ซาอุดีอาระเบีย ประหารชีวิตหญิงอินโดนีเซีย โทษฐานฆ่านายจ้างชาวซาอุฯ เพราะป้องกันตัวเองขณะถูกข่มขืน ด้านนักสิทธิมนุษยชน เรียกร้องให้รัฐบาลอินโดฯ ยกเลิกข้อตกลงกับซาอุฯ และแบนทางการทูต เป็นการตอบโต้
เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2561 เว็บไซต์เดลี่เมล รายงานว่า หน่วยงานยุติธรรมของประเทศซาอุดีอาระเบีย ได้ประหารชีวิต ตูตี ตูร์ซิลาวาตี นักโทษหญิงชาวอินโดนีเซีย ในข้อหาฆาตกรรมนายจ้างของเธอ ขณะที่เธอถูกเขาข่มขืน ข่าวการเสียชีวิตของตูตีได้สร้างความสะเทือนใจและโกรธแค้นแก่ชาวอินโดนีเซียเป็นอย่างมาก เนื่องจากซาอุฯ ประหารชีวิตอย่างเงียบเชียบ ไม่มีการบอกกล่าวใด ๆ ให้ทางอินโดนีเซียได้รับรู้ โดยตูตีนับเป็นคนงานชาวอินโดนีเซียคนที่ 4 ในรอบ 3 ปี ที่ถูกประหารชีวิตในซาอุดีอาระเบีย
ตูตี ทำงานเป็นสาวใช้ที่บ้านหลังหนึ่งในเมืองทาอีฟ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของซาอุดีอาระเบีย เธอเป็นหนึ่งในชาวอินโดนีเซียจำนวนมากที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปหาทำงานที่ตะวันออกกลาง เพื่อหาเงินส่งกลับไปให้ครอบครัวที่บ้าน ซึ่งซาอุดีอาระเบีย คือประเทศที่มีแรงงานอินโดนีเซียมากที่สุด
สำหรับ ตูตี นั้น เธอมีลูกน้อยอีกคนหนึ่งรอคอยอยู่ที่บ้าน รอให้เธอส่งเสียเลี้ยงดู แต่ชีวิตของเธอไม่ได้สวยงามเท่าไรนัก โดยในปี 2554 ตูตีถูกนายจ้างข่มขืน และเธอก็ได้ฆ่าเขา กลุ่มไมแกรนท์ แคร์ (Migrant Care) องค์กรสนับสนุนและช่วยเหลือชาวอินโดนีเซียโพ้นทะเล เปิดเผยว่า สาเหตุที่ตูตีต้องทำแบบนั้น เป็นเพราะว่าเธอต้องป้องกันตัว อย่างไรก็ตาม ตูตีถูกจับกุมหลังจากนั้น เธอถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม ศาลตัดสินว่าเธอมีความผิดจริง พร้อมพิจารณาโทษประหารชีวิต
ก่อนหน้านี้ ในปี 2558 สิตี ซาเอนับ และ การ์นี หญิงชาวอินโดนีเซีย 2 คน ที่ไปทำงานเป็นแม่บ้านที่ซาอุดีอาระเบีย ได้ถูกประหารชีวิตด้วยการตัดหัว ต่อมาในเดือนมีนาคม 2561 มูฮัมหมัด ซายนี มิสริน อีกหนึ่งแรงงานชาวอินโดนีเซียที่ซาอุดีอาระเบีย ก็ถูกประหารชีวิต ด้วยข้อหาฆาตกรรมนายจ้าง
ส่วนกรณีของตูตี เธอเพิ่งถูกประหารไปเมื่อวันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม ที่ผ่านมา และมันเป็นข่าวร้ายที่น่าตกใจ เพราะในช่วง 1 สัปดาห์ก่อนการประหารชีวิตเธอ นายอับเดล อัล-จูเบอีร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของซาอุฯ ก็ได้เดินทางเยือนอินโดนีเซีย หนึ่งในหัวข้อที่ถูกยกขึ้นมาอภิปรายระหว่างการพบปะครั้งนี้ก็คือ เรื่องนักโทษประหารชาวอินโดนีเซียในซาอุดีอาระเบีย ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ทั้งหมด 18 ราย โดยนายโจโก วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ได้กล่าวย้ำว่า ถ้าหากจะมีการประหารชีวิตนักโทษเหล่านี้ ให้ทางการซาอุดีอาระเบียแจ้งเตือนให้อินโดนีเซียรับทราบด้วย แต่เมื่อถึงวันประหารตูตี กลับไม่มีการส่งข่าวแต่อย่างใด
