้องมีหลักฐานพยานยืนยัน เราจะไปว่ากล่าวใคร ตามกฎหมายต้องมีหลักฐาน คุณถูกทำร้ายร่างกายจริงมั้ย ถูกข่มขืนจริงมั้ย มีร่องรอยการร่วมเพศจริงมั้ย ผมว่าในประเด็นแบล็กเมล์และถ่ายคลิปเป็นเรื่องใหญ่นะ
- เรื่องเกิดวันเสาร์ วันนี้วันพุธ ไปตรวจวันนี้ทันไหม ?
ทนาย : ทัน
แจง : หลังจบรายการไปได้เลยค่ะ
- เรื่องรถนี่ยังไง ?
ทนาย : เรื่องรถต้องเอามาคืนเขาเพราะเป็นชื่อเขา ส่วนจะไปเอาเงินดาวน์อะไรจากใครไม่รู้ แต่ต้องเอามาคืนเขา ไม่คืนก็ติดคุกสิครับ ส่วนที่ลูกชายเขาพูดผมว่าฟังดูแปลก ๆ นะ ทำไมต้องพูดแบบนี้ แสดงว่าที่มาของรถคันนี้แปลก ๆ แล้ว
แจง : ไม่แปลกค่ะ เป็นเงินของหนูหมดทุกบาท หนูดาวน์เอง ผ่อนเองทุกงวด
- เขาอ้างได้มั้ยว่าไปจอดทิ้งไว้แล้วไปเอาเอง ?

ทนาย : เขามีพยานบุคคล เพื่อนชายเขาก็ไป ไอ้ที่ไปล็อกคอวิ่งหนีออกมาไม่มีคนเห็นเลยเหรอ
แจง : มันเป็นแฟลตค่ะ ตอนนั้นเป็นช่วงทำงาน มันอาจจะมีกล้องตรงนั้นก็ได้
ทนาย :ได้บอกตำรวจให้ไปเอากล้องมั้ย
แจง : ตำรวจบอกหนูให้ไปบอกผู้บังคับบัญชาเขาก่อน
ทนาย : ได้ติดต่อหรือยัง
แจง : หนูไม่ทราบว่าหนูต้องไปติดต่อยังไง หนูเลยยังไม่ได้ไปติดต่อ
ทนาย : เรื่องไม่ยอมคืนรถเรื่องเล็กกว่าข่มขืนอีกนะ ข่มขืนโทษหนักกว่านะ ถึงจะอยู่ด้วยกันก็จริง แต่สภาวะตอนนั้นจะเป็นแฟนมั้ยล่ะ ไปต่อยที่โรงพยาบาลอย่างนี้
- ข้อกฎหมายบอกว่าสามีข่มขืนภรรยายังผิด ?
ทนาย : ก็ผิดไงครับ อันนี้ไม่ใช่สามีภรรยา เป็นแฟน แล้วก่อนหน้าที่จะมีอะไรกัน มีการบังคับ พยานหลักฐานก็มี
- แบบนี้ดูในมุมทนาย คิดว่าไหวไหมถ้าวันนี้เขาจะมีข้ออ้าง ?

ทนาย : คดีทางเพศนี่ผู้หญิงได้เปรียบนะ ผู้ชายจะซวย ถ้าเป็นนายทหารจริง ๆ เผลอ ๆ เคสนี้ออกจากราชการนะครับ ผมเลยงงว่าทำไมไม่เอาทรัพย์สินมาคืนเขา จะได้จบ ๆ กันไป
- สุดท้ายจะเอายังไงต่อไป ?
แจง : หนูอยากได้รถหนูคืน เพราะหนูต้องมานั่งผ่อน หนูลำบากเวลาต้องไปไหนต่อไหน หนูไม่อยากให้เขามาวุ่นวายชีวิตและคนรอบข้างหนู โทร. ไประรานเพื่อน หาเพื่อนตลอดเลย ตอนนี้เพื่อนเครียดมากเลย






