ชาวอินโดฯ ผวา เจอเมฆหนาครึ้มคล้ายสึนามิบนฟ้า หลังเพิ่งผ่านพ้นภัยมาได้ไม่ถึงเดือน

           วันที่ 3 มกราคม 2562 เว็บไซต์เอเชียวัน รายงานว่า เครื่องบิน 5 ลำ ที่จะลงจอดยังท่าอากาศยานนานาชาติสุลต่านฮาซานุดดิน ในเมืองมากัซซาร์ เกาะสุลาเวสีใต้ ประเทศอินโดนีเซีย จำต้องบินวนอยู่บนท้องฟ้าเหนือสนามบินเป็นเวลา 20 นาที ในช่วงบ่ายวันอังคารที่ผ่านมา (1 มกราคม) หลังพบว่ามีกลุ่มเมฆหนาที่ก่อตัวขึ้นสูงปรากฏในพื้นที่ โดยทางหอควบคุมการจราจรทางอากาศเป็นผู้สั่งห้ามพวกเขาไม่ให้ลงจอดในช่วงเวลาดังกล่าว เนื่องจากกลุ่มเมฆดังกล่าวมีความเสี่ยงที่จะเกิดฟ้าผ่า

 

           ขณะที่ชาวบ้านซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ต่างก็เกิดความแตกตื่นและหวาดผวาไปตาม ๆ กัน เมื่อได้พบเห็นกลุ่มเมฆหนาครึ้มที่ก่อตัวเป็นลักษณะคล้ายคลื่นสึนามิบนท้องฟ้า หลังจากที่พวกเขาเพิ่งจะเผชิญความสูญเสียจากภัยธรรมชาติไปได้ไม่ถึง 1 เดือนก่อนหน้านี้ 

 

           ชาวเน็ตบางคนได้อัดคลิปช่วงเวลาดังกล่าวไว้ เผยให้เห็นกลุ่มเมฆหนาที่ก่อตัวขึ้นสูงไปบนท้องฟ้า ทอดตัวต่อกันเป็นแนวยาว ลักษณะอันน่าสะพรึงกลัวนี้ได้สร้างความตกใจให้ผู้พบเห็น อย่างไรก็ตามผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อ @P3nj3l4j4h ก็ได้ออกมาชี้ว่า "ในวันแรกของปี 2562 ท้องฟ้าในมากัซซาร์ได้เผยให้เห็นความสวยงาม ของกลุ่มเมฆที่ก่อตัวขึ้นเหมือนสึนามิบนฟ้า แต่ใจเย็นก่อนนะ พยากรณ์อากาศบอกว่ามันเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้ตามปกติ และเคยเกิดขึ้นที่ประเทศอื่นมาแล้ว"

           ทางด้าน โนวี่ ปันทารีอันโต ผู้จัดการทั่วไปของสายการบิน AirNav Indonesia เปิดเผยว่า เครื่องบินทั้ง 5 ลำ สามารถทำการลงจอดได้อย่างปลอดภัย หลังจากท้องฟ้าปลอดโปร่งขึ้น สำหรับเมฆที่ปรากฏในช่วงเวลาดังกล่าว คือ เมฆคิวมูโลนิมบัส (Cumulonimbus) เมฆก่อตัวในแนวตั้งที่มีขนาดใหญ่มาก ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายต่อเครื่องบิน เนื่องจากภายในกลุ่มเมฆมีอนุภาคน้ำแข็งอยู่ภายในจำนวนมาก ทำให้เสี่ยงที่เครื่องยนต์จะถูกแช่แข็ง และยังมีฟ้าผ่าอยู่ภายใน 

 

           ทั้งนี้ หอควบคุมการจราจรทางอากาศได้เตรียมพร้อมรับมือกับเมฆลักษณะดังกล่าวไว้แล้ว โดยมีเรดาร์ที่สามารถตรวจจับสภาพอากาศได้ในรัศมี 100 กิโลเมตร ทำให้สามารถให้คำแนะนำแก่นักบินได้อย่างถูกต้อง 

 

           ขณะที่เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานสำนักงานอุตุนิยมวิทยา ภูมิอากาศ และธรณีฟิสิกส์ (Meteorology, Climatology and Geophysics Agency) สาขาเมืองมากัซซาร์ ชี้ว่า เมฆคิวมูโลนิมบัสที่ปรากฏนั้นอาจก่อให้เกิดฝนตกหนัก มีฟ้าผ่า และกระแสลมแรงขึ้นได้ แต่ปกติมักจะหายไปภายใน 1-2 ชั่วโมง 

 

ภาพจาก ทวิตเตอร์ @Nunuf4