รีซา อาซิซ ลูกเลี้ยง นาจิบ ราซัค อดีตนายกรัฐมนตรี มีเอี่ยวในเครือข่ายยักยอกเงินกองทุน 1MDB กว่า 131 ล้านบาท เข้ากระเป๋าตัวเอง และซื้อหุ้น
รีซา อาซิซ ขณะเดินเข้าสำนักงานปราบปรามทุจริต ในปุตตราจายา มาเลเซีย
รายงานระบุว่า
เงินจำนวน 73.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 2.3 พันล้านบาท
(อ้างอิงจากค่าเงินบาทปัจจุบัน) ดังกล่าว ได้ถูกส่งเข้าบัญชีของธนาคารริยาด
ในซาอุดีอาระเบีย ก่อนจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนด้วยกัน ดังนี้
-
เงินก้อนที่สาม จำนวน 39.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.23 พันล้านบาท
ไปอยู่ในมือ โมฮาเหม็ด อัล-ฮุสเซนนี อดีตผู้บริหารสูงสุดของบริษัทการเงินการลงทุน อาบาร์ พีเจเอส (Aabar Investments PJS)
ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ IPIC โดยโอนเข้าบัญชีของ ซูอาด อัล อัตตาส
อดีตภรรยาของเขา ซึ่งเธอได้ทำการกระจายออกเป็นหลายส่วน แบ่งเข้าบัญชีต่าง ๆ
รวมทั้งบัญชีของตัวเองและสามี
สำหรับ คาเด็ม ผู้ที่ถือเงินอีกก้อน
เขาเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากเงินนี้มากที่สุด
และฟอกเงินนี้ต่อไปเป็นทอด ๆ สิ่งที่น่าสนใจก็คือ
คาเด็มได้ปล่อยเงินกู้ผ่านบริษัทการเงินการลงทุนของตัวเอง จำนวน 4.2
ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 131 ล้านบาท ให้กับ Red Granite Capital
สตูดิโอสร้างภาพยนตร์แห่งหนึ่ง ที่หนึ่งในผู้เป็นเจ้าของคือ รีซา อาซิซ
นักสร้างภาพยนตร์และลูกเลี้ยงของ ดาโต๊ะ สรี นาจิบ ราซัค
บริษัทของคาเด็มยังร่วมลงทุนและถือหุ้น 43.7 เปอร์เซ็นต์ ในบริษัทด้านสิ่งอำนวยความสะดวกแห่งหนึ่งในรัฐเคนทักกี สหรัฐฯ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ โจอี้ แมคฟาร์แลนด์ นักสร้างหนังผู้เป็นเพื่อนใกล้ชิดกับ รีซา และเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Red Granite Capital
นอกจากนี้แล้ว ยังมีเงินอีกก้อนหนึ่งที่คาเด็มถ่ายโอนไปยัง Red Granite Investment Holdings ซึ่งรีซาเป็นเจ้าของ เงินก้อนนี้ถูกส่งต่อไปให้บริษัท Company 1 (นามสมมุติ) ในปี 2558 และในเวลาต่อมา โจอี้ได้รับเงินจำนวน 3.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 109 ล้านบาท จากบริษัทดังกล่าว หลังจากนั้นเขาก็ได้โอนเงิน 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 46.9 ล้านบาท ไปใส่บัญชีส่วนตัวของรีซา
กระทั่งในปีนี้ บริษัท Company 1 ก็ได้ใช้เงิน 28.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 879 ล้านบาท ซื้อหุ้นคืนจาก Red Granite Investment Holdings และอีกบริษัทหนึ่งที่โจอี้เป็นเจ้าของ รวมถึงนำเงินเข้าบัญชีดูแลผลประโยชน์ที่มีบริษัทกฎหมายในสหรัฐฯ เป็นเจ้าของด้วย
ขณะนี้กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกา ได้ดำเนินเรื่องเพื่อยึดทรัพย์สินมูลค่ารวม 38 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.18 ล้านบาท แล้ว และได้ยื่นเรื่องยึดทรัพย์เพิ่มเติมอีก รวมมูลค่าสินทรัพย์ที่จะถูกยึดคืนทั้งหมด กว่า 1.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 53 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้เดอะสตาร์ รายงานว่า รีซา ถูกเรียกเข้าสอบสวนที่สำนักงานปราบปรามการทุจริตแห่งชาติของมาเลเซียมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว และยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเขาจะถูกจับกุมดำเนินคดีหรือไม่
รีซา อาซิซ ขณะเดินเข้าสำนักงานปราบปรามทุจริต ในปุตตราจายา มาเลเซีย
ภาพจาก MOHD RASFAN / AFP
เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 เว็บไซต์มาเลย์เมล รายงานว่า กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกา
ทำการตรวจสอบปมทุจริตคอร์รัปชันครั้งใหญ่ของมาเลเซีย นั่นก็คือ
การยักยอกเงินกว่า 73.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 2.3 พันล้านบาท ไปจากโครงการ 1MDB
ซึ่งเป็นกองทุนที่รัฐบาลมาเลเซียจัดสรรเอาไว้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการเงินการลงทุนของชาติในปี
2556 โดยการสืบสวนค้นพบว่าหนึ่งในบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้คือ
ลูกเลี้ยงของ ดาโต๊ะ สรี นาจิบ ราซัค อดีตนายกรัฐมนตรี
ที่เพิ่งโดนจับกุมฐานคอร์รัปชันไปเมื่อปีที่แล้ว
-
เงินก้อนแรก จำนวน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 312.9 ล้านบาท
ถูกส่งไปที่ จัสมิน ลู ไอ สวาน อดีตผู้อำนวยการฝ่ายบริการกลยุทธ์ของโครงการ
1MDB
- เงินก้อนที่สอง จำนวน 24 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 750
ล้านบาท โอนไปยัง คาเด็ม อับดุลลา อัล-คูไบซิ
อดีตกรรมการบริษัทการลงทุนปิโตรเลียมแห่งชาติ (IPIC - International
Petroleum Investment Company) ส่วนหนึ่งของกองทุนแห่งชาติซาอุดีอาระเบีย
ในปี 2557 จัสมิน
ผู้ซึ่งขณะนี้ถูกออกหมายจับอยู่ในมาเลเซีย
ได้นำเงินก้อนดังกล่าวไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
รวมมูลค่าราว 3.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 97 ล้านบาท ในขณะที่
โมฮัมเหม็ด
นำเงินส่วนหนึ่งไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ในย่านคนรวยของมหานครนิวยอร์ก เมื่อปี
2558 รวมมูลค่าเกือบ 4.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 128 ล้านบาท
ซึ่งได้ขายทิ้งไปในเวลาต่อมา
ภาพจาก MICHAEL LOCCISANO / AFP
บริษัทของคาเด็มยังร่วมลงทุนและถือหุ้น 43.7 เปอร์เซ็นต์ ในบริษัทด้านสิ่งอำนวยความสะดวกแห่งหนึ่งในรัฐเคนทักกี สหรัฐฯ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ โจอี้ แมคฟาร์แลนด์ นักสร้างหนังผู้เป็นเพื่อนใกล้ชิดกับ รีซา และเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Red Granite Capital
นอกจากนี้แล้ว ยังมีเงินอีกก้อนหนึ่งที่คาเด็มถ่ายโอนไปยัง Red Granite Investment Holdings ซึ่งรีซาเป็นเจ้าของ เงินก้อนนี้ถูกส่งต่อไปให้บริษัท Company 1 (นามสมมุติ) ในปี 2558 และในเวลาต่อมา โจอี้ได้รับเงินจำนวน 3.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 109 ล้านบาท จากบริษัทดังกล่าว หลังจากนั้นเขาก็ได้โอนเงิน 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 46.9 ล้านบาท ไปใส่บัญชีส่วนตัวของรีซา
กระทั่งในปีนี้ บริษัท Company 1 ก็ได้ใช้เงิน 28.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 879 ล้านบาท ซื้อหุ้นคืนจาก Red Granite Investment Holdings และอีกบริษัทหนึ่งที่โจอี้เป็นเจ้าของ รวมถึงนำเงินเข้าบัญชีดูแลผลประโยชน์ที่มีบริษัทกฎหมายในสหรัฐฯ เป็นเจ้าของด้วย
ขณะนี้กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกา ได้ดำเนินเรื่องเพื่อยึดทรัพย์สินมูลค่ารวม 38 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.18 ล้านบาท แล้ว และได้ยื่นเรื่องยึดทรัพย์เพิ่มเติมอีก รวมมูลค่าสินทรัพย์ที่จะถูกยึดคืนทั้งหมด กว่า 1.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 53 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้เดอะสตาร์ รายงานว่า รีซา ถูกเรียกเข้าสอบสวนที่สำนักงานปราบปรามการทุจริตแห่งชาติของมาเลเซียมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว และยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเขาจะถูกจับกุมดำเนินคดีหรือไม่