อัจฉริยะ แจ้งความโรงพยาบาลพระราม 2 แล้ว แฉตอนผู้ตายถึงโรงพยาบาลไม่มีหมอ แถมถูกเวรเปลลากตัวขึ้นแท็กซี่ไปอีกโรงพยาบาล ลั่นถ้ามีหมอคงไม่ตาย
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2561 นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ไลฟ์ผ่านทางเฟซบุ๊ก ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ถึงเหตุนางสาวช่อลัดดา ถูกสามีสาดน้ำกรดใส่ แต่ถูกโรงพยาบาลปฏิเสธให้การรักษา จนเสียชีวิตในเวลาต่อมาว่า วันเกิดเหตุผู้ตายและลูกสาวเดินทางจากบ้าน หลังถูกน้ำกรดสาดที่หน้าอกจนถึงศีรษะ น้ำกรดเข้าไปในรูจมูก 2 ข้าง เข้าสู่หลอดลมทะลุลงไปในปอด โดยน้ำกรดได้กัดปอดในระยะเวลาแค่เพียงไม่นาน ลูกสาวได้พาแม่เดินไปปากซอย 300 เมตร เพื่อไปหารถแท็กซี่
โดยนายสิทธิชัย คนขับรถแท็กซี่คนแรก เปิดเผยว่า ได้รับผู้ตายขึ้นรถตอนตี 5 ตอนนั้นผู้ตายปวดแสบร้อนที่หน้า บอกให้ตนไปส่งโรงพยาบาลบางมด แต่ผู้ตายร้องครวญครางตลอด ตนเลยตัดสินใจส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เพราะคิดว่าถึงมือหมอคงจะปลอดภัย จึงไปโรงพยาบาลพระราม 2 พอถึงโรงพยาบาลไม่มีใครอยู่เลย ทั้ง รปภ. เวรเปล พอลูกสาวผู้ตายจ่ายเงินเสร็จก็รีบวิ่งไปข้างบน แต่ไม่มีใคร น้องเลยวิ่งไปด้านหลังที่ศูนย์อาหารที่มีคนนั่งอยู่ ตนดับเครื่องรถแล้วตามไปก็ไม่เจอใครเลยสักคน เจอแต่ประชาสัมพันธ์หรือเป็นอะไรไม่รู้ และแม่บ้าน 1 คน ซึ่งก็ถามตนว่ามาทำอะไร ตนก็บอกว่าน้องวิ่งขึ้นมาห้องฉุกเฉิน แล้วบอกว่าไม่เห็นมีใคร ตนก็งงว่าไม่เห็นได้ยังไง เพราะวิ่งมาต้องผ่าน
นายสิทธิชัย กล่าวต่อว่า สักพักคนที่อยู่ข้างล่างก็พาคนป่วยกับลูกขึ้นมา คนที่เคาน์เตอร์ถึงรู้ว่ามีคนมา ตนก็เดินไปหาน้องเขาบอกว่าพี่กลับก่อนนะ เขาก็บอกขอบคุณ ตนแปลกใจว่าทำไมเขาถึงไม่เห็นคนที่มา คนที่อยู่ในห้องฉุกเฉิน 3-4 คน ผู้ชายล้วน และอีก 2 คน ที่ถามตน ขอยืนยันว่าเวลานั้นไม่มีหมอเลย สภาพเขาร้องแสบตลอดเวลา เขาบอกว่าโดนน้ำร้อนมาตอนเขาหลับ ตนว่าเขาคงไม่รู้ว่าเป็นน้ำกรด พอถึงโรงพยาบาลถ้ามีหมอคงวินิจฉัยได้ว่าน้ำกรดหรือน้ำร้อน เขาต้องยื้อชีวิตไว้ได้ แต่นี่ไม่มีหมอเลย
จากนั้นนายอัจฉริยะ ได้กล่าวต่อว่า ตอนที่คนขับแท็กซี่พาผู้ตายไปถึงเป็นเวลา 05.30 น. อยู่ในสภาพหน้าตาบิดเบี้ยวไปครึ่งซีก เพราะถูกน้ำกรดกัดอย่างรุนแรง ที่สำคัญคือไม่ได้มีการทายาสีฟันตามที่มีคนกล่าวอ้างว่ามีการทายาสีฟันมาโรงพยาบาล ใช้เวลาในการทำแผลตั้งแต่ 05.30 น. เข็นเปลออกมาหลังจากพันผ้าพันแผลให้ พยาบาลให้เงินลูกสาวผู้ตาย 40 บาท เพื่อให้ไปที่โรงพยาบาลบางมด และไปเรียกแท็กซี่ให้ ทั้งที่มีรถโรงพยาบาลจอดอยู่ 2 คัน แต่ไม่ได้มีการประสานไปยังโรงพยาบาลบางมด
โดยเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลยอมรับว่า ไม่มีหมออยู่ในที่เกิดเหตุแม้แต่คนเดียว เป็นการรักษาโดยพยาบาลทำแผล ผู้ตายถูกเวรเปลไปส่งขึ้นแท็กซี่ มีการสอดแขนและยกขาดึงขึ้นมานอนหงายบนรถแท็กซี่ ตอนถึงโรงพยาบาลบางมด ผู้ตายช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ คนขับแท็กซี่คนที่สองเป็นคนตะโกนบอกเวรเปลว่ามีคนป่วย เพราะว่าโรงพยาบาลพระราม 2 ไม่ได้ประสาน พอถึงห้องฉุกเฉินผู้ตายบอกว่าไม่ไหวแล้ว พอหมอเอาผ้าพันแผลออก พบว่าหน้ามีรอยไหม้เพราะถูกน้ำกรดกัด หมอได้ดูดสารคัดหลั่งก่อนผู้ตายจะหมดสติ หมอได้พยายามช่วยชีวิตนานกว่าครึ่งชั่วโมง แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยโรงพยาบาลบางมดได้ส่งมอบภาพกล้องวงจรปิดให้กับพนักงานสอบสวนแล้ว
ทั้งนี้ผลการชันสูตรโดยโรงพยาบาลศิริราชอย่างไม่เป็นทางการ พบว่า ระบบหายใจไหลเวียนโลหิตล้มเหลว สิ่งที่เกิดขึ้นเพราะว่าโรงพยาบาลพระราม 2 ไม่มีหมอ หากมีหมอ คุณช่อลัดดาจะไม่ตาย ซึ่งตนได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้บริหาร, ที่ปรึกษาของโรงพยาบาลพระราม 2 และหมอ แล้ว ถือเป็นการกระทำเข้าข่ายประมาทจนมีผู้เสียชีวิต มีความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 ผู้รับอนุญาตไม่จัดให้มีผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลตามกฎหมายกำหนด ผู้รับอนุญาตไม่ควบคุมให้มีการช่วยเหลือเยียวยาผู้ป่วยซึ่งอยู่ในสภาวะอันตราย ต้องได้รับการรักษาฉุกเฉิน ถือเป็นการกระทำโดยประมาท ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