เมื่อข่าวการประหารชีวิตตูตีถูกเปิดเผย ก็ได้เกิดการประท้วงอย่างไม่พอใจขึ้นในกรุงจาการ์ตา เพราะผู้คนมองว่าตูตีไม่ได้รับความเป็นธรรม ทางด้านประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ก็ได้ติดต่อไปหารัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของซาอุฯ เรียกร้องคำตอบว่า เพราะเหตุใด ซาอุฯ ถึงได้ประหารชีวิตพลเมืองชาวอินโดนีเซีย โดยไม่มีการแจ้งให้ทางการอินโดนีเซียได้รับทราบ พร้อมกับแจ้งไปว่า ขณะนี้ที่อินโดนีเซียได้มีการประท้วงเกิดขึ้น เพราะไม่พอใจการตัดสินใจครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม ไม่มีการรายงานว่าทางซาอุฯ ได้ตอบกลับมาว่าอย่างไร นอกจากนี้แล้ว ทางอินโดนีเซียก็ต้องการให้เอกอัครราชทูตซาอุฯ ประจำอินโดนีเซีย เข้ามาเจรจาหารือเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ทางสถานทูตซาอุดีอาระเบียประจำกรุงจาการ์ตา ยังคงนิ่งเงียบ ไม่ออกมาให้ความเห็นใด ๆ
ทั้งนี้เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคม ทางการอินโดนีเซียและซาอุดีอาระเบีย เพิ่งบรรลุข้อตกลงระดับทวิภาคี ว่าด้วยเรื่องการประเมินผล และการสอดส่องดูแลชีวิตแรงงานอินโดนีเซียในซาอุดีอาระเบีย เพื่อให้พวกเขาเหล่านั้นมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะไม่ได้เป็นไปในทางที่ดีนัก โดย วาห์ยู ซุซีโล ผู้อำนวยการองค์กรไมแกรน์ แคร์ กล่าวว่า การที่ซาอุดีอาระเบียประหารชีวิตตูตี มันก็เหมือนการตบหน้าอินโดนีเซีย และเป็นการแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้สนใจเรื่องสิทธิมนุษยชนของแรงงานอินโดนีเซียเลยแม้แต่น้อย เขาได้ประณามการกระทำครั้งนี้ พร้อมเรียกร้องให้ทางการอินโดนีเซียยกเลิกสัญญาความร่วมมือดังกล่าว และรัฐบาลอินโดนีเซียก็ควรดำเนินมาตรการทางการทูตที่เข้มงวดกับซาอุดีอาระเบียให้มากกว่านี้ เพื่อเป็นการตอบโต้
เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2561 เว็บไซต์เดลี่เมล รายงานว่า หน่วยงานยุติธรรมของประเทศซาอุดีอาระเบีย ได้ประหารชีวิต ตูตี ตูร์ซิลาวาตี นักโทษหญิงชาวอินโดนีเซีย ในข้อหาฆาตกรรมนายจ้างของเธอ ขณะที่เธอถูกเขาข่มขืน ข่าวการเสียชีวิตของตูตีได้สร้างความสะเทือนใจและโกรธแค้นแก่ชาวอินโดนีเซียเป็นอย่างมาก เนื่องจากซาอุฯ ประหารชีวิตอย่างเงียบเชียบ ไม่มีการบอกกล่าวใด ๆ ให้ทางอินโดนีเซียได้รับรู้ โดยตูตีนับเป็นคนงานชาวอินโดนีเซียคนที่ 4 ในรอบ 3 ปี ที่ถูกประหารชีวิตในซาอุดีอาระเบีย
ตูตี ทำงานเป็นสาวใช้ที่บ้านหลังหนึ่งในเมืองทาอีฟ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของซาอุดีอาระเบีย เธอเป็นหนึ่งในชาวอินโดนีเซียจำนวนมากที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปหาทำงานที่ตะวันออกกลาง เพื่อหาเงินส่งกลับไปให้ครอบครัวที่บ้าน ซึ่งซาอุดีอาระเบีย คือประเทศที่มีแรงงานอินโดนีเซียมากที่สุด
สำหรับ ตูตี นั้น เธอมีลูกน้อยอีกคนหนึ่งรอคอยอยู่ที่บ้าน รอให้เธอส่งเสียเลี้ยงดู แต่ชีวิตของเธอไม่ได้สวยงามเท่าไรนัก โดยในปี 2554 ตูตีถูกนายจ้างข่มขืน และเธอก็ได้ฆ่าเขา กลุ่มไมแกรนท์ แคร์ (Migrant Care) องค์กรสนับสนุนและช่วยเหลือชาวอินโดนีเซียโพ้นทะเล เปิดเผยว่า สาเหตุที่ตูตีต้องทำแบบนั้น เป็นเพราะว่าเธอต้องป้องกันตัว อย่างไรก็ตาม ตูตีถูกจับกุมหลังจากนั้น เธอถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม ศาลตัดสินว่าเธอมีความผิดจริง พร้อมพิจารณาโทษประหารชีวิต
ก่อนหน้านี้ ในปี 2558 สิตี ซาเอนับ และ การ์นี หญิงชาวอินโดนีเซีย 2 คน ที่ไปทำงานเป็นแม่บ้านที่ซาอุดีอาระเบีย ได้ถูกประหารชีวิตด้วยการตัดหัว ต่อมาในเดือนมีนาคม 2561 มูฮัมหมัด ซายนี มิสริน อีกหนึ่งแรงงานชาวอินโดนีเซียที่ซาอุดีอาระเบีย ก็ถูกประหารชีวิต ด้วยข้อหาฆาตกรรมนายจ้าง
ส่วนกรณีของตูตี เธอเพิ่งถูกประหารไปเมื่อวันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม ที่ผ่านมา และมันเป็นข่าวร้ายที่น่าตกใจ เพราะในช่วง 1 สัปดาห์ก่อนการประหารชีวิตเธอ นายอับเดล อัล-จูเบอีร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของซาอุฯ ก็ได้เดินทางเยือนอินโดนีเซีย หนึ่งในหัวข้อที่ถูกยกขึ้นมาอภิปรายระหว่างการพบปะครั้งนี้ก็คือ เรื่องนักโทษประหารชาวอินโดนีเซียในซาอุดีอาระเบีย ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ทั้งหมด 18 ราย โดยนายโจโก วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ได้กล่าวย้ำว่า ถ้าหากจะมีการประหารชีวิตนักโทษเหล่านี้ ให้ทางการซาอุดีอาระเบียแจ้งเตือนให้อินโดนีเซียรับทราบด้วย แต่เมื่อถึงวันประหารตูตี กลับไม่มีการส่งข่าวแต่อย่างใด
เมื่อข่าวการประหารชีวิตตูตีถูกเปิดเผย ก็ได้เกิดการประท้วงอย่างไม่พอใจขึ้นในกรุงจาการ์ตา เพราะผู้คนมองว่าตูตีไม่ได้รับความเป็นธรรม ทางด้านประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ก็ได้ติดต่อไปหารัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของซาอุฯ เรียกร้องคำตอบว่า เพราะเหตุใด ซาอุฯ ถึงได้ประหารชีวิตพลเมืองชาวอินโดนีเซีย โดยไม่มีการแจ้งให้ทางการอินโดนีเซียได้รับทราบ พร้อมกับแจ้งไปว่า ขณะนี้ที่อินโดนีเซียได้มีการประท้วงเกิดขึ้น เพราะไม่พอใจการตัดสินใจครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม ไม่มีการรายงานว่าทางซาอุฯ ได้ตอบกลับมาว่าอย่างไร นอกจากนี้แล้ว ทางอินโดนีเซียก็ต้องการให้เอกอัครราชทูตซาอุฯ ประจำอินโดนีเซีย เข้ามาเจรจาหารือเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ทางสถานทูตซาอุดีอาระเบียประจำกรุงจาการ์ตา ยังคงนิ่งเงียบ ไม่ออกมาให้ความเห็นใด ๆ
ทั้งนี้เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคม ทางการอินโดนีเซียและซาอุดีอาระเบีย เพิ่งบรรลุข้อตกลงระดับทวิภาคี ว่าด้วยเรื่องการประเมินผล และการสอดส่องดูแลชีวิตแรงงานอินโดนีเซียในซาอุดีอาระเบีย เพื่อให้พวกเขาเหล่านั้นมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะไม่ได้เป็นไปในทางที่ดีนัก โดย วาห์ยู ซุซีโล ผู้อำนวยการองค์กรไมแกรน์ แคร์ กล่าวว่า การที่ซาอุดีอาระเบียประหารชีวิตตูตี มันก็เหมือนการตบหน้าอินโดนีเซีย และเป็นการแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้สนใจเรื่องสิทธิมนุษยชนของแรงงานอินโดนีเซียเลยแม้แต่น้อย เขาได้ประณามการกระทำครั้งนี้ พร้อมเรียกร้องให้ทางการอินโดนีเซียยกเลิกสัญญาความร่วมมือดังกล่าว และรัฐบาลอินโดนีเซียก็ควรดำเนินมาตรการทางการทูตที่เข้มงวดกับซาอุดีอาระเบียให้มากกว่านี้ เพื่อเป็นการตอบโต้
