ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นำแถลงจับแก๊งสวมบัตร ยัน ณิชา เป็นเหยื่อ-บัญชี 6 ล้านบาท ไม่โยงผู้ต้องหา แต่เป็นเงินจากการทำธุรกิจ วันที่ 17 มกราคม 2561 พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะ แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาที่ใช้บัตร ATM ของนางสาวณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ เพื่อนำไปเปิดบัญชี หลอกลวงเอาทรัพย์สินของผู้เสียหาย
โดยมี นายอายัค ไซม่อน อีโก้ สัญชาติแคเมอรูน
เป็นหัวหน้าแก๊งโรแมนซ์สแกม ทำการว่าจ้างหญิงสาวชาวไทย 3 คน ประกอบด้วย
นางสาวเจรติ สายสิน, นางสาวปวีณา สิงห์วิบูล และ นางสาวพรหมพร
พงษ์เจริญคุณากร เพื่อให้ไปเปิดบัญชีธนาคาร
ใช้ในการรับโอนเงินจากผู้เสียหาย จำนวน 8 ธนาคาร รวม 10 บัญชี
และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ครบ ทั้ง 4 คนแล้ว
ซึ่งคดีนี้มีการกระทำความผิดเกี่ยวข้องเชื่อมโยงในหลายพื้นที่ ทั้งกรุงเทพฯ
จ.นนทบุรี และ จ.ตาก ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ระบุว่า ขณะนี้จากพยานหลักฐานที่ปรากฏทั้งจากการสอบปากคำผู้ต้องหา
เจ้าหน้าที่ธนาคาร และนางสาวณิชา พบว่า นางสาวณิชา
ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ต้องหา และเป็นผลมาจากการทำบัตรประชาชนหาย
ก่อนที่จะถูกกลุ่มผู้ต้องหานำไปเปิดบัญชีธนาคารเพื่อรับโอนเงินจากผู้เสียหาย
และตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงในพื้นที่ จ.ตาก โดยผู้ต้องหาก็ยืนยันว่า
ไม่รู้จักกับนางสาวณิชาแต่อย่างใด
ขณะที่ พล.ต.ต.
สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ระบุว่า
แนวทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่ามีข้อสงสัยหลายประเด็น
ทั้งการทำบัตรประชาชนหายที่ร้านสะดวกซื้อ จากนั้น นางสาวปวีณา ผู้ต้องหา
ได้มาเก็บบัตรของนางสาวณิชาไปเพื่อเปิดบัญชี
ส่วนที่มีการโอนเงินจากบัญชีของนางสาวณิชา บัญชีจริง เนื่องจากนางสาวปวีณา
ทราบว่า นางสาวณิชา ได้เปิดบัญชีธนาคารเดียวกันไว้
จึงอ้างตัวเป็นนางสาวณิชา เพื่อขอหลักฐานในการโอนเงินให้สะดวกขึ้น
และเมื่อนางสาวณิชาทราบว่า มีความเคลื่อนไหวในบัญชีผิดปกติ
จึงแจ้งถอนเงินออกจากบัญชี
นางสาวปวีณาจึงโทร. ไปสอบถามกับทางธนาคารว่าใครเป็นผู้ถอนเงินทางธนาคาร
จึงแจ้งว่านางสาวณิชาเป็นคนถอนเงินไป นางสาวปวีณา
จึงได้ขอเบอร์ติดต่อและทำทีอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารโทร. กลับไปหานางสาวณิชาเพื่อสอบถามว่าได้ถอนเงินออกไปจากบัญชีหรือไม่
จึงเป็นที่มาว่า เหตุใดผู้ต้องหาจึงโทรศัพท์ติดต่อกับนางสาวณิชา
โดยใช้เวลา 29 วินาที ส่วนประเด็นของเงินหมุนเวียนในบัญชี
จำนวน 6 ล้านบาท ของนางสาวณิชานั้น พบว่ามีความเคลื่อนไหวตั้งแต่ปี 2554
ซึ่งไม่ใช่เป็นเงินก้อนเดียวจำนวน 6 ล้านบาท
แต่เป็นเงินที่มีการหมุนเวียนเข้าบัญชีเนื่องจากการทำธุรกิจ
เฉลี่ยเดือนละประมาณ 3 แสนบาท
และไม่มีความเกี่ยวข้องกับเงินที่รับโอนจากแก๊งของผู้ต้องหาแต่อย่างใด
ขณะที่วันนี้
นางสาวณิชา และพี่สาว ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.อ. จักรทิพย์
เพื่อแสดงความขอบคุณ ที่ไขคดีให้เกิดความกระจ่างชัด
เพราะที่ผ่านมาการใช้ชีวิตของตนเองก็ไม่ปกติ ต้องไปพบตำรวจ ไปพบสื่อ
เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง
และเหตุการณ์ครั้งนี้จะเป็นบทเรียนสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตของตนเอง