เกิดเหตุไฟไหม้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบราซิล อาคารเก่าแก่อายุ 200 ปี เอกสารทางประวัติศาสตร์ โบราณวัตถุต่าง ๆ กว่า 20 ล้านชิ้น ถูกเผาทำลายเรียบ ผู้ดูแลเผย พยายามต่อสู้ปกป้องพิพิธภัณฑ์มาโดยตลอด แต่กลับไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาล

ภาพจาก STR / AFP
เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2561 เว็บไซต์เดอะการ์เดี้ยน รายงานว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ขึ้นที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบราซิล อดีตพระราชวังของราชวงศ์โปรตุเกส ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยฟีเดอรัล ตั้งอยู่ในสวนกีนตา ดา โบอา วิสตา ในเทศบาลนครรีโอเดจาเนโร ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศบราซิล เปลวเพลิงทำลายวัตถุโบราณ รูปปั้น หลักฐานทางประวัติศาสตร์ต่าง ๆ มอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน นับเป็นความสูญเสียทางประวัติศาสตร์ที่เลวร้ายอย่างยิ่ง
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบราซิล สร้างขึ้นในปี 2361 และมีอายุครบ 200 ปี เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา อาคารเก่าแก่แห่งนี้นับเป็นพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ธรรมชาติและมุนษยวิทยาที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกา ภายในมีการจัดแสดงวัตถุโบราณมากมาย รวมแล้วกว่า 20 ล้านชิ้น รวมทั้ง สมบัติของเจ้าชายเปโดรที่ 1 ผู้ประกาศเอกราชบราซิลจากโปรตุเกส, โบราณวัตถุจากสมัยกรีก โรมัน และอียิปต์โบราณ, กระดูกลูเซีย ซึ่งเป็นโครงกระดูกมนุษย์ที่เก่าที่สุดในภูมิภาค มีอายุกว่า 12,000 ปี นอกจากนี้ยังมีฟอสซิลไดโนเสาร์ เอกสารบันทึกข้อมูลต่าง ๆ ในอดีต และหินอุกกาบาตที่ถูกค้นพบในปี 2327
แม้ว่าวัตถุโบราณบางส่วนจะถูกแยกเก็บเอาไว้ในอีกอาคารหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่ที่อยู่ในอาคารแห่งนี้ก็ถูกเปลวไฟเผาทำลายไปเป็นจำนวนมาก โดยนางมารินา ซิลบา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมของบราซิล กล่าวว่า เหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้เปรียบเสมือนการเผาทำลายความทรงจำของชนชาติบราซิล
![ไฟไหม้พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ไฟไหม้พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ]()
ภาพจาก Carl DE SOUZA / AFP
ด้าน นายโรแบร์โต ดูบาดาย ผู้อำนวยการสำนักงานดับเพลิงประจำรัฐรีโอเดจาเนโร กล่าวว่า การควบคุมเพลิงเป็นไปได้ยากมาก เนื่องจากอาคารมีอายุมากแล้ว ข้าวของภายในต่างก็เป็นเชื้อเพลิงชั้นดี ทั้งเอกสารที่เป็นกระดาษและไม้ ที่เลวร้ายกว่านั้นก็คือ ปริมาณน้ำมีไม่เพียงพอ โดยน้ำจากหัวจ่ายดับเพลิง 2 หัวนั้นแห้งเหือด ไม่มีน้ำเลย เจ้าหน้าที่ต้องเอารถไปสูบน้ำจากทะเลสาบใกล้เคียงมาใช้ ทำให้การจัดการสถานการณ์ล่าช้ามาก
ในส่วนนี้ นายลูอิส ดูอาร์เต ผู้ช่วยภัณฑารักษ์ประจำพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กล่าวว่า มันเป็นเรื่องตลกร้ายอย่างยิ่ง เพราะทางพิพิธภัณฑสถานกับธนาคารแห่งชาติ ได้เจรจาเพื่อหาทุนสนับสนุนค่าใช้จ่ายเพื่อพัฒนาโครงการป้องกันเหตุเพลิงไหม้ และเพิ่งบรรลุข้อตกลงไปเมื่อไม่นานมานี้
ผู้ช่วยภัณฑารักษ์ กล่าวอีกว่า เหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้คือหายนะที่ไม่สามารถทำใจยอมรับได้ เพราะประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม การศึกษา วิทยาศาสตร์ และมรดกของชาติอายุ 200 ปี ได้ถูกทำลายไปต่อหน้าต่อตา และถึงว่าแม้ว่าอาคารเก่าแก่แห่งนี้จะเป็นสถานที่สำคัญอย่างยิ่ง แต่มันกลับไม่ได้รับการเอาใจใส่ดูแลเท่าที่ควร โดย ดูอาร์เต เผยว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลไม่ได้จัดสรรงบประมาณมาเพื่อบูรณะพิพิธภัณฑสถาน ส่งผลให้มันทรุดโทรมลงไปเรื่อย ๆ
ทางคณะเจ้าหน้าที่ผู้ดูแล พยายามต่อสู้เพื่อเรียกร้องการสนับสนุนดูแลจากรัฐบาล พยายามมาหลายรัฐบาลก็ยังไม่เป็นผล จนท้ายที่สุดก็ได้เกิดไฟไหม้ที่ทำลายทุกอย่างไป ซึ่งดูอาร์เต กล่าวอย่างเจ็บปวดว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้เขาทั้งโกรธแค้นและใจสลาย

ภาพจาก STR / AFP
เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2561 เว็บไซต์เดอะการ์เดี้ยน รายงานว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ขึ้นที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบราซิล อดีตพระราชวังของราชวงศ์โปรตุเกส ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยฟีเดอรัล ตั้งอยู่ในสวนกีนตา ดา โบอา วิสตา ในเทศบาลนครรีโอเดจาเนโร ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศบราซิล เปลวเพลิงทำลายวัตถุโบราณ รูปปั้น หลักฐานทางประวัติศาสตร์ต่าง ๆ มอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน นับเป็นความสูญเสียทางประวัติศาสตร์ที่เลวร้ายอย่างยิ่ง
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบราซิล สร้างขึ้นในปี 2361 และมีอายุครบ 200 ปี เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา อาคารเก่าแก่แห่งนี้นับเป็นพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ธรรมชาติและมุนษยวิทยาที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกา ภายในมีการจัดแสดงวัตถุโบราณมากมาย รวมแล้วกว่า 20 ล้านชิ้น รวมทั้ง สมบัติของเจ้าชายเปโดรที่ 1 ผู้ประกาศเอกราชบราซิลจากโปรตุเกส, โบราณวัตถุจากสมัยกรีก โรมัน และอียิปต์โบราณ, กระดูกลูเซีย ซึ่งเป็นโครงกระดูกมนุษย์ที่เก่าที่สุดในภูมิภาค มีอายุกว่า 12,000 ปี นอกจากนี้ยังมีฟอสซิลไดโนเสาร์ เอกสารบันทึกข้อมูลต่าง ๆ ในอดีต และหินอุกกาบาตที่ถูกค้นพบในปี 2327
แม้ว่าวัตถุโบราณบางส่วนจะถูกแยกเก็บเอาไว้ในอีกอาคารหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่ที่อยู่ในอาคารแห่งนี้ก็ถูกเปลวไฟเผาทำลายไปเป็นจำนวนมาก โดยนางมารินา ซิลบา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมของบราซิล กล่าวว่า เหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้เปรียบเสมือนการเผาทำลายความทรงจำของชนชาติบราซิล

ภาพจาก Carl DE SOUZA / AFP
ด้าน นายโรแบร์โต ดูบาดาย ผู้อำนวยการสำนักงานดับเพลิงประจำรัฐรีโอเดจาเนโร กล่าวว่า การควบคุมเพลิงเป็นไปได้ยากมาก เนื่องจากอาคารมีอายุมากแล้ว ข้าวของภายในต่างก็เป็นเชื้อเพลิงชั้นดี ทั้งเอกสารที่เป็นกระดาษและไม้ ที่เลวร้ายกว่านั้นก็คือ ปริมาณน้ำมีไม่เพียงพอ โดยน้ำจากหัวจ่ายดับเพลิง 2 หัวนั้นแห้งเหือด ไม่มีน้ำเลย เจ้าหน้าที่ต้องเอารถไปสูบน้ำจากทะเลสาบใกล้เคียงมาใช้ ทำให้การจัดการสถานการณ์ล่าช้ามาก
ในส่วนนี้ นายลูอิส ดูอาร์เต ผู้ช่วยภัณฑารักษ์ประจำพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กล่าวว่า มันเป็นเรื่องตลกร้ายอย่างยิ่ง เพราะทางพิพิธภัณฑสถานกับธนาคารแห่งชาติ ได้เจรจาเพื่อหาทุนสนับสนุนค่าใช้จ่ายเพื่อพัฒนาโครงการป้องกันเหตุเพลิงไหม้ และเพิ่งบรรลุข้อตกลงไปเมื่อไม่นานมานี้
ผู้ช่วยภัณฑารักษ์ กล่าวอีกว่า เหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้คือหายนะที่ไม่สามารถทำใจยอมรับได้ เพราะประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม การศึกษา วิทยาศาสตร์ และมรดกของชาติอายุ 200 ปี ได้ถูกทำลายไปต่อหน้าต่อตา และถึงว่าแม้ว่าอาคารเก่าแก่แห่งนี้จะเป็นสถานที่สำคัญอย่างยิ่ง แต่มันกลับไม่ได้รับการเอาใจใส่ดูแลเท่าที่ควร โดย ดูอาร์เต เผยว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลไม่ได้จัดสรรงบประมาณมาเพื่อบูรณะพิพิธภัณฑสถาน ส่งผลให้มันทรุดโทรมลงไปเรื่อย ๆ
ทางคณะเจ้าหน้าที่ผู้ดูแล พยายามต่อสู้เพื่อเรียกร้องการสนับสนุนดูแลจากรัฐบาล พยายามมาหลายรัฐบาลก็ยังไม่เป็นผล จนท้ายที่สุดก็ได้เกิดไฟไหม้ที่ทำลายทุกอย่างไป ซึ่งดูอาร์เต กล่าวอย่างเจ็บปวดว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้เขาทั้งโกรธแค้นและใจสลาย