พ่อชายวัย 31 ปี เผยได้แรงบันดาลใจจากหนังเปาบุ้นจิ้น หลังต่อสู้จนลูกหลุดคดีถูกยัดยาเสพติด จนต้องติดคุกนาน 1 ปี ยันตำรวจที่ทำผิดต้องชดใช้กรรม
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2561 รายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่อง Amarin TV รายงานความคืบหน้าคดี นายราชศักดิ์ เจริญรุ่งเรือง อายุ 31 ปี ชาว จ.ปราจีนบุรี อดีตจำเลยหลังศาลยกฟ้องคดีครอบครองยาเสพติด กรณีถูกจับกุมตัวพร้อมกับผู้ต้องหาหญิงอีกราย ที่ยอมรับสารภาพว่าเป็นเจ้าของยาเพียงคนเดียว แต่นายราชศักดิ์ กลับถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจซ้อม และยัดยาเสพติดด้วย จนต้องติดคุกเป็นเวลา 1 ปี
โดย นายธนากร เจริญรุ่งเรือง พ่อของนายราชศักดิ์ เปิดเผยว่า ตนตัดสินใจฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) จำนวนเงิน 30 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ซึ่งตนยืนยันว่าไม่เป็นการมากไป เพราะคดีที่เกิดขึ้นนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ผลงานจากคราบน้ำตาของลูกชายตน ตนเองและครอบครัว พวกเขาจึงต้องได้รับผลกรรมจากการกระทำที่ทำขึ้นในครั้งนั้น ที่ทำให้ลูกชายตนต้องออกจากงาน รวมถึงความเสื่อมเสียของชื่อเสียงวงศ์ตระกูลด้วย
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
ทั้งนี้ ระหว่างที่ลูกชายถูกคุมขังในเรือนจำ เขาก็เครียดมาโดยตลอดแต่ตนก็พยายามบอกว่าอย่าเครียด เพราะตนก็พยายามจะหาทางช่วยเหลือ แม้ว่าฝ่ายเรานั้นจะไม่มีพยานหลักฐานเลย แต่ก็จะสู้ในกระบวนการศาล โดยจะใช้หลักฐานของฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นเป็นสิ่งมัดตัวตำรวจเอง
เริ่มด้วยการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่า ทำการลงบันทึกการจับกุมไว้ตอนเวลา 17.00 น. และดำเนินการเสร็จตอน 18.00 น. โดยใช้เวลาเดินทางไปที่จุดค้นยาเสพติดเพียง 10 นาที ซึ่งเป็นพิรุธ เพราะไม่เชื่อว่าจะใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง ในการพาตัวนางสาวศิริวรรณ ผู้ต้องหาอีกราย ไปค้นที่บ้านและดำเนินการเสร็จในเวลาเท่านั้น
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
อีกทั้ง ภาพถ่ายขณะจับกุมที่ลักษณะของแสงก็ไม่ตรงกับภาพที่ปรากฏ โดยแสงภายในภาพ มีลักษณะคล้ายเวลาเที่ยง มากกว่าจะเป็นเวลาเย็น และการที่ปรากฏรูปถ่ายที่เป็นชุดที่มีการขุดหายาเสพติด ที่มีการนำใส่กล่องแล้วฝังดินไว้ โดยตำรวจอ้างว่าให้ทั้งลูกชาย และนางสาวศิริวรรณ ทำการขุดขึ้นมา แต่ในภาพไม่พบว่ามีรอยขุด ประกอบกับขณะถูกจับได้ใส่กุญแจมือแล้ว จึงค่อนข้างยากที่จะเชื่อ รวมถึงหลักฐานการกดเงินของนางสาวศิริวรรณ จำนวน 3 ครั้ง โดยครั้งแรกจำนวน 20,000 บาท ครั้งที่ 2 จำนวน 20,000 บาท และครั้งที่ 3 อีกจำนวน 10,000 บาท โดยพบว่าเป็นเวลา 15.00 น. ของวันเกิดเหตุ โดยไม่รู้ว่ากดเงินดังกล่าวไปให้ใคร
นายธนากร กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนดีใจและมีกำลังใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งการต่อสู้ครั้งนี้ตนได้แรงบันดาลใจมาจากการดูละครเรื่อง เปาบุ้นจิ้น ซึ่งเชื่อว่าความยุติธรรมต้องเกิดขึ้นกับลูกชายตน ที่ลูกตนบริสุทธิ์แต่อยู่กับผู้กระทำแล้วจะต้องผิดไปด้วย มันไม่ใช่
อย่างไรก็ตาม ตนยินดีหากเจ้าหน้าที่มาขอไกล่เกลี่ย เพื่อหาทางออกกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2561 รายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่อง Amarin TV รายงานความคืบหน้าคดี นายราชศักดิ์ เจริญรุ่งเรือง อายุ 31 ปี ชาว จ.ปราจีนบุรี อดีตจำเลยหลังศาลยกฟ้องคดีครอบครองยาเสพติด กรณีถูกจับกุมตัวพร้อมกับผู้ต้องหาหญิงอีกราย ที่ยอมรับสารภาพว่าเป็นเจ้าของยาเพียงคนเดียว แต่นายราชศักดิ์ กลับถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจซ้อม และยัดยาเสพติดด้วย จนต้องติดคุกเป็นเวลา 1 ปี
โดย นายธนากร เจริญรุ่งเรือง พ่อของนายราชศักดิ์ เปิดเผยว่า ตนตัดสินใจฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) จำนวนเงิน 30 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ซึ่งตนยืนยันว่าไม่เป็นการมากไป เพราะคดีที่เกิดขึ้นนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ผลงานจากคราบน้ำตาของลูกชายตน ตนเองและครอบครัว พวกเขาจึงต้องได้รับผลกรรมจากการกระทำที่ทำขึ้นในครั้งนั้น ที่ทำให้ลูกชายตนต้องออกจากงาน รวมถึงความเสื่อมเสียของชื่อเสียงวงศ์ตระกูลด้วย
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
ทั้งนี้ ระหว่างที่ลูกชายถูกคุมขังในเรือนจำ เขาก็เครียดมาโดยตลอดแต่ตนก็พยายามบอกว่าอย่าเครียด เพราะตนก็พยายามจะหาทางช่วยเหลือ แม้ว่าฝ่ายเรานั้นจะไม่มีพยานหลักฐานเลย แต่ก็จะสู้ในกระบวนการศาล โดยจะใช้หลักฐานของฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นเป็นสิ่งมัดตัวตำรวจเอง
เริ่มด้วยการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่า ทำการลงบันทึกการจับกุมไว้ตอนเวลา 17.00 น. และดำเนินการเสร็จตอน 18.00 น. โดยใช้เวลาเดินทางไปที่จุดค้นยาเสพติดเพียง 10 นาที ซึ่งเป็นพิรุธ เพราะไม่เชื่อว่าจะใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง ในการพาตัวนางสาวศิริวรรณ ผู้ต้องหาอีกราย ไปค้นที่บ้านและดำเนินการเสร็จในเวลาเท่านั้น
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
อีกทั้ง ภาพถ่ายขณะจับกุมที่ลักษณะของแสงก็ไม่ตรงกับภาพที่ปรากฏ โดยแสงภายในภาพ มีลักษณะคล้ายเวลาเที่ยง มากกว่าจะเป็นเวลาเย็น และการที่ปรากฏรูปถ่ายที่เป็นชุดที่มีการขุดหายาเสพติด ที่มีการนำใส่กล่องแล้วฝังดินไว้ โดยตำรวจอ้างว่าให้ทั้งลูกชาย และนางสาวศิริวรรณ ทำการขุดขึ้นมา แต่ในภาพไม่พบว่ามีรอยขุด ประกอบกับขณะถูกจับได้ใส่กุญแจมือแล้ว จึงค่อนข้างยากที่จะเชื่อ รวมถึงหลักฐานการกดเงินของนางสาวศิริวรรณ จำนวน 3 ครั้ง โดยครั้งแรกจำนวน 20,000 บาท ครั้งที่ 2 จำนวน 20,000 บาท และครั้งที่ 3 อีกจำนวน 10,000 บาท โดยพบว่าเป็นเวลา 15.00 น. ของวันเกิดเหตุ โดยไม่รู้ว่ากดเงินดังกล่าวไปให้ใคร
นายธนากร กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนดีใจและมีกำลังใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งการต่อสู้ครั้งนี้ตนได้แรงบันดาลใจมาจากการดูละครเรื่อง เปาบุ้นจิ้น ซึ่งเชื่อว่าความยุติธรรมต้องเกิดขึ้นกับลูกชายตน ที่ลูกตนบริสุทธิ์แต่อยู่กับผู้กระทำแล้วจะต้องผิดไปด้วย มันไม่ใช่
อย่างไรก็ตาม ตนยินดีหากเจ้าหน้าที่มาขอไกล่เกลี่ย เพื่อหาทางออกกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก