พระเปิดศึกวิวาท รับเจิมรถซ้อนกิจนิมนต์ ชี้บาดหมางเรื่องเก่าจนปะทุ แย่งกันเจิมรถให้โยม ปาแก้วกาแฟแตกลงพื้น โร่แจ้งความถูกทำร้ายร่างกาย
ด้าน พระปลัดวุฒิพงษ์ ระบุว่า วันเกิดเหตุ พระลูกวัดมาหาตนพร้อมกระดาษ 2 แผ่น และเขียนรายชื่อพระ
มาบอกกับตนว่ารับงานมา 2 งาน ตนก็ถามกลับว่ารับงานมาได้อย่างไร
ทำไมไม่ปรึกษาสำนักงานก่อน เพราะมีการรับงานชน
จึงทำให้เกิดเป็นปัญหาพระไม่พอ แต่พระรูปดังกล่าวก็ยังดึงดันจะให้รับงาน
ตนเองจึงยอม และให้พระรูปดังกล่าวดำเนินการเองทั้งหมด
แต่เมื่อพระรูปดังกล่าวกำลังจะเดินออกไป ก็หันมาบอกว่า
การเจิมรถให้กับญาติโยม หลวงพี่เป็นคนเจิมหรือไม่อย่างไร
และหลวงพี่ไปเจิมรถเขาได้อย่างไร ถ้าหากเกิดอุบัติเหตุจะเสียชื่อวัดหรือไม่
ขณะที่
พระเทพศาสนาภิบาล เจ้าอาวาสวัด ในฐานะรองเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่า วัดไม่ได้กำหนด หรือติดป้ายว่ารับเจิมรถ ขึ้นอยู่กับความศรัทธาของญาติโยม
หากมีคนมาให้เจิมรถ ก็จะมีพระ 2 รูป ทำหน้าที่ดังกล่าว
หรือหากเลื่อมใสพระรูปใด ก็สามารถนิมนต์พระรูปนั้นมาประกอบพิธีให้ก็ได้
แต่เหตุการณ์นี้ตนเพิ่งทราบ ทำให้วัดเสียหาย
ตนมองว่าการทำหน้าที่แทนกันไม่ถือว่าผิด เนื่องจากพระเลขาฯ
ก็มีอายุพรรษากว่า 20 ปี ถือว่าเป็นพระรุ่นพี่ สามารถประกอบพิธีดังกล่าวได้
ส่วนพระลูกวัดที่ถูกแย่งกิจนิมนต์นั้น ก็ควรเคารพในการตัดสินใจของญาติโยม
และเข้าใจถึงสถานการณ์ แต่ความขัดแย้งในอดีต
อาจสะสมและนำมารวมกันกับเรื่องที่เกิดขึ้น
เบื้องต้นตนได้นิมนต์พระทั้ง 2 รูปเข้ามาให้ข้อมูลแล้ว ซึ่งพระเลขาฯ บอกว่าเกิดจากการเข้าใจผิด คุยกันไม่ลงตัว ส่วนพระอีกรูปยังไม่มาพบ มีเพียงโยมแม่ของพระเท่านั้นที่มาขอโทษ รอเพียงให้พระลูกวัดรูปดังกล่าวเข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริง แต่การกระทำของพระทั้ง 2 รูป ก็ไม่ได้เกิดความรุนแรงหรือผิดวินัย ดังนั้นจึงเป็นเพียงแค่การเตือนสติเท่านั้น ไม่ถึงขั้นปาราชิก
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก


ภาพจาก amarintv
วันที่ 5 ธันวาคม 2561 เว็บไซต์อมรินทร์ทีวี รายงานว่า ก่อนหน้านี้มีกรณีพระวัดดังใน จ.นครปฐม 2 รูป มีการทะเลาะวิวาท
แย่งกันเจิมรถให้ญาติโยม โดยพระกิตติ (นามสมมุติ) พระวัดไร่ขิง จ.นครปฐม
เป็นพระที่ถูกทำร้ายร่างกาย เผยว่า เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ที่ผ่านมา
ตนไปติดต่องานที่สำนักงานของวัด เพื่อขอไปกิจนิมนต์ของญาติโยม
แต่พระปลัดวุฒิพงษ์ พระเลขาหัวหน้าสำนักงานวัด คู่กรณีได้ตอบปฏิเสธ
บอกว่าไม่มีเหตุผล เป็นความพอใจส่วนบุคคล
และบอกว่าหากพบเห็นพระรูปไหนที่ไปออกกิจนิมนต์ให้ตนจะไม่ให้งานกิจนิมนต์อีกเลย
พระกิตติ
กล่าวต่อว่า ตนมองว่าเป็นการใช้ตำแหน่งในทางมิชอบ ทำให้พระรูปอื่นเกรงกลัว
ตนได้ท้วงติงเรื่องการเจิมรถ เพราะพระเลขาฯ
ไม่เคยเรียนวิธีการเจิมรถที่ถูกต้อง กลับอ้างตัวว่าเป็นพระเจิมรถ
การเจิมแต่ละครั้งก็จะได้ลาภสักการะ และบอกกับตนว่าไม่หนักหัวใคร
ตนสงสารญาติโยมที่มาทำบุญ หากโยมเจิมรถแล้วเกิดอุบัติเหตุ ใครจะรับผิดชอบ
อาจจะส่งผลต่อชื่อเสียงถึงวัดได้ หลังจากนั้น พระเลขาฯ ก็โทร.
หาพระลูกวัดรูปอื่น ๆ ให้มาดูเหตุการณ์
ตนก็พูดประโยคหนึ่งทำให้อีกฝ่ายฉุนเฉียวและปาข้าวของใส่
หลังจากนั้นตนจึงเข้าแจ้งความ

ภาพจาก amarintv
พระปลัดวุฒิพงษ์
กล่าวต่อว่า ซึ่งจากคำพูดดังกล่าวตนเองบอกว่าเป็นคนละเรื่องกัน
โดยเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ได้มีการพูดคุยเรื่องกิจนิมนต์
แต่ได้หยิบเอาเรื่องส่วนตัวขึ้นมาพูด
เพราะการเจิมรถเป็นเรื่องส่วนตัวที่ญาติโยมศรัทธา และเข้ามาขอให้เจิมรถให้
ตนจึงหันไปหยิบเอาแก้วกาแฟที่วางอยู่ขึ้นมาเขวี้ยงไปโดนพื้น
และภายในถ้วยยังมีน้ำกาแฟอยู่ จึงกระเด็นไปทั่วพื้นและโดนตัวของพระ
จากนั้นพระรูปดังกล่าวก็รีบออกไปจากสำนักงาน
และเหตุการณ์นั้นยอมรับว่าตนเองรู้สึกโกรธกับคำพูด จึงบันดาลโทสะ

ภาพจาก amarintv
เบื้องต้นตนได้นิมนต์พระทั้ง 2 รูปเข้ามาให้ข้อมูลแล้ว ซึ่งพระเลขาฯ บอกว่าเกิดจากการเข้าใจผิด คุยกันไม่ลงตัว ส่วนพระอีกรูปยังไม่มาพบ มีเพียงโยมแม่ของพระเท่านั้นที่มาขอโทษ รอเพียงให้พระลูกวัดรูปดังกล่าวเข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริง แต่การกระทำของพระทั้ง 2 รูป ก็ไม่ได้เกิดความรุนแรงหรือผิดวินัย ดังนั้นจึงเป็นเพียงแค่การเตือนสติเท่านั้น ไม่ถึงขั้นปาราชิก
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
