แอมเนสตี้ ช่วยชีวิตหญิงชาวซูดานวัย 19 ปี หลังถูกตัดสินโทษประหารชีวิต เหตุฆ่าสามีของตัวเองที่มาข่มขืน จนสร้างความไม่พอใจไปทั่วโลก สุดท้ายศาลลดโทษให้เหลือจำคุก 5 ปี
ตามรายงานเผยว่า นูรา ถูกผู้เป็นพ่อบังคับให้แต่งงานกับสามีตั้งแต่อายุเพียง 16 ปี โดยก่อนแต่งงานทางพ่อของเธอและสามีได้ตกลงทำสัญญากันเอาไว้ด้วย กระทั่งเมื่อเดือนเมษายน ปีที่ผ่านมา หลังจากนูราเรียนจบชั้นมัธยมปลาย เธอก็ถูกบังคับให้ย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านของสามี แต่เธอปฏิเสธที่จะมีสัมพันธ์ทางเพศกับเขา ทางสามีไม่ยอม วันหนึ่งเขาจึงได้พาพี่ชาย-น้องชายและญาติผู้ชายมาช่วยจับตัวเธอไม่ให้ดิ้น กระทั่งสามารถข่มขืนเธอจนสุขสมอารมณ์หมาย
แต่เหตุการณ์ไม่จบเพียงเท่านั้น ในเช้าวันต่อมา ทางสามีพยายามที่จะข่มขืนนูราอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอไม่ยอมทนเจ็บปวดและทรมานจากการถูกกระทำอีกต่อไป เธอหนีเข้าไปในครัวและคว้ามีดจ้วงแทงผู้เป็นสามีจนถึงแก่ชีวิต ภายหลังจากนั้น นูราก็หลบหนีกลับไปหาครอบครัวด้วยความหวาดกลัวและตกใจสุดขีด ทว่าทางพ่อของเธอกลับส่งตัวเธอให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดี
ภาพจาก alnilin.com
ภายหลังจากได้รับแรงกัดดันอย่างหนัก ในที่สุดทางศาลอุทธรณ์ก็ได้ทำการพิจารณาลดโทษจากโทษประหารชีวิต เหลือเป็นจำคุก 5 ปี และให้จ่ายเงินชดเชยจำนวน 337,500 ปอนด์ซูดาน หรือประมาณ 620,000 บาท สำหรับความผิดดังกล่าว ซึ่งผลที่ออกมาเป็นที่น่าพอใจต่อทางแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล โดยได้ระบุว่า คำตัดสินของศาลในครั้งนี้ จะต้องนำไปสู่การทบทวนทางกฎหมาย เพื่อให้มั่นใจว่านูราจะเป็นเหยื่อรายสุดท้าย
"ทางเจ้าหน้าที่ของซูดานจะต้องใช้โอกาสนี้ เพื่อปฏิรูปกฎหมายการแต่งงานของเยาวชน อันทำให้เกิดการบังคับขืนใจ โดยที่ฝ่ายหญิงไม่เต็มใจ และนำไปสู่เหตุอาชญากรรมรุนแรงถึงชีวิต ซึ่งเธอ (นูรา) ไม่ใช่เพียงเหยื่อรายเดียวที่ถูกตัดสินโทษรุนแรงเช่นนั้น และเธอควรเป็นเหยื่อรายสุดท้าย" แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ระบุ