วอนเยียวยา สาวติดคุกฟรี 8 เดือน หลังแฟนพาซ้อน จยย. ส่งยาบ้า ออกจากคุกซึมเศร้าหนัก

          อุทาหรณ์..สาวสุรินทร์ ถูกขังคุกฟรี 8 เดือน หลังซ้อน จยย. แฟนหนุ่มที่เพิ่งคบได้ไม่นาน กลับถูกพาไปส่งยาบ้าด้วย โชคดีทนายใจบุญอาสาเข้าช่วยเหลือ ครอบครัววอนช่วยเยียวยาลูกสาว หลังออกจากคุก มีอาการซึมเศร้าหนัก
          วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2562 เดลินิวส์ออนไลน์ รายงานว่า ที่บ้านครอบครัว บำเพ็ญเพียร ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.ตระแสง อ.เมืองสุรินทร์ มีญาติพี่น้อง และเพื่อนบ้านร่วมพิธีบายศรีสู่ขวัญ ผูกข้อไม้ข้อมือให้กับ น.ส.สุพรรณษา บำเพ็ญเพียร อายุ 23 ปี หลังศาลชั้นต้น มีคำพิพากษายกฟ้อง น.ส.สุพรรณษา เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เกี่ยวกับคดียาเสพติด (ยาบ้า) ว่า ไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดในคดีดังกล่าว

          โดยคดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2561 น.ส.สุพรรณษา ได้ซ้อนรถจักรยานยนต์นายศุภกิจ อายุ 21 ปี แฟนหนุ่มที่เพิ่งหาคบกันไม่กี่เดือน เพื่อไปทำธุระ แต่แฟนกลับพาไปส่งยาบ้า จำนวน 41 เม็ด ให้กับสายตำรวจที่ล่อซื้อ ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุรินทร์ จับกุมได้ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา มียาบ้าไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ซึ่งแฟนหนุ่มที่เป็นผู้ต้องหา ได้ให้การรับสารภาพ และยืนยันว่า น.ส.สุพรรณษา ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ ประกอบกับครอบครัวฝ่ายหญิงไม่มีเงินประกันตัว ทำให้ต้องถูกคุมขังในเรือนจำกลางสุรินทร์ กว่า 8 เดือน ส่วนนายศุภกิจ ถูกศาลตัดสินให้จำคุก 4 ปี 6 เดือน ซึ่งต่อมา นายคำสิงห์ ชอบมี ทนายความ อาสาเข้าช่วยเหลือ น.ส.สุพรรณษา โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย จนศาลชั้นต้นตัดสินไม่มีความผิด และได้รับอิสรภาพกลับคืนมาดังกล่าว
          ทั้งนี้ รายงานระบุว่า ระหว่างพิธีผูกข้อมือเรียกขวัญ น.ส.สุพรรณษา ถึงกับร้องไห้ออกมาแม้จะได้รับอิสรภาพแล้วก็ตาม เนื่องจากสภาพจิตใจยังคงอยู่ในอาการย่ำแย่ เนื่องจากต้องถูกคุมขังถึง 8 เดือน ฟรี ๆ ด้านครอบครัวและญาติพี่น้อง ยืนยันว่า หลังจาก น.ส.สุพรรณษา ได้รับอิสรภาพกลับมา พบว่าอยู่ในอาการซึมเศร้า จากเป็นคนร่าเริงก็ไม่ค่อยพูดค่อยจา

          โดยนางพัชรพร ผู้เป็นแม่ กล่าวทั้งน้ำตาว่า ดีใจที่ลูกได้ออกจากเรือนจำ และขอขอบคุณทนายความที่อาสาช่วยเหลือโดยไม่รับสิ่งตอบแทนใด ๆ ซึ่งสิ่งที่ต้องการตอนนี้คือการเยียวยา ชดเชยให้กับลูกสาวจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะต้องไปอยู่ในเรือนจำฟรีถึง 8 เดือน
          ขณะที่ นายคำสิงห์ ทนายความ กล่าวว่า สำหรับคดีนี้อยากให้เป็นอุทาหรณ์ว่า เวลาที่จะคบหากับใครนั้นต้องดูให้ดี ไม่ว่าจะเป็นคนหนุ่มหรือสาว ลูกหลานเยาวชน ถ้าใครชวนไปไหนมาไหนถ้าไม่สนิทกันจริง ๆ อย่าได้เชื่อใจไปเด็ดขาด เดี๋ยวจะโดนข้อหาร่วมกันจำหน่ายหรือครอบครองยาเสพติดโดยไม่รู้ตัว และจะกลายเป็นความเดือดร้อนให้กับตัวเราเองและพ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพราะว่าโอกาสที่เราจะต่อสู้คดีหลุดเป็นเรื่องที่ยากมาก ครั้งนี้ถือว่าน้องเขายังมีบุญ แล้วเขาไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำผิด ศาลจึงเชื่อว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ และพิพากษายกฟ้อง


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก