พริตตี้และนางแบบสาววัย 26 รุดแจ้งความเอาผิดเจ้าของแอปพลิเคชัน หาเพื่อนเที่ยว นำภาพไปใช้โฆษณาแอปพลิเคชัน โดยไม่ได้รับอนุญาต - ทนายเผยเอาผิดได้ทันที 2 กระทง
เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2561 รายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่อง Amarin TV รายงานบทสัมภาษณ์ นางสาวโสรยา สุทธาวาส หรือ เมล์ อายุ 26 ปี อาชีพพริตตี้และนางแบบ เปิดเผยถึงกรณีเจ้าตัวถูกแอปพลิเคชันหาคู่นำภาพถ่ายไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ว่า หลังจากตนเองได้รับการติดต่อจากนายหน้าของบริษัทต้นสังกัดของแอปพลิเคชัน ดังกล่าวว่ามีงานถ่ายโฆษณาสินค้าชนิดหนึ่ง ใช้โปรโมทในเฟซบุ๊กและสื่อออนไลน์ ซึ่งมีการบอกลักษณะงานและค่าจ้างมา ตอนนั้นตนเองก็สนใจ จนมีการนัดเจอและพูดคุยกับผู้บริหาร แต่เมื่อพูดคุยลักษณะงานที่ละเอียด ตนเองไม่โอเค จึงได้ขอปฏิเสธไป เพราะเป็นงานโฆษณาโปรโมทให้แอปพลิเคชันหาเพื่อนเที่ยว
นางสาวโสรยา เผยต่อว่า ตนเองได้ขอปฏิเสธ เพราะกลัวว่าถ้ารับงานนี้ไปแล้วอาจจะถูกมองไม่ดี เป็นการได้ที่ไม่คุ้มเสีย แต่ภายหลังไม่นาน ประมาณ 1-2 วัน กลับพบรูปของตัวเองที่เคยส่งให้บริษัทดังกล่าวดูโปรไฟล์ก่อนนัดเจอ ไปอยู่ในแอปพลิเคชันเป็นการนำมาตัดต่อเป็นคลิปวิดีโอโฆษณาในทำนองว่าหากเหงา แค่เปิดแอปพลิเคชันมาเจอพวกเราได้ ซึ่งเมื่อเห็นแบบนั้น ตนเองจึงเดินทางเข้าแจ้งความทันที เพื่อเอาผิดกับเจ้าของแอปพลิเคชัน และนายหน้า ฐานนำภาพไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้ได้รับความเสียหาย
ทั้งนี้ นายนิติธร แก้วโต ทนายความ เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า สามารถเอาผิดได้ใน 2 กรณี คือความผิดตามกฏหมายลิขสิทธิ์ เนื่องจากเป็นภาพส่วนตัว เพราะนำไปใช้โดยไม่ขออนุญาต มีโทษทั้งปรับและจำคุก และกรณีที่ 2 คือ การนำภาพไปใช้ในสื่อออนไลน์ และเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ต สามารถเอาผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ตามมาตรา 14(1) การนำเข้าข้อมูลหรือข้อความอันเป็นเท็จได้
![แอพหาเพื่อนเที่ยว แอพหาเพื่อนเที่ยว]()
![แอพหาเพื่อนเที่ยว แอพหาเพื่อนเที่ยว]()
ภาพและข้อมูลจาก


เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2561 รายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่อง Amarin TV รายงานบทสัมภาษณ์ นางสาวโสรยา สุทธาวาส หรือ เมล์ อายุ 26 ปี อาชีพพริตตี้และนางแบบ เปิดเผยถึงกรณีเจ้าตัวถูกแอปพลิเคชันหาคู่นำภาพถ่ายไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ว่า หลังจากตนเองได้รับการติดต่อจากนายหน้าของบริษัทต้นสังกัดของแอปพลิเคชัน ดังกล่าวว่ามีงานถ่ายโฆษณาสินค้าชนิดหนึ่ง ใช้โปรโมทในเฟซบุ๊กและสื่อออนไลน์ ซึ่งมีการบอกลักษณะงานและค่าจ้างมา ตอนนั้นตนเองก็สนใจ จนมีการนัดเจอและพูดคุยกับผู้บริหาร แต่เมื่อพูดคุยลักษณะงานที่ละเอียด ตนเองไม่โอเค จึงได้ขอปฏิเสธไป เพราะเป็นงานโฆษณาโปรโมทให้แอปพลิเคชันหาเพื่อนเที่ยว

นางสาวโสรยา เผยต่อว่า ตนเองได้ขอปฏิเสธ เพราะกลัวว่าถ้ารับงานนี้ไปแล้วอาจจะถูกมองไม่ดี เป็นการได้ที่ไม่คุ้มเสีย แต่ภายหลังไม่นาน ประมาณ 1-2 วัน กลับพบรูปของตัวเองที่เคยส่งให้บริษัทดังกล่าวดูโปรไฟล์ก่อนนัดเจอ ไปอยู่ในแอปพลิเคชันเป็นการนำมาตัดต่อเป็นคลิปวิดีโอโฆษณาในทำนองว่าหากเหงา แค่เปิดแอปพลิเคชันมาเจอพวกเราได้ ซึ่งเมื่อเห็นแบบนั้น ตนเองจึงเดินทางเข้าแจ้งความทันที เพื่อเอาผิดกับเจ้าของแอปพลิเคชัน และนายหน้า ฐานนำภาพไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้ได้รับความเสียหาย

ทั้งนี้ นายนิติธร แก้วโต ทนายความ เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า สามารถเอาผิดได้ใน 2 กรณี คือความผิดตามกฏหมายลิขสิทธิ์ เนื่องจากเป็นภาพส่วนตัว เพราะนำไปใช้โดยไม่ขออนุญาต มีโทษทั้งปรับและจำคุก และกรณีที่ 2 คือ การนำภาพไปใช้ในสื่อออนไลน์ และเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ต สามารถเอาผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ตามมาตรา 14(1) การนำเข้าข้อมูลหรือข้อความอันเป็นเท็จได้


ภาพและข้อมูลจาก
