กยศ. ตั้งเป้าหักเงินเดือนเพื่อชำระหนี้ 1 ล้านราย ในปีหน้า ขณะที่กฎหมายใหม่ กำหนดให้ทวงหนี้ผู้กู้เงินถึงที่สุดก่อนทวงผู้ค้ำประกัน เตรียมจัดระบบผู้ค้ำประกันใหม่ หวั่นซ้ำรอยครูวิภา
โดยกฎหมายใหม่จะรองรับให้ กยศ. สามารถเข้าถึงข้อมูลลูกหนี้ได้ ไม่ว่าจะทำงานภาครัฐหรือเอกชน ทุกหน่วยงานต้องมอบข้อมูลทรัพย์สินและเงินเดือนของลูกหนี้ให้กับ กยศ. และนายจ้างมีหน้าที่หักเงินเดือนลูกจ้างให้กับ กยศ. พร้อมเตรียมหารือข้าราชการภาคส่วนต่าง ๆ ที่ค้ำประกันให้กับลูกหนี้ กยศ. เพื่อหาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหา ไม่ให้เกิดขึ้นเหมือนกรณีของครูวิภา

วันที่ 1 สิงหาคม 2561 ข่าวเวิร์คพอยท์ รายงานว่า กรณีครูผู้ชาย ที่ จ.ชัยภูมิ กล่าวอ้างว่าค้ำประกันเงินกู้ กยศ. ให้ลูกศิษย์ และถูกฟ้องล้มละลาย เรื่องนี้ น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี เปิดเผยว่า กองทุนฟื้นฟูกิจการลูกหนี้ได้ตรวจสอบในฐานข้อมูลแล้ว ไม่พบข้อมูลครูคนดังกล่าวถูกบังคับคดี และไม่มีข้อมูลถูกฟ้องล้มละลายจากการค้ำประกันเงินกู้ กยศ. ส่วนทาง กยศ. ก็ยืนยันข้อมูลตรงกันว่ายังไม่เคยฟ้องล้มละลายลูกหนี้ กยศ. รายใดเลย
รายงานระบุด้วยว่า ขณะนี้กฎหมายใหม่มีผลบังคับใช้แล้ว กยศ. จะต้องติดตามทวงหนี้จากผู้กู้ให้ถึงที่สุดก่อน จึงไปบังคับเอากับผู้ค้ำประกันได้ โดยกรมบังคับคดี จะเริ่มจากส่งเงินเดือนของข้าราชการให้กับกรมบัญชีกลาง เพื่อหักเงินเดือนผ่อนชำระหนี้ ซึ่งขณะนี้มีประมาณ 200 คน

ภาพจาก ข่าวเวิร์คพอยท์
ทั้งนี้ นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุน กยศ. กล่าวว่า เดือนตุลาคม 2561 จะเริ่มหักหนี้จากข้าราชการที่ได้รับเงินเดือนจ่ายตรง จากกรมบัญชีกลางผ่านระบบ GFMIS และในปี 2562 จะเริ่มใช้มาตรการนี้กับพนักงานเอกชนที่เป็นลูกหนี้ของ กยศ. โดยในปีหน้าตั้งเป้าไว้ว่า จะมีการหักบัญชีเงินเดือนเพื่อชำระหนี้ กยศ. 1 ล้านราย
จากข้อมูลการค้ำประกันให้แก่ผู้กู้เงิน กยศ. พบว่า ร้อยละ 85 เป็นพ่อแม่ รองลงมา ร้อยละ 14 เป็นญาติ พี่น้อง ส่วนคุณครูมีสัดส่วนค้ำประกันเพียง ร้อยละ 0.1 เท่านั้น
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

จากข้อมูลการค้ำประกันให้แก่ผู้กู้เงิน กยศ. พบว่า ร้อยละ 85 เป็นพ่อแม่ รองลงมา ร้อยละ 14 เป็นญาติ พี่น้อง ส่วนคุณครูมีสัดส่วนค้ำประกันเพียง ร้อยละ 0.1 เท่านั้น
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
