

ชายคนนี้ลงทุนปั่นจักรยานข้ามประเทศ จากอินเดีย ไปถึงสวีเดน เพื่อให้ได้เจอคนที่เขารัก กับเรื่องราวความรักที่จะเข้ามาเปลี่ยนชีวิตชายคนหนึ่งไปอย่างสิ้นเชิง
หลายครั้งที่ความรักมักนำพาสิ่งที่แสนวิเศษมาสู่ชีวิตของเรา และสำหรับ พีเค มหานันเดีย ชายอินเดียรายนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่เชื่อว่าความรักที่เขามีอยู่นี้ คือสิ่งที่ช่วยเปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล
โดยเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2561 เว็บไวต์ไลฟ์บัซ ได้หยิบยกเรื่องราวชีวิตของชายคนนี้มานำเสนอ เผยว่า มหานันเดีย เกิดมาในวรรณะดาลิต ทางภาคตะวันออกของประเทศอินเดีย ชีวิตของเขาในวัยเด็กต้องเผชิญกับความยากจน อีกทั้งคนที่อยู่ในวรรณะดาลิตอย่างเขาก็ยังเป็นที่รังเกียจในชุมชนอีกด้วย แม้จะได้เข้าโรงเรียน แต่เขากลับไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามานั่งร่วมห้องเรียนกับเพื่อน ๆ ต้องคอยเงี่ยหูฟังเนื้อหาที่ครูพูดจากนอกห้อง
"ผมอยู่ต่ำยิ่งกว่าสุนัขและวัว ตอนที่ผมเข้าใกล้วัด ผู้คนมักจะขว้างหินใส่ผม คนเหล่านั้นผมไม่มีวันลืม" มหานันเดีย เล่าถึงเรื่องราวในวันวาน สิ่งต่าง ๆ มักเป็นเช่นนั้น จนกระทั่งวันที่โรงเรียนของเขาได้มีโอกาสต้อนรับผู้ตรวจสอบโรงเรียนชาวอังกฤษ ที่เดินทางมาประเทศอินเดียพร้อมกับภรรยา ในวันนั้นเป็นครั้งแรกที่มหานันเดียได้รับอนุญาตให้เข้ามานั่งอยู่หลังห้องเรียน
ช่วงเวลาหลังจากนั้น แม่ของมหานันเดีย ได้เคยทำนายดวงชะตาของเขาไว้ว่า เขาจะได้แต่งงานกับหญิงผิวขาว ผู้มาจากดินแดนอันแสนไกล เธอคนนี้จะมีราศีพฤษภ มีความเกี่ยวข้องกับดนตรี และยังเป็นเจ้าของผืนป่า ซึ่งแม้ว่าทำคำนายนั้นจะฟังดูเป็นเหมือนเรื่องเหลือเชื่อ แต่มหานันเดียก็ได้เก็บคำทำนายของแม่ไว้ในใจเสมอมา

กระทั่งปี 2518 มหานันเดียในฐานะนักเรียนด้านศิลปะผู้ยากจน ก็ได้เริ่มสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองด้วยการวาดภาพเหมือนของเหล่าคนดังออกมาวางขาย จนในที่สุดเขาก็ได้เข้ามารับจ๊อบวาดภาพเหมือนอยู่ที่จัตุรัสในคอนนอจ เพลส ของเดลี สถานที่ที่เขาจะได้พบกับบุคคลแห่งโชคชะตา
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ชาร์ล็อตต์ วอน สเกวิน สาวชาวสวีเดนวัย 20 ปี ซึ่งมีความหลงใหลในประเทศอินเดีย ก็ได้เดินทางตามความฝันมาสัมผัสความงดงามของประเทศแห่งนี้ ตอนนั้นเองที่หญิงสาวได้วิ่งเข้าไปหานักวาดภาพคนหนึ่ง ขอให้เขาช่วยวาดภาพเหมือนแก่เธอ
มหานันเดียคือนักวาดภาพคนนั้น เขายอมรับว่าตัวเองค่อนข้างจะมือสั่นตอนที่วาดภาพของเธอ มันทำให้ภาพนั้นไม่ใช่ภาพที่ดีที่สุด แต่หญิงสาวคนนี้ก็บอกเขาว่า จะกลับมาอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น ซึ่งมหานันเดียก็เฝ้ารอคอยเธออย่างใจจดใจจ่อ และอดคิดไม่ได้ว่าเธอคนนี้จะใช่ผู้หญิงในคำทำนายของแม่หรือไม่

