จากกรณีคลิปวิดีโอที่ครอบครัวหนึ่งได้ยืนมีปากเสียงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มาบตาพุด จ.ระยอง หลังถูกเขียนใบสั่ง เพราะจอดในที่ห้ามจอด จนถูกขุดคุ้ยประวัติว่ามีพฤติกรรมเคยกระทำลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง จากหลายพื้นที่ทั่วประเทศ อีกทั้ง น.ส.หทัยรัตน์ สมถวิล หนึ่งในผู้ก่อเหตุได้ระบุว่า ตัวเองเรียนจบนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จนกลายเป็นข่าวโด่งดัง ซึ่งต่อมาได้มีการนำชื่อเจ้าตัวไปค้นข้อมูลนักศึกษาแต่กลับไม่พบ กระทั่งต่อมาต้องออกมายอมรับว่า ไม่ได้จบนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แค่แอบอ้าง เพราะไม่ชอบตำรวจ ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
โดยทนายตั้ม ได้บอกกับครอบครัวนายพยอม ว่า สิ่งที่ตำรวจทำนั้น ถือว่าทำได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ และที่ตำรวจเข้าระงับเหตุ หลังจากที่ลูกชายของนายพยอม และ น.ส.หทัยรัตน์ แสดงท่าทางเหมือนกับจะทำร้ายเจ้าหน้าที่ ตำรวจก็สามารถทำได้เช่นกัน เพราะถือว่าเป็นการเข้าจับกุม ซึ่งในคลิปจะเห็นได้ว่าเด็กได้มีการกระทำผิดจริง เห็นชัดว่าลูกชายจะเข้าไปชกตำรวจ เพราะฉะนั้นจึงไม่ถือว่าตำรวจกระทำเกินกว่าเหตุ พร้อมทั้งแนะนำให้ครอบครัวนายพยอม อย่าอารมณ์ร้อน เพราะผลที่ออกมาไม่ดีต่อครอบครัว และอยากให้ไปรับสารภาพว่าทำผิดจริง ขอโทษตำรวจ ขอโทษสังคมอย่างจริงใจ เพื่อครอบครัวจะได้ไม่ตกเป็นจำเลยสังคม ไม่ต้องโดนขุดคุ้ยข้อมูลเก่า ๆ และถูกโจมตีจากโซเชียลอีก เรื่องหนักจะได้กลายเป็นเบา
ส่วนที่ไปแจ้งความตำรวจก็ขอให้ไปถอนแจ้งความ และพาลูกชายไปขอโทษตำรวจด้วย ทั้งนี้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งการให้อภัย หากขอโทษ ยอมรับผิด อาจจะทำให้คนไทยมองครอบครัวนายพยอมดีขึ้นบ้าง แต่ก็ไม่ใช่ว่าขอโทษแล้วเรื่องทุกอย่างจะจบลง หรือตำรวจจะไม่เอาเรื่อง ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย
ด้านนายพยอม เปิดเผยว่า รู้สึกสบายใจขึ้นและพร้อมจะทำตามคำแนะนำ จะไปขอโทษตำรวจ จะได้กลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิม หลังจากคลิปถูกเผยแพร่ออกไปก็รู้สึกเครียดเพราะถูกสั่งพักงาน แล้วตนเป็นหัวเรือใหญ่ต้องดูแลครอบครัว ญาติพี่น้องอีกประมาณ 9 คน ตอนนี้เดือดร้อนมาก เนื่องจากขาดรายได้ แถมครอบครัวยังโดนโจมตีอย่างหนัก หลายคนโทร. มาด่า ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จนต้องปิดมือถือหนี ตนอยากขอโทษสังคมที่แสดงกิริยาที่ไม่ดีต่อสาธารณชน ต่อไปจะควบคุมอารมณ์ให้เย็นลง และไม่ทำพฤติกรรมเช่นนี้อีก เพราะได้บทเรียนครั้งสำคัญของชีวิตแล้ว รวมถึงจะพาลูกไปขอโทษตำรวจด้วย
ด้าน ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ตั้งข้อสังเกตกรณีนี้ว่า การเข้าไปอยู่ในเรือนจำถึง 3 วัน แต่กลับไม่ปรากฏข้อหานั้นเป็นไปไม่ได้
ภาพและข้อมูลจาก รายการทุบโต๊ะข่าว