คดีพลิก ! เด็ก 12 โดนไฟดูดตาย ที่แท้พยายามเข้าไปขโมยไม้พะยูง เพื่อนยันไม่ได้ทำครั้งแรก

          คืบกรณีครอบครัวเด็ก 12 ร้องเด็กถูกไฟที่รั้วจุดเก็บไม้พะยูง ในอุทยานแห่งชาติภูจองนายอย ดูดเสียชีวิต ติดใจการตาย ด้านอุทยานโต้กลับ เด็กพยายามลักลอบเข้าไปขโมยไม้ ยันไม่ใช่ครั้งแรกที่ทำ

          สืบเนื่องจากกรณีเด็กชายจิระดนัย ทันเต หรือ น้องเฟรม อายุ 12 ปี ถูกไฟดูดเสียชีวิตที่บริเวณจุดเก็บกองไม้พะยูง ภายในอุทยานแห่งชาติภูจองนายอย จ.อุบลราชธานี ที่เป็นรั้วลวดหนามที่มีกระแสไฟฟ้า แต่ทางครอบครัวติดใจการเสียชีวิต เชื่อว่าลูกชายไม่ได้เข้าไปเพื่อที่จะไปขโมยไม้พะยูงตามที่เจ้าหน้าที่กล่าวหา จนมีการแจ้งความเด็กและครอบครัวในข้อหาลักทรัพย์ และข้อหาบุกรุก แต่ยืนยันว่าเด็กชายเข้าไปเพียงเล่นน้ำในลำธารข้าง ๆ แล้วถูกไฟดูด ซึ่งประกอบกับพบร่องรอยบาดแผลตามร่างกายเด็กชายคล้ายถูกทำร้ายจนเสียชีวิต จึงได้ดำเนินการร้องขอความเป็นธรรมเกิดขึ้น


          เกี่ยวกับเรื่องนี้ (24 พฤศจิกายน 2561) รายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่อง Amarin TV รายงานบทสัมภาษณ์ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 อุบลราชธานี เปิดเผย เด็กชายจิระดนัย หรือ น้องเฟรม เคยเข้ามาที่จุดเก็บไม้พะยุงมาแล้ว 1 ครั้ง ช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มากับเพื่อน และมีการขโมยไม้พะยูงไปได้ 2 ท่อน แต่ถูกจับกุมได้ ตอนนั้นเห็นว่ายังเป็นเด็กจึงไม่ได้ดำเนินคดี ซึ่งวิธีการในครั้งนั้น เด็ก ๆ ใช้อุปกรณ์ตัดลวดที่ปล่อยกระแสไฟฟ้าทำให้เซฟตี้คัตทำงาน จึงไม่เกิดไฟฟ้าดูด แต่ในกรณีของน้องเฟรมในครั้งนี้ที่เสียชีวิต อาจเป็นเพราะวันที่เกิดเหตุมีฝนตก ทำให้เซฟตี้คัตไม่ทำงาน เมื่อมาถูกที่ลวดหนามจึงเกิดไฟดูดดังกล่าว

          นายชัยวัฒน์ เผยยืนยันว่า เจ้าหน้าที่มาเห็นศพเด็กชายก็ตอนเช้าอีกวันแล้ว ศพนอนอยู่ที่กองไม้พะยูงที่ผ่านรั้วลวดหนามเข้าไปได้แล้วชั้นหนึ่ง ตนยืนยันว่าไม่มีการยิงปืนหรือทุบทำร้ายตามที่ถูกกล่าวอ้าง ทางเจ้าหน้าที่ไม่อยากจะตอบโต้ครอบครัวเด็กชาย เพราะเข้าใจว่าได้รับความสูญเสีย แต่เชื่อว่าชาวบ้านในพื้นที่ทราบดีว่า จุดดังกล่าวมีกระแสไฟฟ้า เพราะมีการติดป้ายเตือน และมีการประชาสัมพันธ์เสียงตามสาย แต่อยากจะถามกลับไปว่า หากทางครอบครัวยืนยันว่าเด็กชายเข้าไปแค่เล่นน้ำ ทำไมเพื่อน ๆ ที่ไปด้วยถึงไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ให้ช่วย และอยากให้มองถึงหลักความจริงว่า คนที่ตั้งใจเข้าไปในพื้นที่ราชการที่มีรั้วกั้นถึง 2 ชั้น ในเวลากลางคืน เข้าไปทำอะไร


          สำหรับรั้วดังกล่าว ไม่ได้มีการปล่อยกระแสไฟตลอด จะปล่อยเฉพาะช่วงที่เจ้าหน้าที่ออกลาดตระเวน หรือตอนที่ฝนตก เพราะมีเจ้าหน้าที่ดูแลแค่ 2 คน แต่ต้องดูแลไม้พะยูน มูลค่านับ 100 ล้านบาท รถจักรยานยนต์ 200 คัน รถยนต์ 68 คัน รถไถนา 12 คัน ซึ่งหากหายไปมีโทษหนักถึงขั้นไล่ออกจากราชการ

          อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของคดีความที่มีการแจ้งข้อหาไปนั้น ทางหน่วยงานไม่ได้ตั้งใจที่จะเอาผิดผู้ปกครองของเด็ก แต่ต้องแจ้งความไปตามขั้นตอนราชการ ซึ่งในอีก 2 สัปดาห์ จะรู้ผลการสอบสวนข้อเท็จจริงที่มีการตั้งคณะกรรมการสอบแล้ว


          ขณะที่ เด็กชายจูเนียร์ อายุ 12 ปี เพื่อนของน้องเฟรมที่เคยเข้าไปในจุดเก็บไม้พยูงเมื่อเดือนสิงหาคม แล้วถูกจับกุมได้ เปิดเผยว่า ตนเคยไปกับเฟรมก่อนถูกจับได้ 1 ครั้ง ครั้งนั้นเอาไม้พะยูงมาได้ 2 ท่อน หนักท่อนละประมาณ 20 กิโลกรัม แต่ยังไม่ได้เอาไปขายเพราะไม้ผุเสียก่อน ตนจับที่รั้วแล้วพบว่าไม่มีกระแสไฟ จึงเข้าไปเอาไม้ออกมาได้ จนมาเดือนสิงหาคมที่ตนถูกจับได้นั้น ครั้งนั้นไปกับเพื่อน ๆ เฟรมไม่ได้ไปด้วย จนรอบล่าสุดที่เฟรมถูกไฟช็อตตาย ตนไม่ได้ไปด้วยเพราะหลังถูกจับครั้งนั้นก็ไม่เคยไปอีกเลย ตนยืนยันว่าเฟรมรู้ว่ามีไฟฟ้าที่รั้ว เพราะเคยไปกับตนมาแล้วในครั้งแรก แต่วันที่ตาย ตนไม่รู้ว่าไปทำไม มารู้อีกทีคือเสียชีวิตแล้ว

          ทั้งนี้ ไม้พะยูงของกลาง เป็นท่อนไม้ที่มีทั้งขนาดเล็ก และขนาดใหญ่ มีทั้งที่แปรรูปแล้วและยังไม่แปรรูป ขนาดเล็กสุดยาวประมาณ 120 เซนติเมตร หนา 4 นิ้ว น้ำหนักท่อนละประมาณ 20-25 กิโลกรัม มีราคากิโลกรัมละ 400 บาท หรือตกราคาท่อนละหลายหมื่นบาท



อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก