เพจดังโพสต์เตือนสติชาวโซเชียล ปมเทียบคดี ยู่ยี่ กับ ติ๊งค์ พันธิตร ครอบครองยาเสพติด แต่โทษต่าง ชี้ คนละข้อหา อย่าโยงมั่ว
จากกรณีที่ นายพันธิตร มหาเปารยะ หรือ ติ๊งค์ อายุ 27 ปี ลูกเลี้ยงของ นายกรณ์ จาติกวณิช ถูกจับในข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครอง หลังพบมีโคเคนและอุปกรณ์การเสพ ซึ่งศาลได้อนุญาตให้ประกันตัวด้วยวงเงิน 10,000 บาท จนกระทั่งมีชาวโซเชียลหลายราย ได้นำคดีนี้มาเทียบกับคดีของ ยู่ยี่ อลิสา อดีตนางแบบดัง ที่โดนจับคาสนามบินดอนเมือง เมื่อปี 2555 เหตุซุกโคเคนในกระเป๋าเดินทาง จากเวียดนามเข้าไทย และถูกสั่งจำคุก 15 ปี ปรับ 1.5 ล้านบาท พร้อมวิพากษ์วิจารณ์ถึงกระบวนการยุติธรรมของไทยนั้น
ล่าสุด (5 พฤษภาคม 2561) เพจดัง Drama-addict ได้ออกมาโพสต์เตือนสติชาวโซเชียลเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ทั้ง 2 คดี เป็นคนละประเด็นกัน ของยู่ยี่โดนจับที่สนามบิน เป็นข้อหานำเข้ายาเสพติดสู่ราชอาณาจักร ซึ่งโทษหนักมาก เหมือนกันแทบทุกประเทศ ไม่ว่าจะมากจะน้อยก็คือนำเข้า โทษสูงสุดเหมือนกันหมด ส่วนกรณีลูกเลี้ยงกรณ์ ก็ตามข่าว โดนจับในประเทศ ข้อหาครอบครองยาเสพติด ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รัฐทำนโยบายแก้ปัญหายาเสพติดแบบใหม่ คือเน้นเอาผู้เสพมาบำบัดแทน มีโทษทางปกครอง แต่ลดโทษทางอาญาลง ซึ่งเป็นแนวทางที่สหประชาชาติและองค์การอนามัยโลกแนะนำให้ทุกประเทศนำไปใช้ คือทั้ง 2 คดี เป็นไปตามหลักกฎหมาย กรณีของ ติ๊งค์ พันธิตร ไม่ได้มีสิทธิพิเศษแต่ประการใด และตอนยู่ยี่ถูกจับ ก็ประกันตัวมาสู้คดี และเงินประกันก็เท่ากันด้วย
ขณะที่ทางเพจ นักกอดหมอนออนไลน์ ก็ได้โพสต์ถึงคนที่นำ 2 คดีนี้มาโยงกัน แถมยังโจมตีระบบยุติธรรมไทยว่า 2 มาตรฐาน ว่าเปรียบเทียบได้แย่มาก คดีหนึ่งเป็นคดี "นำเข้า" ที่ตัดสินไปแล้ว ส่วนอีกคนผิดฐาน "ครอบครอง" และในคดีของนางแบบสาว ก็วงเงินประกัน 10,000 บาท เช่นเดียวกัน แล้วจะเป็น 2 มาตรฐาน ได้อย่างไร
ด้านเพจ ทนายตัวแสบ:Badass Attorney ก็ได้มาโพสต์ข้อความในทางเดียวกัน ว่า ยู่ยี่ ถูกจับข้อหา "ครอบครองและนำเข้ายาเสพติดเข้ามาในราชอาณาจักร" ส่วนลูกเลี้ยงคุณกรณ์ ถูกจับแค่ "ครอบครองยาเสพติด" ถ้าเทียบเรื่องครอบครอง คือโทษมันเท่ากัน แต่ของยู่ยี่ เจอหนักที่เรื่องการนำเข้านั่นเอง
