น้ำประปาในเวเนซุเอลาเป็นสีดำ ประชาชนใช้อุปโภคบริโภคไม่ได้ เพราะมีน้ำมันดิบเจือปนในน้ำ เผยล่าสุดโรงไฟฟ้าใช้ไม่ได้ เกือบทั่วประเทศไร้ไฟฟ้า คนป่วยล้มตายระนาว
วิกฤตการณ์ในเวเนซุเอลายังไม่มีทีท่าว่าจะถึงจุดจบ และยิ่งนับวันยิ่งเลวร้ายมากขึ้นเรื่อย ๆ อันเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจล่มสลายลง ประชาชนพากันโยนธนบัตรทิ้ง เงินเกลื่อนถนน เนื่องจากภาวะเงินเฟ้ออย่างหนักทำให้เงินสดเหล่านี้ไร้ค่า สินค้าพื้นฐานอย่าง แป้งสาลี น้ำมันทอดอาหาร หรือกระดาษชำระ กลายเป็นสินค้าหรูหราที่ผู้คนเข้าไม่ถึง และไม่สามารถซื้อมันได้โดยง่าย ประชาชนมากมายต่างพากันอพยพไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้ตัวเองและครอบครัวได้มีชีวิตที่ดีขึ้น คนที่ไม่สามารถย้ายได้ ก็ต้องทนกับสิ่งที่ตัวเองพบเจอต่อไป
และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุด เป็นสิ่งที่ตอกย้ำให้เห็นว่าฝันร้ายครั้งนี้ไม่มีทีท่าว่าจะกลายเป็นฝันดี และความตลกร้ายก็คือ ทรัพยากรสำคัญในประเทศอย่าง น้ำมันดิบ ที่ควรจะเป็นสิ่งอุ้มชูเศรษฐกิจของประเทศนี้ กลับกลายเป็นสิ่งที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน และไม่มีใครต้องการมัน...
จากการรายงานของเว็บไซต์เดลี่เมล เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2562 ระบุว่า เมืองซานดิเอโก ในรัฐการาโบโบ ทางตอนเหนือสุดของประเทศเวเนซุเอลา เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ประชาชนพบเจอกับความเดือดร้อนอย่างหนัก ประชาชนไม่มีน้ำสะอาดสำหรับอุปโภคบริโภค เนื่องจากน้ำประปาไม่ไหลมาหลายเดือน สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นยิ่งแย่กว่าเก่า เพราะไฟฟ้าก็ถูกตัดไปด้วย ทำให้ทั้งเมืองตกอยู่ในความมืดมานานหลายสัปดาห์ และล่าสุด หลังจากลำบากกับการไม่มีน้ำใช้ดื่มกินมานาน ชาวเมืองซานดิเอโกก็ตื่นขึ้นมาพบว่าน้ำไหลแล้ว แต่เรื่องนี้เป็นข่าวร้ายมากกว่าข่าวดี
บนสังคมออนไลน์ของเวเนซุเอลา เต็มไปด้วยภาพน้ำสีดำที่ไหลออกมาจากท่อประปาและก๊อกน้ำในเมืองซานดิเอโก น้ำเหล่านี้ไม่สามารถใช้อุปโภคบริโภคได้เลย เพราะมันเป็นน้ำที่เจือปนด้วยน้ำมันดิบ โดยบางคนโพสต์ภาพน้ำในชักโครกเป็นสีดำ บ้างก็แชร์ภาพน้ำดำในอ่างอาบน้ำ บางคนพบว่าน้ำดำออกมาจากสายยาง แม้แต่หัวจ่ายน้ำดับเพลิงก็พ่นน้ำสีดำทะลักออกมาเจิ่งนองไปทั่วบริเวณ
เอแบร์ลิเซธ กอนซาเลซ นักข่าวท้องถิ่น เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในเมืองซานดิเอโกนับว่าเลวร้ายอย่างมาก หลายพื้นที่ไม่มีน้ำใช้อย่างสิ้นเชิงมานาน 2 เดือน เช่นเดียวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในย่านบาเลนเซียและลอส กูโลส ในเช้าวันพุธ น้ำประปากลับมาไหลอีกครั้ง แต่มันกินไม่ได้ และใช้งานไม่ได้ เขาทิ้งท้ายอย่างเสียดสีว่า ขอบคุณน้ำดำเหล่านี้ที่ทำให้การตัดสินใจอพยพจากเวเนซุเอลาเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น
ทางด้านชาวเน็ตคนหนึ่งกล่าวอย่างเจ็บปวดเสียดสีว่า "สวัสดีพี่น้องประชาชนที่รัก วันนี้เราได้ประจักษ์กันถ้วนหน้าว่าน้ำกลับมาไหลอีกครั้ง และมันมาพร้อมกับความจริงอันแสนดำมืด พวกเราไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี เพราะเราไม่สามารถแม้แต่จะอาบน้ำได้ ขอให้พระผู้เป็นเจ้าช่วยปกปักรักษาประชาชนในย่านมัลดาของเมืองซานดิเอโก และในพื้นที่อื่น ๆ ของรัฐการาโบโบด้วย"
รายงานระบุว่า เวเนเซุเอลา คือ ประเทศที่มีน้ำมันดิบมากที่สุดในโลก แต่รัฐบาลบริหารจัดการทรัพยากรอันอุดมสมบูรณ์นี้อย่างไร้ประสิทธิภาพ ส่งผลให้ทั้งประเทศพบเจอกับความยากจนข้นแค้น และเมื่อเร็ว ๆ นี้ โรงไฟฟ้าของเวเนซุเอลาไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้อีกต่อไป ส่งผลให้พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศไม่มีไฟฟ้าใช้
และเมื่อไม่มีไฟฟ้า ทุกอย่างก็ได้รับผลกระทบทั้งหมด ภาวะวิกฤตในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา คือฝันร้ายอย่างที่สุด ธุรกิจในภาคเอกชนต้องปิดตัวลง ระบบขนส่งสาธารณะแทบไม่มีให้บริการ โรงพยาบาลก็เดือดร้อนอย่างหนัก การดูแลรักษาผู้ป่วยเป็นไปอย่างยากลำบากมาก และมีผู้ป่วยเสียชีวิตในช่วงนี้อย่างน้อย 17 ราย ในจำนวนนี้มีผู้ป่วยโรคไตรวมอยู่ด้วย เพราะเครื่องฟอกไตและอุปกรณ์ทางการแพทย์ใช้งานไม่ได้
การติดต่อสื่อสารก็เป็นไปอย่างยากลำบากเช่นกัน เนื่องจากสัญญาณโทรศัพท์และสัญญาณอินเทอร์เน็ตมีอยู่จำกัดมาก ปัญหาเหล่านี้ทำให้ประชาชนออกมาสร้างความรุนแรง ปล้นสะดม พยายามกักตุนทุกอย่างเอาไว้ และผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องไปรองเอาน้ำเสียจากท่อระบายน้ำมาดื่มมาใช้ เพราะพวกเขาสิ้นหวัง ไร้ทางอื่นแล้ว
ทั้งนี้ ยังไม่สามารถระบุได้เลยว่าภาวะวิกฤตของเวเนซุเอลาจะจบลงเมื่อใด