สาวแชร์เรื่องเล่า ขณะเข้าช่วยคนที่กำลังจะฆ่าตัวตาย ใครจะรู้ คำพูดเพียงประโยคเดียวอาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่ช่วยชีวิตให้ใครอีกคน
โดยจากรายงานของเว็บไซต์อินสไปร์มอร์ เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2561 เผยว่า นิโคลก็เป็นหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่ง ที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องพบเจอกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความเกี่ยวพันถึงชีวิต ทว่าในระหว่างที่เธอกำลังขับรถข้ามสะพานดังกล่าว อยู่ ๆ นิโคลก็สังเกตเห็นเด็กหนุ่มวัย 20 ปี ที่กำลังยืนอยู่ที่ขอบสะพาน ในสภาพที่น้ำตาอาบแก้ม ราวกับว่าเขายืนร้องไห้อยู่ที่นี่มาหลายชั่วโมงแล้ว
นิโคลชะลอรถลงเพื่อมองดูเด็กหนุ่มคนนี้ ท่าทีเศร้า ๆ ของเขาทำให้เธออดห่วงไม่ได้ และในตอนนั้นเองที่เธอต้องหยุดรถอย่างกะทันหัน และวิ่งลงจากรถในทันที เมื่อเธอเห็นว่าเด็กหนุ่มคนนี้เริ่มจะปีนขึ้นไปบนขอบสะพาน !
![สาวแชร์เรื่องเล่า ขณะหยุดคนที่คิดจะฆ่าตัวตาย ใครจะรู้.. คำพูดเพียงนิด อาจต่อชีวิตได้]( "สาวแชร์เรื่องเล่า ขณะหยุดคนที่คิดจะฆ่าตัวตาย ใครจะรู้.. คำพูดเพียงนิด อาจต่อชีวิตได้")
และไม่น่าเชื่อ เสียงตะโกนจากหญิงสาวแปลกหน้าได้ทำให้เด็กหนุ่มคนนี้ชะงักไป เขานิ่งค้างอยู่บนขอบสะพานนั้น ก่อนที่จะยอมปีนกลับมาในที่สุด และโผเข้าสู่อ้อมกอดของนิโคล พร้อมกับกล่าวซ้ำไปซ้ำมาด้วยน้ำเสียงสะอื้นว่า "ผมขอโทษ... ผมขอโทษ"
ในตอนที่ นิโคล โอโยลา สาววัย 23 ปี กำลังขับรถขึ้นไปบนสะพานโฮเวิร์ด-แฟรงก์แลนด์ ในรัฐฟลอริดา สหรัฐฯ นั้น เธอไม่ได้คิดเรื่องใดเลยนอกจากจุดหมายข้างหน้า และสิ่งที่ต้องทำหลังจากนั้น ไม่ได้คิดแม้แต่น้อยว่าในช่วงเวลาเพียงสั้น ๆ ขณะที่กำลังข้ามสะพานในวันนั้น จะเกิดเหตุการณ์บางอย่างที่เปลี่ยนชีวิตของเธอกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งไปอย่างสิ้นเชิง
โดยจากรายงานของเว็บไซต์อินสไปร์มอร์ เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2561 เผยว่า นิโคลก็เป็นหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่ง ที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องพบเจอกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความเกี่ยวพันถึงชีวิต ทว่าในระหว่างที่เธอกำลังขับรถข้ามสะพานดังกล่าว อยู่ ๆ นิโคลก็สังเกตเห็นเด็กหนุ่มวัย 20 ปี ที่กำลังยืนอยู่ที่ขอบสะพาน ในสภาพที่น้ำตาอาบแก้ม ราวกับว่าเขายืนร้องไห้อยู่ที่นี่มาหลายชั่วโมงแล้ว
นิโคลชะลอรถลงเพื่อมองดูเด็กหนุ่มคนนี้ ท่าทีเศร้า ๆ ของเขาทำให้เธออดห่วงไม่ได้ และในตอนนั้นเองที่เธอต้องหยุดรถอย่างกะทันหัน และวิ่งลงจากรถในทันที เมื่อเธอเห็นว่าเด็กหนุ่มคนนี้เริ่มจะปีนขึ้นไปบนขอบสะพาน !
เขากำลังคิดจะฆ่าตัวตายอย่างไม่ต้องสงสัย ในตอนนั้นนิโคลไม่คิดถึงสิ่งอื่นใดแล้ว เธอไม่มีเวลาแม้แต่จะกดเปิดไฟหยุดรถฉุกเฉิน เธอรีบวิ่งตรงเข้าไปหาเด็กหนุ่มที่สิ้นหวัง พร้อมร้องตะโกนออกไปว่า "ฉันรักคุณมากนะ พระเจ้าก็รักคุณเหมือนกัน ฉันอยากจะกอดคุณนะ"
"ถึงแม้ฉันไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นตอนเข้าถึงตัวเขา แต่ฉันต้องกอดเด็กคนนี้ไว้" นิโคล เผยถึงความคิดเพียงหนึ่งเดียวที่เธอนึกถึงในตอนนั้น
ในที่สุดก็เริ่มมีคนอื่น ๆ ที่ขับรถผ่านมาสังเกตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น พลเมืองดีอีกคนได้หยุดรถและเข้ามาปลอบหนุ่มคนนี้เช่นกัน นิโคลจึงใช้โอกาสนี้โทร. แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ รอจนกระทั่งเจ้าหน้าที่มาถึงในที่สุด หลังจากนั้นเธอก็ตัดสินใจที่จะนั่งคุยกับเขาต่ออีกสักพัก ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่จะพาตัวเด็กหนุ่มคนนี้ไป
"เขาเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้ฉันฟังมากมาย มันเป็นเรื่องที่ส่วนตัวมาก ๆ ซึ่งฉันจะไม่ขอพูดถึง แต่มันก็เป็นเรื่องที่เจ็บปวดมากสำหรับเขา เป็นเรื่องเลวร้าย ที่ถ้าฉันต้องอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น ก็คงไม่ต้องการให้ใครมาซ้ำเติมฉันเช่นกัน" นิโคล เผย
ทั้งนี้หลังจากเหตุการณ์บนสะพาน นิโคลทราบว่าเด็กหนุ่มได้ถูกพาไปเข้ารับการรักษาภาวะซึมเศร้าที่แผนกจิตเวช ซึ่งแม้ว่าเธอจะไม่ได้ติดต่อกับเขาอีกหลังจากนั้น แต่จากการพบเจอในช่วงเวลาสั้น ๆ นั้นก็ได้กลายมาเป็นความทรงจำแสนสำคัญ ที่ไม่เพียงทำให้นิโคลตระหนักว่าสิ่งเล็ก ๆ ที่เธอทำอาจเปลี่ยนชีวิตใครคนหนึ่งได้ แต่มันยังทำให้มุมมองของเธอที่มีต่อชีวิต เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
"ความจริงเรื่องที่ฉันได้ช่วยชีวิตเด็กคนนั้น กลายมาเป็นสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตฉันค่ะ ที่ผ่านมาฉันมักจะเอาแต่บ่นเรื่องต่าง ๆ อยู่ตลอด ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องสำคัญในชีวิต แต่ตอนนี้ฉันได้รู้แล้วว่ายังมีคนอื่น ๆ บนโลกที่ต้องผ่านเรื่องเลวร้ายกว่าฉันอยู่อีกมากมาย" นิโคล เผย
ในที่สุดก็เริ่มมีคนอื่น ๆ ที่ขับรถผ่านมาสังเกตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น พลเมืองดีอีกคนได้หยุดรถและเข้ามาปลอบหนุ่มคนนี้เช่นกัน นิโคลจึงใช้โอกาสนี้โทร. แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ รอจนกระทั่งเจ้าหน้าที่มาถึงในที่สุด หลังจากนั้นเธอก็ตัดสินใจที่จะนั่งคุยกับเขาต่ออีกสักพัก ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่จะพาตัวเด็กหนุ่มคนนี้ไป
"เขาเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้ฉันฟังมากมาย มันเป็นเรื่องที่ส่วนตัวมาก ๆ ซึ่งฉันจะไม่ขอพูดถึง แต่มันก็เป็นเรื่องที่เจ็บปวดมากสำหรับเขา เป็นเรื่องเลวร้าย ที่ถ้าฉันต้องอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น ก็คงไม่ต้องการให้ใครมาซ้ำเติมฉันเช่นกัน" นิโคล เผย
ทั้งนี้หลังจากเหตุการณ์บนสะพาน นิโคลทราบว่าเด็กหนุ่มได้ถูกพาไปเข้ารับการรักษาภาวะซึมเศร้าที่แผนกจิตเวช ซึ่งแม้ว่าเธอจะไม่ได้ติดต่อกับเขาอีกหลังจากนั้น แต่จากการพบเจอในช่วงเวลาสั้น ๆ นั้นก็ได้กลายมาเป็นความทรงจำแสนสำคัญ ที่ไม่เพียงทำให้นิโคลตระหนักว่าสิ่งเล็ก ๆ ที่เธอทำอาจเปลี่ยนชีวิตใครคนหนึ่งได้ แต่มันยังทำให้มุมมองของเธอที่มีต่อชีวิต เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
"ความจริงเรื่องที่ฉันได้ช่วยชีวิตเด็กคนนั้น กลายมาเป็นสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตฉันค่ะ ที่ผ่านมาฉันมักจะเอาแต่บ่นเรื่องต่าง ๆ อยู่ตลอด ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องสำคัญในชีวิต แต่ตอนนี้ฉันได้รู้แล้วว่ายังมีคนอื่น ๆ บนโลกที่ต้องผ่านเรื่องเลวร้ายกว่าฉันอยู่อีกมากมาย" นิโคล เผย