ขณะที่ชาร์ล็อตต์เองก็ค่อนข้างช็อกกับสิ่งที่ได้รู้ อย่างไรก็ตามเธอรู้สึกดีกับเขา และก็ตัดสินใจทำตามสิ่งที่หัวใจต้องการด้วยการไปพบพ่อของมหานันเดีย ทั้งคู่ได้รับคำอวยพรจากคนในหมู่บ้าน แต่น่าเสียดายที่พวกเขามีเวลาอยู่ด้วยกันเพียง 1 เดือนเท่านั้น ก่อนที่หญิงสาวจะต้องกลับบ้านเกิดในสวีเดน
เนื่องจากมหานันเดียยังเหลือเวลาอีก 1 ปี ก่อนเรียนจบ ทำให้เขาต้องอยู่ที่อินเดีย เขากับคนรักต้องพรากจากกัน ซึ่งคนส่วนมากก็มั่นใจว่าความรักของทั้งคู่ต้องพ่ายแพ้ให้กับระยะทางอันห่างไกล แต่ใครจะรู้ว่ามหานันเดียผู้นี้ไม่ปล่อยให้ระยะทางและพรมแดนใด ๆ เป็นอุปสรรค หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เขียนจดหมายส่งไปหาชาร์ล็อตต์ในปี 2520 แจ้งว่าเขาจะขี่จักรยานจากอินเดียไปหาเธอถึงบ้านที่สวีเดน
มหานันเดียไม่ได้ล้อเล่น เขาเริ่มพาจักรยานคู่ใจปั่นไปหาคนรักที่อยู่ต่างแดนจริง ๆ พร้อมกับเงินสด 80 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,500 บาท) ในกระเป๋า ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ไม่ชอบการปั่นจักรยาน แต่ถ้ามันจะพาเขาไปหาคนที่รักได้ เขาก็ยินยอม ซึ่งแน่นอนว่าการเดินทางเป็นระยะทางร่วม 3,540 กิโลเมตร ไม่ใช่การเดินทางที่ง่าย เขาต้องใช้เวลาถึง 4 เดือน กว่าจะบรรลุเป้าหมาย และที่สำคัญคือตลอดการเดินทางเขาก็ยังคงรับจ้างวาดรูปเหมือนไปเรื่อย ๆ ทำให้ตอนที่มาถึงสวีเดนนั้น เขาก็มีเงินเพิ่มมาถึง 800 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 25,000 บาท)
มหานันเดียได้พบหน้าคนที่เขาเฝ้าคิดถึงทุกคืนวันอีกครั้ง ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2520 และนับจากวันนั้นพวกเขาก็ไม่พรากจากกันอีกเลย จนบัดนี้เวลาผ่านมา 40 ปีแล้วที่พวกเขาได้อยู่ด้วยกัน แต่ความรักของมหานันเดียและชาร์ล็อตต์ก็ยังไม่เปลี่ยนไป แถมยังมีโซ่ทองคล้องใจเป็นลูกอีก 2 คนด้วย

นอกจากจะมีชีวิตครอบครัวที่ดีแล้ว ทั้งคู่ก็ยังไม่ลืมที่จะมอบสิ่งดี ๆ สู่คนอื่น ด้วยการให้การสนับสนุนทุนการศึกษาแก่คนที่อยู่ในวรรณะดาลิต และยังช่วยกันส่งเสริมศิลปะในท้องถิ่นของอินเดียด้วย สิ่งที่เขาทำนั้นยังทำให้เขาเคยได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลโนเบลเลยทีเดียว
แม้ว่าจุดเริ่มต้นในชีวิตของมหานันเดีย อาจไม่ได้ดีนัก แต่ด้วยความรักและความพยายามที่เขามีก็ทำให้เขาได้มีชีวิตที่ดีขึ้น อีกทั้งการได้มีผู้หญิงคนนี้อยู่เคียงข้าง ก็ทำให้เขารู้สึกเป็นอิสระ และเปลี่ยนมุมมองต่อตัวเองไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งมหานันเดียเผยว่า พลังแห่งรักที่เขามีทำให้เขาให้อภัยแก่คนที่ปาหินใส่จนหมดสิ้น และเขาก็หวังว่าเรื่องราวของเขาจะสร้างแรงบันดาลใจรวมถึงความหวังแก่คนอื่น ๆ ได้เช่นกัน

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Dr P.K Mahanandia






